ขอบคุณน้องPoo มากๆเลยจ้ามาร่วมแจม..
สวัสดีค่ะ
สวยมากๆแต่อะไรก็สู้ธรรมชาติไม่ได้ค่ะ...เรามาช่วยกันรักษาธรรมชาติเพื่อเอาชีนชมในชีวิตจริงด้วยนะคะ...
มาเดินเล่นในสวนดอกไม้เทคโนฯ ก่อนอิ่มมื้อเที่ยงค่ะพี่อ้อยเล็ก
... หอมระรวยรื่นรมย์ชมดอกไม้
... กลิ่นกำจายรายรอยเสน่หา
... ฟุ้งระบัดพัดปลิวแรงลมพา
... อยากบอกว่า คิดถึงจัง แม้ห่างไกล
ดอกไม้ไฮเทค งามมากๆ ค่ะ ... มาผ่อนพักให้หายง่วง ขอบคุณค่ะ
..ถูกต้องค่ะ..ธรรมชาติคือชีวิต ชีวิตคือธรรมชาติ
..พิราบนครปฐม
ครูอ้อยเล็กนอนหัวค่ำแต่ตื่นดึก
ดูพิลึกพูดไปไม่มีใครเขาเชื่อถือ
คนอะไรหลับไหลไม่หืออือ
รู้สึกตัวคืออิ่มหลับกลับฟื้นคืน
************************
ตื่นทีไรตื่นมาตอน4 ทุ่ม
แล้วก็มุ่งจะปิดคอมฯมานอนฝัน
แต่เจ้ากรรมเห็นเพื่อนออนกันไป
เริ่มทักทายสาแก่ใจนอนเที่ยงคืน...
************************
สวัสดีจ๊ะ....คิดถึงเพื่อนเด้อ
หลักการแต่งคำประพันธ์
๑) สัมผัส ร้อยกรองทุกชนิดจะต้องมีสัมผัส สัมผัสได้แก่ เสียงสระหรือพยัญชนะที่คล้องจองกันระหว่างคำ สัมผัสมีสองอย่างคือ สัมผัสสระและสัมผัสอักษร
๑.๑ สัมผัสสระ ได้แก่ เสียงสระเดียวกันภายในคำโดยมีพยัญชนะต้นต่างกัน ถ้าเป็นคำที่มีตัวสะกดจะต้องเป็นตัวสะกดแม่เดียวกัน ส่วนวรรณยุกต์จะต่างรูปหรือต่างเสียงกันก็ได้
ก. สัมผัสสระที่ไม่มีตัวสะกด เช่น มี-ศรี ดู-ครู เฉ-เป้ ไป- ได้ น่า-ค่า
ข. สัมผัสสระที่มีตัวสะกด เช่น กิน-ศิลป์ คอย-รอย ทุกข์-ยุค ยศ-พจน์
ยาม-คร้าม สิ่ง-ยิ่ง
๑.๒ สัมผัสอักษร ได้แก่ เสียงพยัญชนะต้นเดียวกันภายในคำซึ่งมีเสียงสระต่างกันโดยไม่มีตัวสะกดหรือมีตัวสะกดมาตราใดก็ได้ และมีเสียงวรรณยุกต์ก็ได้ ในกรณีที่มีเสียงสระเดียวกันจะต้องเป็นคำที่ไม่มีตัวสะกดกับคำที่มีตัวสะกด หรือเป็นคำที่มีตัวสะกดต่างมาตรากัน อักษรคู่กับอักษรสูงซึ่งเป็นคู่ด้วย ถือว่าเป็นเสียงพยัญชนะเดียวกัน เช่น ข-ค ฉ-ช-ฌ ฐ-ถ-ฒ-ท-ธ ผ-พ-ภ ฝ-ฟ ศ-ษ-ส-ซ ห-ฮ สัมผัสสระและสัมผัสอักษรยังแบ่งคำตามตำแหน่งที่ของคำ ถ้าเป็นคำสัมผัสภายในวรรคเดียวกันเรียกว่า สัมผัสใน ถ้าเป็นคำสัมผัสระหว่างวรรค เรียกว่า สัมผัสนอก
สัมผัสใน เป็นสัมผัสที่เพิ่มเป็นพิเศษเพื่อความไพเราะ วรรคหนึ่งจะมีบ้างไม่มีบ้างก็ได้ ส่วนสัมผัสนอก ที่เป็น สัมผัสสระ เป็นสัมผัสบังคับของคำประพันธ์ทุกชนิด
ตัวอย่างสัมผัสใน
พระฟังคำอ้ำอึ้งตะลึงคิด จะเบือนบิดป้องปัดก็ขัดขวาง
สงสารลูกเจ้าลงกาจึงว่าพราง เราเหมือนช้างงางอกไม่หลอกลวง
สัมผัสสระ คำ-อ้ำ-อึ้ง- (ตะ) ลึง ปัด- ขัด ( ลง ) กา-ว่า งอก-หลอก
สัมผัสอักษร อ้ำ-อึ้ง เบือน-บิด ป้อง-ปัด ลูก – ลง (กา) งา-งอก หลอก-ลวง
ตัวอย่างสัมผัสนอก
คิด-บิด ขวาง-พลาง-ช้าง
๒. คำ คำประพันธ์ทุกชนิดกำหนดจำนวนคำแต่ละวรรคไว้แน่นอน โดยทั่วไป คำหมายถึง เสียงสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์ ที่เปล่งพร้อม ๆ กันออกไปครั้งหนึ่ง คำหนึ่งจึงหมายถึง พยางค์หนึ่งก็ได้ เช่น มา จอง ไม่ ห้าม ฤทธิ์ แต่บางทีคำอาจมีสองพยางค์ ถ้าพยางค์ต้นประสมสระเสียงสั้นไม่มีตัวสะกด เช่น ขนม คณะ เฉพาะ ตลบ สนุก อาจนับเป็นคำหนึ่งหรือสองคำก็ได้
การแต่งกลอนสุภาพ
แผนบังคับของกลอน
กลอน ๑ บท มี ๒ บาท หรือ ๒ คำกลอน บาทแรกเรียก บาทเอก ประกอบด้วย วรรคสลับ กับวรรครับ บาทที่ ๒ เรียก บาทโท ประกอบด้วย วรรครอง กับ วรรคส่ง วรรคหนึ่งๆ ประกอบด้วย คำ ๗-๙ คำ มีบังคับสัมผัสดังนี้
วรรคสลับ วรรครอง
บาทเอก ๐ ๐ ๐ / ๐ ๐ / ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ / ๐ ๐ / ๐ ๐ ๐
วรรครอง วรรคส่ง
บาทโท ๐ ๐ ๐ / ๐ ๐ / ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ / ๐ ๐ / ๐ ๐ ๐
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้เจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ
คณะ บทหนึ่งมี ๒ คำกลอน คำกลอนหนึ่งมี ๒ วรรค วรรคหนึ่งมี ๘ คำ
สัมผัส คำสุดท้ายวรรคหนึ่งกับคำที่ ๓ หรือที่ ๑ หรือ ๒ ของวรรคสอง คำสุดท้ายวรรคสองกับคำสุดท้ายวรรคสามและคำที่ ๓หรือที่ ๑ หรือที่ ๒ ของวรรคสี่
http://khaunhathai.multiply.com/journal/item/4/4
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านกลอนอันแสนไพเราะ
พร้อมกับมาชมภาพดอกไม้สวยๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะ^__^
เพื่อนนะเพื่อนเม้นกันจริงจริ๊ง
อิจฉาคนมีเพื่อนจังงิๆๆๆๆๆ
...เอ้าคุณไม่แสดงตน..ยินดีเป็นเพื่อนนะ..คริๆอย่ามัวอิจฉาคนอื่นหาเพื่อนซะ..นะ..สุขสันต์วันมาฆบูชา...นะคะ
เพื่อนนอนยัง...เอามะม่วงน้ำปลาหวานมาฝาก...เร้ว....
สวัสดีค่ะ