กับเกลื่อนกลาดใบบางหล่นกลางพื้น
ราวกลบกลืนปฐพีด้วยสีสัน
หากเพียงลมโบกเบาใต้เงาวัน
กลับพลิกผันขอบด้านปลิวผ่านตา
กับหล่นใบไม้สุมห่อหุ้มพื้น
ราวแตะตื่นสำนึกให้ศึกษา
ด้วยใบบางกลางแดดที่แผดมา
เคยแผ่เย็นล้ำค่ากลางป่าไพร
เพื่อสรรพวเนจรได้ผ่อนร่าง
อบสรรพางค์ลบเข็ญด้วยเย็นใกล้
แม้เส้นทางร้อนผ่าวอีกยาวไกล
พร้อมรอให้ใฝ่ถึงตะบึงบิน
เกาะร่มไม้คาคบไว้หลบร้อน
เพียงตะวันแสงอ่อนก็จรสิ้น
เมื่อใบบนหล่นคละธรณิน
จะถวิลก็แต่ร่มไว้ห่มเย็น
ประกายทอดพลอดลมที่พรมผ่าน
คือตระการอัมพรเริ่มผ่อนเข็ญ
ผู้เกาะคอนหลุดกล้ำจากลำเค็ญ
ว่อนฟ้าเห็นครึกครื้นให้ตื่นตา
ระหว่างใบหล่นล่างจนร้างกิ่ง
ถึงแดดทิ้งแรงทอดลงพลอดหา
จะรู้ไหมร้อนกล้ำไม่อำลา
เงาล้ำค่ากลับมาล่มร่วงห่มพื้น
ไม้ย่อมเปลี่ยวกิ่งก้านไม่นานนัก
เพียงฝนหักร้อนถั่งเข้าหลั่งชื่น
จะแตกเรียวเขียวระบัดยอดหยัดยืน
เป็นร่มรื่นผืนใหม่แผ่ให้เงา
เก่าใบบางวางเกลื่อนกลางเถื่อนร้าง
ตากตะวันร้อนพร่างรอย่างเผา
เก่าจนกร่อนรูปร่างอันบางเบา
รอแต่สูญสลายเปล่าให้เขาเลือน
กิ่งไผ่...ใบหลิว
สวัสดีครับคุณกิ่งใผ่
แต่งกลอนได้ไรมีสาระ แฝงธรรมะคติธรรม นำมาเตือน
ชื่นชอบครับ
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์
สวัสดีค่ะ
..สวัสดีครับ
..ไม่ได้ทักทายมาหลายบันทึก
..บังเอิญพักนี้ออกภาคสนามไปหน่อย
..แต่ก็กลับมาอ่านจนครบ
..มีความสุข..นะครับ
....................................................................
แวะมาฟังบทเพลงแห่งพงไพรและระบำใบไม้ครับ
มาชม
เห็นใบไม้หลุดหล่นเราควรคิด
ชมชีวิตที่ผ่านเก่าก้าวผ่านใหม่
เริงระบำรำร่ายหายใจไป
ไม่ทันไรเราลับลาโลกแล้ว..เอย.