ดูแลครอบครัว ท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง

ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กๆ เป็นหลัก ระลึกเสมอว่าเด็กๆ ต้องการผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายหรือไม่ก็ตาม

ข้อเสนอแนะการดูแลครอบครัวในสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง

ด้วยความห่วงใยต่อเด็กๆ ลูกหลาน และคนของครอบครัวที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง แต่อาจได้รับผลกระทบบ้างนั้น เครือข่ายครอบครัวมีข้อเสนอแนะการดูแลครอบครัว ดังนี้

๑.ยึดเด็กๆ เป็นศูนย์กลางการตัดสินใจ

ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กๆ เป็นหลัก ระลึกเสมอว่าเด็กๆ ต้องการผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายหรือไม่ก็ตาม ผู้ใหญ่พึงใส่ใจดูแลเด็กเป็นหลักกว่าสนใจการเมือง ไม่ควรทิ้งเด็กไว้ตามลำพังเป็นเวลานานๆ แล้วผู้ใหญ่มัวแต่ไปสนใจข่าวสาร หรือออกจากบ้านไปสนใจการชุมนุม

๒.ในกรณีต้องพาครอบครัวออกจากบ้าน

ควรศึกษาเส้นทางการชุมนุมก่อน และพึงเข้าใจว่าการชุมนุมอาจมีการเคลื่อนตัว ขยายผล หรือมีผลกระทบต่อเนื่องในรัศมีวงกว้างพอสมควร ฉะนั้น พยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางการชุมนุมไว้เป็นการดีที่สุด

ในกรณีที่ประสบเหตุการณ์วุ่นวายเฉพาะหน้า

-ให้พ่อแม่แน่ใจว่าลูกๆ หรือเด็กๆ ในความรับผิดชอบอยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ควรเขียนชื่อเด็กและพ่อแม่ผู้ปกครอง / เบอร์โทรศัพท์ / สถานที่ติดต่อใส่ไว้ในกระเป๋าของเด็กๆ ด้วย และบอกให้เขารู้ว่าขณะนั้นกำลังมีอะไรเกิดขึ้น และเรากำลังจะทำอะไร/อย่างไร โดยยึดหลัก “ไทยไม่มุง - พาครอบครัวออกจากสถานการณ์ให้เร็วที่สุด”

๓.กรณีเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุม

การประคองใจ ข่มใจ และเข้าใจความรู้สึกของเราและเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

- รับรู้อารมณ์ของตนเอง สังเกตความเครียดที่เกิดขึ้น แล้วพยายามข่มใจให้นิ่งที่สุด เพราะใจที่คุกรุ่นพร้อมจะโกรธ เป็นใจที่พร้อมจะแสดงออกด้วยความรุนแรง ไม่ว่าจะทางคำพูดหรือการกระทำ ซึ่งอาจเหวี่ยงกลับมาลงที่คนใกล้ตัวในครอบครัวได้ด้วย

- “การมองเขาว่าเพื่อนมนุษย์ที่คิดต่าง เป็นคนไทยด้วยกัน เป็นเพื่อนร่วมชาติเดียวกัน” อาจจะถูกมองว่าเป็นเพียงวาทกรรมคำพูดที่ดูดี แต่ขอให้เชื่อว่าด้วยฐานคิดอย่างนี้เท่านั้นที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกัน ไม่ว่าจะเป็นการปะทะกันทางคำพูด การแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ รวมทั้งการปะทะกันในลักษณะอื่นๆ ที่อาจรุนแรงกว่าตามมา

๔.กรณีมีการชุมนุมใกล้ชุมชนหรือที่พักอาศัยของเรา

- การรวมพลังคนในชุมชนเพื่อแสดงออกว่า “ชุมชนนี้เป็นมิตรต่อผู้ชุมนุม และปรารถนาความสงบสันติ” เป็นสิ่งที่พึงกระทำ นึกถึงวิถีไทยดั้งเดิมที่มีภาชนะใส่น้ำดื่มสำหรับเอื้อเฟื้อแก่ผู้ผ่านทางที่กระหาย เป็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตรไมตรีที่มีให้ต่อกัน

- ทักทายสนทนาบนพื้นฐานของการสร้างสัมพันธไมตรี ไม่พึงเริ่มต้นด้วยการใช้อารมณ์ แสดงความหงุดหงิดรำคาญใจ ต่อว่าต่อขาน อย่างไรก็ดี หากสังเกตว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในภาวะอารมณ์รุนแรง ขอให้ใช้การเจรจาต่อรอง เพื่อปกป้องชุมชนของเรา

- หากจำเป็นต้องกระทำการเพื่อปกป้องชุมชน พึงพยายามหาทางออกที่สงบสันติที่สุด “ใครจำคนที่ใส่ชุดมนุษย์ค้างคาวที่มาคลี่คลายสถานการณ์หน้าแฟลตดินแดงเมื่อเมษายนที่แล้วได้บ้าง เป็นหนทางคลี่คลายปัญหาที่ได้ทั้งผลลัพธ์และของแถมที่เป็นรอยยิ้มด้วย”

๕.การรับสื่อของครอบครัว

ครอบครัวพึงตื่นตัวในการรับสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะสถานการณ์อันอาจมีผลกระทบต่อคนในครอบครัว หรือชุมชน แต่พึงสังวรณ์เสมอว่า “เราจะรับสื่อเพื่อตื่นรู้ ไม่ตื่นตูมตื่นตามกัน”

ทุกวันนี้สื่อต่างๆ ทำงานเร็วมาก วิทยุ โทรทัศน์มีการรายงานข่าวทุกต้นชั่วโมง มีช่วงรายงานข่าวหลักอีกทั้งเช้า กลางวัน เย็น และดึก (ไม่นับโทรศัพท์มือถือที่มีบริการส่งข้อความหรือภาพข่าว) ซึ่งเลี่ยงไม่พ้นที่จะนำเสนอเรื่องราว ภาพและเสียงเดิมๆ ตอกย้ำซ้ำๆ โดยอาจยังไม่มีความคืบหน้าอะไรนัก ซึ่งอาจทำให้ผู้รับข่าวสารรู้สึกอึดอัด กระวนกระวายใจ หากพ่อแม่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเครียด หรือหมกมุ่นครุ่นคิดกับเรื่องนี้มากเกินไปแล้ว รู้สึกเกิดอาการสำลักข้อมูลข่าวสาร ขอให้พักการรับข้อมูลข่าวสารเสียบ้าง แล้วหันไปทำสิ่งอื่นให้เพลิดเพลินเจริญใจ ทำงานบ้าน เล่นกับลูก แปรวิกฤตบ้านเมืองเป็นโอกาสของครอบครัว เมื่อรู้สึกสมองโปร่งโล่งขึ้นแล้ว จึงเปิดรับสื่อเป็นระยะๆ

๖.พร้อมใจกันเป็นครอบครัวจิตอาสา

ในท่ามกลางเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ก็ตามนั้น ครอบครัวสามารถร่วมเป็นครอบครัวจิตอาสาด้วยกัน โดย

- ร่วมกันเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังภัย เป็นหูเป็นตา ไม่นิ่งดูดายต่อความเดือดร้อน หรือความเสียหายที่กำลังเกิดขึ้นต่อผู้อื่นหรือต่อสาธารณะ อาจอาสาเป็นนักข่าวพลเมืองก็ได้สำหรับท่านที่มีความพร้อม แต่ขอให้ระลึกถึงความห่วงใยของคนข้างหลังที่รออยู่ในบ้านเสมอด้วย

- หากเกิดความรุนแรงอันนำมาสู่การบาดเจ็บหรือสูญเสีย ครอบครัวพึงสนับสนุนให้สมาชิกหนุ่มสาว อาสามาเป็น “กองหลัง” ของเหตุการณ์ โดยอาสามาเป็นหน่วยพยาบาลดูแลผู้เจ็บป่วย หรือช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต่างๆ ได้

๗.เชื่อในมหัศจรรย์แห่งการสวดมนต์และภาวนา

ครอบครัวไหนที่สอนลูกให้สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ (รวมทั้งครอบครัวที่ไม่ค่อยได้สวดมนต์ด้วย) และกำลังรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย และกังวลใจต่อสถานการณ์บ้านเมือง ขอให้ใช้การสวดมนต์ภาวนาให้เป็นประโยชน์ ช่วยกันสวดมนต์และแผ่เมตตาให้แก่ทุกฝ่าย พลังเมตตาและความปรารถนาดีนี้อาจเป็นมหัศจรรย์นำพาบ้านเมืองออกจากวิกฤตได้ ใครจะรู้

มีงานศึกษาพบว่า “ชุมชนไหนมีคนสวดมนต์เกิน ๒๐% ชุมชนนั้นเกิดความสงบสุข”

๘.การให้ความสำคัญของครอบครัวต่อสถานการณ์การเมือง

พ่อแม่ผู้ปกครองพึงถือว่า “นี่คือโอกาสเรียนรู้เรื่องการเมืองของเด็กและเยาวชน (รวมทั้งผู้ใหญ่และสังคมไทยด้วย)” โอกาสที่จะเรียนรู้เพื่อจะเข้าใจธรรมชาติของการเมืองที่จะมีคนที่คิดต่างเห็นต่าง และแสดงออกต่างกัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรสร้างความเข้าใจแก่เด็กๆ ถึงสถานการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และการแสดงออกทางการเมืองโดยวิธีต่างๆ ของแต่ละฝ่าย เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเข้าใจในเหตุการณ์ที่อาจผิดปกติไปจากชีวิตประจำวัน เข้าใจเกมการเมืองของกลุ่มและฝักฝ่ายต่างๆ รวมทั้งเรียนรู้สิทธิ และหน้าที่ของประชาชนต่อการเมืองด้วยว่า เรามีหน้าที่มากกว่าการไปหย่อนบัตรเลือกตั้ง เพราะการเมืองจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบกับตัวเราไปตลอดชีวิต ไม่ว่าเราจะชอบไม่ชอบ ปรารถนาหรือไม่ปรารถนาก็ตาม การสดับตรับฟังการวิเคราะห์สถานการณ์ทางสื่อต่างๆ ด้วยใจที่นิ่ง ไม่ด่วนสรุป ด่วนเชื่อ ด่วนแสดงอารมณ์ และด้วยใจที่พร้อมจะเรียนรู้ เราจะไม่เสียโอกาส ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็กๆ ได้ ขอให้พ่อแม่ถือว่า “นี่เป็นโอกาสปลูกฝังวัฒนธรรมทางการเมืองที่แข็งแรงแก่ลูกหลาน และแก่สังคมไทยด้วย”

๙.ศรัทธาต่ออนาคตร่วมกัน เราจะนำพาประเทศผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน

แม้เหตุการณ์ความวุ่นวายนี้จะไม่ใช่สิ่งที่พึงปรารถนาของครอบครัวผู้รักสันติ แต่ขอให้มองเห็นว่า มันคือช่วงเปลี่ยนผ่านทางสังคม จากการสั่งสมเหตุปัจจัยมาจนถึงจุด ๆ หนึ่ง เป็นการเดินทางของประวัติศาสตร์ หากสังคมไทยผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยดี ไม่มีความรุนแรง หรือการกระทำที่นำบ้านเมืองถอยหลัง (เช่น การรัฐประหาร) สังคมไทยจะโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เข้มแข็งมากขึ้น

ยังมีวิกฤตอีกหลายเรื่องที่รอให้สังคมไทยไปแก้ไขด้วยกัน ทั้งวิกฤตภัยธรรมชาติ ภัยแล้งอากาศแปรปรวนที่มารออยู่ (รวมทั้งวิบัติภัยสึนามิ / แผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้น) วิกฤตเยาวชน วิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นอีก และอื่นๆ

ขอให้คนไทยมีศรัทธาต่ออนาคตร่วมกัน เราจะนำพาประเทศผ่านเหตุการณ์นี้ด้วยกัน และพร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายแห่งอนาคตร่วมกัน

เครือข่ายครอบครัว

๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓

--
มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว
192 ซอย 8 ถนนเทศบาลนิมิตรเหนือ
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร
กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท์: 0-2954-2346-7
โทรสาร: 0-2954-2348
Website: www.familynetwork.or.th

เขียนใน GotoKnow โดย ใบไม้ย้อนแสง
ใน ประชาสัมพันธ์จ้า..

คำสำคัญ (Tags): #กลุ่มผู้ชุมนุม#การชุมนุมทางการเมือง#ดูแลครอบครัว#ดูแลลูกหลาน#ศรัทธาต่ออนาคต

หมายเลขบันทึก: 343822เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2010 18:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 11:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่าน

ความเห็น (33)

Boo

เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2010 19:14 น. ()

คนรักบ้าน รักครอบครัว มาร่วมสนับสนุนแนวคิดนี้ค่ะพี่ใบไม้

เชื่อในมหัศจรรย์แห่งการสวดมนต์และภาวนา

ศรัทธาต่ออนาคตร่วมกัน เราจะนำพาประเทศผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน

แม้เราฟันเฟืองเล็กๆ ก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ ขอบคุณค่ะ

ใบไม้ย้อนแสง