วันที่ 29 พ.ค. 2549 ที่ผ่านมา นำทีมโดยน.พ. ชูชัย ศุภวงศ์ หัวหน้าโครงการพัฒนาเครือข่ายภาคประชาสังคมส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพื่อสุขภาวะของบุคคลและชุมชน (คมส.) ได้เข้าพบดร. ประพนธ์ ผาสุขยืด และทีมงานสคส. เพื่อหารือการนำ KM ใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานโครงการ ฯ และ น.พ. ชูชัย ศุภวงศ์ ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดของโครงการฯ ว่า
โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและสร้างกลไกเครือข่ายภาคประชาสังคม เพื่อทำหน้าที่ในการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างสุขภาพ (สุขภาวะ) และมุ่งเน้นไปที่ ชุมชนให้ร่วมเรียนรู้และสร้างวัฒนธรรมสิทธิมนุษยชนจากการปฏิบัติจริง โดย ใช้สถานการณ์ของพื้นที่เป็นตัวตั้งในการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมประสานความร่วมมือเครือข่ายด้านสิทธิมนุษยชน และเครือข่ายการพัฒนาที่หลากหลาย อันจะนำไปสู่การสรุปถอดบทเรียนและสังเคราะห์องค์ความรู้จากการปฏิบัติจริง เพื่อให้ได้รูปแบบการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม สามารถขยายผลในระยะต่อเนื่องได้
โครงการระยะที่1 ระยะเวลา 2 ป (มกราคม 2547 – เมษายน 2549) มุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริงขององค์กรภาคประชาสังคม ในการทำหน้าที่เป็นกลไกภาคประชาชน เพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และเสริมสร้างให้เกิดอาสาสมัครชาวบ้าน เพื่อดูแลและเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนในชุมชน ถือเป็นการทำงานเชิงรุก โดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง ซึ่งคัดเลือก 10 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ที่มีประเด็นร้อน ซึ่งเป็นพื้นที่เชิงรูปธรรมที่เน้นประเด็น ปัญหา กลุ่มเป้าหมาย และสนับสนุนโดยใช้ข้อมูลทางวิชาการ อาทิ เช่น ข้อมูลจาก สกว. ได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในแต่ละจังหวัด เครือข่ายมีลักษณะขับเคลื่อนคล้ายสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา และทีมงานได้ทำการถอดความรู้ของแต่ละพื้นที่ ออกมาเป็นชุดความรู้จากประสบการณ์รวม 10 จังหวัด (แม่ฮ่องสอน ลำปาง น่าน สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สกลนคร สุราษฎร์ธานี พัทลุง ปัตตานี ) โครงการระยะที่ 1 เน้นการสร้างคุณค่าของคนในพื้นที่ มีศักดิ์ศรีของการนำเสนอ และสร้างความภาคภูมิใจ
เอกสารวิชาการ ที่เกิดจากการสังเคราะห์ถอดบทเรียนจากการปฏิบัติงานจริง โดยผู้ปฏิบัติงานและอาสาสมัครพื้นที่ ผ่านประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในบริบทที่ต่างๆ ของพื้นที่ใน 10 จังหวัดนำร่อง มีดังนี้
แม่ฮ่องสอน : ชีวิตริมฝั่งน้ำสาละวิน โลกไร้รัฐที่รอคอยความเท่าเทียม กรณีศึกษา “การแก้ไขปัญหาเด็กไร้สัญชาติ”
ปัตตานี : เรื่องขยะ เราจะเปิดใจต่อกัน กรณีศึกษา “การจัดการปัญหาขยะ บ้านควนโนรี ต. ควนโนรี อ. โคกโพธิ์”
อุบลราชธานี : พลังเยาวชน เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม กรณีศึกษา “ปกป้อง คุ้มครองสิทธิเด็กที่บ้านดอนยูง ต. ขามใหญ่ อ. เมือง”
น่าน : พลังแห่งความเข้าใจ ผลักดันชีวิตใหม่ของคนไร้รัฐ กรณีศึกษา “สิทธิความเป็นคนไทย ...ไม่ได้ไกลเกินความจริง บริบทและพัฒนาการปัญหาคนไร้สัญชาติ กลไก กระบวนการประชาสังคม การสร้าง ความร่วมมือ และรูปธรรมความสำเร็จในพื้นที่ จ. น่าน ”
สกลนคร : ส่วนร่วมของชุมชน เพื่อสิทธิการอยู่อาศัย กรณีศึกษา “ปัญหาการถือครองที่ดินรอบหนองหาร พื้นที่ ต. หนองหาร ”
พัทลุง : สิทธิชุมชน เพื่อปกป้องรักษาทรัพยากรให้ยั่งยืน กรณีศึกษา “การเสริมสร้างทีมอาสาสมัคร ภาคประชาสังคม เพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนพื้นที่บ้านคู ต. คลองเฉลิม อ. กงหรา”
สุราษฎ์ธานี : ส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน กรณีศึกษา “โครงการจัดการเรียนรู้ ในกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำคลองยัน อ. คีรีรัฐนิคม”ลำปาง : ศูนย์เรียนรู้ และพิทักษ์สิทธิมนุษยชน กรณีศึกษา “ศูนย์พิทักษ์สิทธิมนุษยชน อ. แม่เมาะ”
ศรีสะเกษ : ผนึกพลังราษฎร์ รัฐ เพื่อผืนดินที่อยู่อาศัย กรณีศึกษา “ประกาศที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ทับที่อยู่อาศัยชุมชน บ้านป่าพัฒนา ต. หนองหญ้าลาด อ. กันทรลักษณ์ ”
สุรินทร์ : การปกป้องสายน้ำด้วยพลังชุมชน กรณีศึกษา “ท่าทราย ลำน้ำมูล การจัดการทรัพยากรท้องถิ่น ต. ท่าตูม อ. ท่าตูม ”
ในขณะนี้โครงการอยู่ในระยะที่ 2 โครงการระยะที่ 2 โดยมีการกำหนดกิจกรรมหลัก 5 ด้านซึ่ง KM เป็นกิจกรรมหลักหนึ่งที่ทาง คมส. ให้ความสำคัญ ดังนั้นทาง คมส. ต้องการนำ KM ใช้เป็นเครื่องมือ โดยต้องการเทคนิค ทักษะ การสกัดความรู้ สรุปบทเรียน ซึ่งขั้นตอนวิธีการทำงานของโครงการ ฯ คือทำการศึกษาเอกสารที่มีอยู่ได้แก่ ข้อมูลจาก สกว. และนำเรื่องเล่าจากชุมชนมาถอดความรู้ และประเมิน มีความคาดหวังว่าชาวบ้านในชุมชนจะเกิดความภาคภูมิใจ สร้างความตื่นตัวมากขึ้น และส่งผลให้เกิดการร่วมมือทำงานให้แก่ชุมชนมากขึ้น
และการทำให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมโดยนำ เพลง, VDO, เทคโนโลยี, ตัวอย่างการทำดี (Best Practice), การสร้างสิ่งแวดล้อมรวมทั้งหมด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.hppthai.org/
ไม่มีความเห็น