ทนงห่วงเศรษฐกิจปีหน้าชะงัก หลังเจอทางตันงบปี
50 ล่าช้า ดึงเอกชนชะลอลงทุน พร้อมเสนอทางออก ชู พ.ร.ก.แทน แต่รับรัฐบาลต้องรับผิดชอบหนัก ด้านวราเทพดูดเงินเข้า ธ.ก.ส. ได้หมื่นล้าน
นายทนง พิทยะ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ด้านการลงทุนในปี
2550 เนื่องจากการเลือกตั้งยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมีขึ้นเมื่อใดแน่ ทำให้การพิจารณางบประมาณปี 2550 ต้องล่าช้าออกไป และส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐให้ต้องล่าช้าออกไป ซึ่งจะทำให้การลงทุนภาคเอกชนอาจจะชะลอตัวตาม เพราะต้องยอมรับว่า ภาคธุรกิจเอกชนของไทยยังไม่ใหญ่มาก และการตัดสินใจลงทุนจะตามภาครัฐเป็นหลัก อย่างไรก็ดี มองว่าแม้เศรษฐกิจในปี 2550 จะน่าเป็นห่วงกว่าในปี 2549 แต่ก็ ไม่น่าจะถึงขั้นเกิดวิกฤติ "คงจะไม่ถึงขั้นวิกฤติ แต่อาจจะทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบที่เรากลัวที่สุดก็คือ การลงทุนของภาคเอกชนจะหยุดชะงัก เนื่องมาจากงบประมาณล่าช้า เพราะฉะนั้นก็มีผลกระทบแน่ยอมรับว่ากลัว แต่จะทำอย่างไรได้ มันทำได้แค่นี้ รัฐบาลใช้เงินได้ตามกรอบที่กฎหมายให้ใช้ได้เท่านั้น แต่ตอนนี้ถึงจะมีเงิน แต่ไม่มีกฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้" นายทนงกล่าว
สำหรับการแก้ปัญหานั้น
กระทรวงการคลังก็พยายามเร่งรัดการเบิกจ่ายเพื่อฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ รวมทั้งคิดหาวิธีการแก้ปัญหาอื่น ๆ มาโดยตลอด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้ โดยตนรู้สึกเป็นห่วงรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะเข้ามารับหน้าที่บริหารประเทศในสมัยหน้า เพราะจะต้องเหนื่อยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เสนอว่าทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องทางด้านการเมืองควรจะร่วมกันหาจุดจบทางการเมืองให้มีการเลือกตั้งให้ได้เร็วที่สุด ทั้งนี้เห็นว่าทางออกในด้านกฎหมายนั้น หากจำเป็นมากจริง ๆ รัฐบาลอาจจะต้องออกพระราชกำหนดมาใช้เพื่อแก้ปัญหา แต่ต้องทำเฉพาะที่เห็นว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินมากเท่านั้น และรัฐบาลที่ออก พ.ร.ก. ก็จะต้องรับผิดชอบต่อการออกกฎหมายดังกล่าวด้วย "สำหรับเศรษฐกิจปีนี้ ยืนยันว่าไม่มีปัญหา 4% กว่าแน่นอน ส่วนปีหน้าอยู่ที่ว่าการเลือกตั้งจะมีการลากยาวไปถึงขนาดไหน ด้านการเก็บรายได้ภาครัฐในเดือน พ.ค. แม้ว่าจะต่ำกว่าเป้าไปประมาณ 3,000 ล้านบาทก็ตาม แต่กระทรวงการคลังก็ยังยืนยันว่าจะจัดทำงบสมดุลในปี 49" นายทนงกล่าว
นายวราเทพ
รัตนากร รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีแนวทางหาแหล่งเงินต้นทุนต่ำให้แก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อนำมาใช้สำหรับปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำนั้น ในขณะนี้ตนได้เจรจากับหน่วยราชการและกองทุนต่าง ๆ ให้ย้ายเงินฝากจากแหล่งเดิมมาฝากที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถหาเงินทุนให้ได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้
ด้านนายบุญไทย
แก้วขันตี ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ต้องการเงินทุนจำนวน 3-4 หมื่นล้าน
บาท เพื่อนำมาใช้สำหรับช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ ซึ่งแต่ละปีจะมียอดสินเชื่อใหม่ประมาณ
7-8 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่หากไม่สามารถหาเงินฝากมาได้ ก็เป็นไปได้ว่า ธนาคารก็คงจะต้องหาเงินต้นทุนต่ำเองเหมือนกับที่ผ่านมา เช่น การออกสลากออมทรัพย์ทวีสิน เป็นต้น รวมทั้งต้องเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามในช่วงประมาณเดือน ธ.ค.2549 นี้ ธ.ก.ส.มีแผนจะออกสลากออมทรัพย์ทวีสินชุดใหม่อีก 2 ชุด วงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการออกเพื่อทดแทนสลากฯ ชุดเดิมหมวด ฒ และ ฐ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 1 หมื่นล้านบาท และเป็นการระดมทุนเพิ่มเติมอีก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะให้ผลตอบแทนเงินรางวัลและอื่น ๆ ที่มีมูลค่าสูงกว่าสลากฯ ชุด 40 ปี
ไทยโพสต์ 16 มิ.ย. 49
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ห้องสมุดกรมบัญชีกลาง CGD Library ใน สรุปข่าวประจำวันของห้องสมุดกรมบัญชีกลาง
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก