หนทางการต่อสู้ที่ยาวไกล...


การเดินออกจากวงจรหา (Take Cycle) ออกมาสู่วงจรแห่งการให้ (Give cycle) นั้นย่อมต้องเหนื่อย ต้องสู้ ต้องทนเป็นของธรรมดา

เฮ้อ...! เมื่อต้องเห็นพ่อแม่ลำบากนั้นก็ทุกข์ ยิ่งเพราะด้วยเราเรียน เรารู้มาก ยิ่งอยู่กับสังคมมากก็ยิ่งทุกข์ ไม่ใช่เพราะใครมาทำให้เราทุกข์ แต่ก็ทุกข์เพราะเราไปรู้จากวิถีทางแห่งความพ้นทุกข์ที่ไม่แท้จริง

คนในสังคมมักบอก มักสอน และมักทำให้เราเชื่อว่าการพ้นจากความทุกข์นั้นก็คือการมีทรัพย์สิน เงินทอง มีของใช้หรูหรา งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข

ดังนั้นหลายครั้งเราจึงคิดว่าถ้าไม่สามารถมอบเงินให้พ่อให้แม่ได้แล้วท่านจะไม่มี "ความสุข"

หลาย ๆ ครั้งที่เราต้องเห็นท่านเหนื่อยกาย แต่เราไม่เคยสังเกตุว่าท่าน "สบายใจ"

การที่ท่านต้องเดินทางไกลมาเพื่อทำบุญ ประกอบกุศลท่าน ถ้ามองเผิน ๆ เราก็ดูเหมือนว่าเราพาท่านมาลำบาก ต้องขับรถ ขับรา ต้องตื่นแต่เช้าและเข้านอนในเวลาดึก แต่ทว่าในช่วงเวลาแห่งวันนั้นท่านได้หลุดออกจากวงจรที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน คือ วงจรแห่งการ "หาเงิน"

การเดินออกจากวงจรหา (Take Cycle) ออกมาสู่วงจรแห่งการให้ (Give cycle) นั้นย่อมต้องเหนื่อย ต้องสู้ ต้องทนเป็นของธรรมดา

ซึ่งมิต่างอะไรกับเราในตอนนี้ต้องอยู่ ต้องสู้ ต้องทน กับการก้าวเดินไปดูเหมือนไร้จุดหมายมองไม่เห็นแม้ "ปลายทาง"

มีแต่เพียงความเชื่อมั่นและศรัทธาว่า จุดที่เราจะก้าวไปนั่นเป็นจุดที่ดี จุดที่มี "ความสุขแท้"

การที่ใครสักคนจะกล้ากระโดดลงในแม่น้ำหรือแม้กระทั่งทะเลอันเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่นั้น หลาย ๆ คนก็มักจะถามว่า "ฝั่งอยู่ที่ไหน" และไกลแค่ไหนหนอเราจะว่ายถึงขอบฝั่ง

หลาย ๆ คนเมื่อมองไกลไปสุดสายตาแล้วพบแต่เพียงเส้นโค้งของขอบฟ้า ก็มักจะต้องล่า ต้องถอย ใจคอต้องละห้อย ท้อถอยก่อนที่จะก้าวขากระโดดลงไป

หลาย ๆ คนกล้ากระโดดลงไป แต่ก็บอกว่าให้เรือลำน้อยค่อย ๆ แล่นตามประกบไปนะ เผื่อวันใดฉันเหนื่อย ฉันท้อ ฉันจะได้มีหนทางพอที่จะถอยและหนีขึ้นมาได้

หรือบางคนกระโดดลงไปแล้วก็เตรียมเครื่องช่วยชีวิตลงไปพร้อม กลัวเจ็บ กลัวตาย กลัวทุกข์ ในบางครั้งเครื่องช่วยชีวิตเหล่านั้นก็กลายเป็นเครื่อง "ถ่วง" ของชีวิตไปโดยปริยาย

การสู้แบบกล้า ๆ กลัว ๆ แหยง ๆ เป็นการต่อสู้ที่รังแต่จะทำให้เกิดความท้อถอยภายในจิต ในใจ

การเดินทางบนสายแห่งธรรมนี้ต้องกล้าสู้ กล้าตาย เพราะสุดท้ายทุก ๆ คนย่อมหนีความตายไปไม่พ้น

จะสู้หรือไม่สู้สุดท้ายก็ต้องตาย อย่างมากก็สู้แค่ตายเท่านั้น...

หมายเลขบันทึก: 345341เขียนเมื่อ 18 มีนาคม 2010 19:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม 2014 18:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ดีใจที่เห็นบทความดี เข้าใจดีถึงคำพูดในกรอบ คิดว่าท่านก็ยิ่งเข้าใจมากกว่า ถ้าคิดจะสู้ก็ไม่ต้องหวั่นไหวสู้ๆ

การที่ได้อัตภาพอันประเสริฐเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนานั้นพึงตั้งใจ ตั้งมั่นประกอบกุศลกรรมด้วยการทำความดีและการเสียสละ

ไม่มีนักกีฬาคนใดที่จะได้รับชัยชนะหากไม่ต้องเสียเหงื่อในการฝึกซ้อม

ชีวิตของเราก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีใคร คนใด ที่จะประกอบกุศลกรรมโดยที่ไม่ต้องลงทุน หรือลงแรงใด ๆ

เป็นการดีเสียอีกที่ครอบครัวของเราไม่มีเงิน เราจะได้ใช้ร่างกายนี้สร้างคุณงามความดีให้กับพระพุทธศาสนา

เป็นโอกาสที่ดีเสียอีก ที่เราไม่สามารถพึงพอใจเพียงแค่การถวายเงินเป็นทาน เพราะอมิสทานย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับการ "ปฏิบัติบูชา"

การนำอัตภาพนี้ ร่างกายนี้ น้อมนำมาอุทิศ มาถวายแม้กระทั่งสามารถทอดทิ้งร่างกายเพื่อเป็นประโยชน์แก่ส่วนร่วมนั้นถือได้ว่าเป็นการสร้าง "บารมี" อันยิ่งใหญ่

หากวันใดเรายังมีลมหายใจ วันนั้นยังหมายได้ว่าเราใช้มีโอกาส "สร้างความดี..."

ขอให้ท่านสำเร็จในสิ่งกระทำและมุ่งหวังแม้นจะลำบาก บางครั้งก็ยังเจออุปสรรค แต่ปัญหาใดๆที่จะมาขวาง การทำความดีนั้นหามีไม่ การทำ/สร้างความดีไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ต้องใช้ความอดทน หนักแน่น วิริยะ ความตั้งใจอย่างมาก บางคนอาจแพ้กลางทาง บางคนก็พยายามลุยไปข้างหน้าแม้นมันยาก ลำบาก ก็ทน สู้ เขาก็จะพบกับความสำเร็จที่รออยู่ ข้างหน้าแต่กว่าจะถึงระหว่างทางก็จะเจอบททดสอบที่อาจทำให้ท้อได้แต่นั้นก็ทำให้ฝึกความอดทนและเข้มแข็งให้กับเราด้วย หนทางไม่ได้สวยงามแต่ความความสำเร็จที่รออยู่นั้น คือ ความสงบ ความว่าง ความสุขใจ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท