เรียนรู้อะไร จาก หนังเรื่อง ขงจื่อ


ผมว่า ผมเรียนรู้อะไร หลายอย่างนะ  เท่าที่จำได้

ในยุค ไม่กี่ปีหลัง ปรินิพพาน

จีนตอนนั้น แบ่ง ออกเป็น แคว้นๆ หลายแคว้น  รบราฆ่าฟัน กันตลอด ... คนตาย  ขาดอาหาร   แร้นแค้น   ขุนนางโฉด  ศีลธรรมเสื่อม  บูชายัญ  ฝังคนทั้งเป็น  ฯลฯ  แต่ ก้ได้ ก่่อเกิด "คนที่ "ใช่"    ลงมาได้พอดี ไม่ีฟลุ๊ค  (Syncronicity) จริง ๆ  ไม่บังเอิญ ราวกับ ฟ้าส่งลงมา

๑) เห็น การพัฒนา  ของ ขงจื่อ  ตั้งแต่ นิสัยแบบ กระทิง (มุ่งมั่น)  จนผ่าน ประสบการณ์ต่างๆ   สร้างความรัก และ ความเกลียดชังไปด้วย  ...  แต่ ด้วยความเป็นนักเรียนรู้ ของท่านนี่แหละ    ที่เราจะเห็น นิสัย และ วิธีคิด ของท่าน ที่พัฒนา ไปเรื่อยๆ  ... จนวาระสุด ท้าย ท่านก็กล่าว ว่า "ขุนเขาต้องพังทลาย ขื่อคานแข็งแรงปานใด สุดท้ายต้องพังลงมา เหมือนเช่น บัญฑิตที่ สุดท้ายก็ต้องร่วงโรย" (เอามาจาก วิกิพีเดีย   ไม่ใช่ในหนัง)

ท่านเป็นนักปฏิรูป  ด้วยการยึดหลักเมตตาธรรม   ด้วยการ ยกเลิกเรื่อง การฝังคนใช้ให้ไปรับใช้คนตายที่เป็นเจ้านายในปรโลก  ... ทำให้ ขัดใจ ขุนนางปี้ จอมโหดได้มากๆ

แต่ ท่านเอง ก็ แทบจะร้องไห้ ตอนที่ ต้อง สั่งทหารให้ฆ่า กบฎ   ด้วยการใช้ไฟ คลอกเผากองทัพกบฎ ตายในเพลิงน้ำมัน

ผมว่านี่แหละ ที่นักเรียนรู้ ควร ประเมิน ตนเอง จาก จิตใจ ที่ เห็นสัจธรรม มากขึ้น   ยิ่งอายุมาก  เรียนรู้มากไปด้วย   ไม่ใช่ยิ่งแก่ ยิ่งบ้าตำแหน่ง  หลงตนเอง เมาเงินทอง ฯลฯ  ท่าน ยิ่งแก่  ก็ยิ่ง นิ่งขึ้น สงบขึ้น  รับความเปลี่ยนแปลง ท้าทาย เยาะเย้ย ตกระกำลำบาก หิวโหย หนาวสั่น ฯลฯ ได้    

๒) เห็น ความเป็น "กระบวนกร" ของท่าน   ในการเปิดพื้นที่  ให้ ศิษย์  ได้เรียนรู้  แม้ว่า บางคน จะ ลืมคำสอน บางคนจะจำได้ บางคนรู้ทั้งรู้แต่ทำไม่ได้ บ้างก็จงรักในตำราจนกอดตำราจนจมน้ำตาย   ฯลฯ  รวมไปถึงศิษย์ที่หักหลังท่าน  นำความไปบอก ๓ ตระกูลที่เกลียดท่านด้วย 

และ ที่ น่ารักมากๆ คือ "ยอมฟังความเห็นของศิษย์"   นี่แหละ ครูบาอาจารย์ ระดับ คุรุ 

ตอนที่ หนีออกจากเมืองมา  แล้ว ศิษย์หนุ่ม รออยู่   และ ใช้ คำสอน ของท่าน ย้อนกลับไปเตือนสติท่าน

๓) เราจะได้เห็นว่า  บัณฑิต หรือ ปราชญ์  ก็มีจุดอ่อน   

ซึ่ง เรามักจะมองว่า ครูของเราต้อง สมบูรณ์แบบมากไป  มอง ปราชญ์และบัณฑิต เป็น "เทพ" หรือ อมนุษย์มากไป    โดยจริงๆแล้ว  ควรจะเห็นสัจธรรม  และ ยอมรับว่า  ท่านก็คือ มนุษย์     และ ที่ สำคัญ คือ ท่านพัฒนา ไม่หยุดยั้ง ท่าน ไม่หยุดที่จะเรียนรู้

สุดท้าย ตอนท่านแก่  ท่านได้โอกาสกลับบ้านที่แคว้นหลู่    ท่านบอก กับ  เจ้าแคว้นหลู่ว่า "ขอสอนเท่านั้น ไม่ขอยุ่งการเมือง"  ท่านคงเห็นสัจธรรมชัดแล้ว

แล้ว ครูอาจารย์ ในสถานศึกษาต่างๆ  ยังเรียนรู้อยู่หรือเปล่า  หรือ กอดตำราจนจมน้ำตายไป  ยังหลงในศาสตร์เดิมๆ ที่เอามาสร้างอัตตาจนเป็นเกราะติดตัว ไม่่ยอมถอด  น้ำเต็มถ้วยเดิมเดิม ฯลฯ    ไม่เปิดโอกาสให้ตนเอง ได้ ค้นพบ "สัจธรรม" ในตัวเองเลยเนอะ

พวกเรา มักมอง คนว่าไม่เอาไหน ในตอนที่เขาหนุ่มๆ  โดยไม่ได้ว่า เขากำลัง เติบโต และ พํฒนา    เราเฝ้าจะ จำ "ความพลาด" ของท่าน  โดยไม่มองปัจจุบันของท่าน

หนังสอน เรื่อง Humanize ได้ดีนะ (ความเป็นมนุษย์   ผู้มีใจเป็นใหญ่)

๔) โจว เหวิน ฟะ   เล่นได้ยอดมาก  หน้าตา ท่าทาง   ... ลักษณะภายนอกตรงกับลักษณะ ที่ บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ คือ สูงใหญ่ 

๕) ผมชอบ  มเหสี แคว้นเว่ย  แม้นนางจะสาวสวย ได้ สามีแก่   แต่ ก็แสดงภูมิปัญญา ออกมาให้เห็น    ในบท dialogue ที่สำคัญ    นางทดสอบ "จริยธรรม" ของท่าน   และ ท่านก็สอบผ่านเสียด้วยนะ  ....   แต่ สุดท้าย  ท่าน  ก็ ไม่อยู่ในเว่ย

๖) เห็น โหมดเอาตัวรอด (Survival mode)  ของ เจ้าแคว้นลู่  ที่ ท่านรับใช้อยู่    เจ้าแคว้นหลู่ เชื่อท่านในตอนแรก  แต่ ก็ "ไม่เชื่อ" ท่านในตอน ที่ จะ ชนะอยู่แล้ว !!!  ผล คือ  แพ้ ต่อ แผนชั่ว ของ ตระกูลปี้ 

อย่างไรก็ตาม  ประสบการณ์ดีหรือร้าย ก็แล้วแต่ ที่ท่านได้รับ  น่าจะเป็น โอกาสในการเรียนรู้ของท่าน มากกว่า    ผมว่า มันทำให้ ท่านได้เห็น "สัจธรรม"ของ คน ของสรรพสิ่ง ฯลฯ

๗)  ถ้าใครได้ดู สารคดี เกี่ยวกับขงจื่อ  จะพบว่า ท่านเก่งยิงธนู

คนจะยิงธนู  ต้อง ผ่าน ศาสตร์ พิธีกรรม และ ดนตรีมาก่อน

เก่งยิงธนูแล้ว  ก็ไปเรียน ขี่ม้า ประวัติศาสตร์  และ คณิตศาสตร์ เป็นขั้นสุดท้าย

ฉากที่ ท่าน ยิงธนู  กับ ขุนนางปี้   จะเห็นว่า มี สงครามจิตวิทยา  เพื่อ แหย่ว่า ใครจะจิตตกก่อนกัน   แต่ สุดท้าย  ท่าน "จิตนิ่ง"กว่้า 

และ มีฉาก ที่ ท่าน "สื่อสาร" แบบไร้ คำพูด  กับ ม้า ที่ ลากเกวียนของท่าน  ตอนทีเกวียนติดหล่ม  ... นึกถึงเรื่อง อวตาร ที่มีการ "เชื่อมโยง" (Connect)

คนทีี่่จิตใจสงบ   ในที่สุด ก็เข้าใจธรรมชาติ   และ  ท่าน ก็เป็นคนรวบรวม ตำรา I-jing ที่เป็น พื้นฐาน การวางฮวงจุ้ย ซึ่งผมเชื่อว่า  การวางฮวงจุ้ยใน ปัจจุบัน   มีมากมายที่ไปยึดกฏเกณฑ์ (Format)   มากกว่า การใช้ "จิตสงบ เชื่อมโยง (Connect)สรรพสิ่ง" 

ท่านบอกศิษย์ว่า "เผ่นเถอะ  อย่าอยู้ในแคว้านเว่ย นานเลย  อีกไม่นานจะมีเรื่องร้าย"

๘)  ฉาก เล่น ดนตรี  เพื่อ ผ่อนคลาย   ในยามที่ ต้องรอๆๆๆ แบบอดอาหารหลายวัน

การมาอยู่้ฐานกาย   ก็ช่วย ลด ความฟุ้งซ่านในฐานคิดได้  

๙) คงมี อะไรอีกมากมาย ....  ดูในโรง    ออกมา ผมจำได้แค่นี่เอง  ถ้าดูในแผ่น ยังพอ ย้อนกลับไปดูได้อีก

ผมอ่านในวิถีพิเดีย  พบว่า  ท่านสอนคุณธรรม ๓  ได้แก่  ภูมิปัญญา  เมตตากรุณา และ ความกล้าหาญ   ถ้า มาตรงกับเรื่อง KM คือ  Open Mind  Open heart , open will ได้ พอดีเลย     ( ฐานคิด  ฐานใจ และ ฐานกาย)

ท่านผู้บริหารทั้งหลาย   คณาจารย์ทั้งหลาย  ขอจงมี "เมตตาธรรม" กันบ้างนะ   อย่าเอาแต่หลักการ หลักกู  มากนักเลย  .....   ตำแหน่งยิ่งสูง  หัวใจยิ่งหายไป  เมตตายิ่งหายไป   ความกลัวตามมาเพียบเลย  (  ความกลัว ทำให้เกิด "สงคราม"  ความกลัวทำให้ "เห็นแก่ตัว")

 

ผมชอบ คำพุดตอนจบ ที่ ท่านบอกว่า  ตำราต่างๆของท่าน  "คงทำให้เราได้มองอะไร ได้หลายด้าน ทั้งดีและร้าย"

....   นี่แหละ ท่านเป็น  นักเรียนรู้ (Educator) ตัวจริง   ไม่ใช่ พวกจบปริญญา  ที่ ยกย่องกันเองว่าสูง ว่าเก่ง  ทั้งๆที่ ตามก้นคนอื่น  จำความรู้ใต้ศอกของคนอื่นๆ มาตัดเกรด    มีตำแหน่งวิชาการ  แล้ว ออกมา "หากิน"กับประชาชน  หลอกขายกระดาษที่ชื่อปริญญา หลอกขาย"ความหวัง" ขาด "จริยธรรม"  ฯลฯ  จนกลายเป็น เพลง "ดาวมหาลัย" หรือ "ขายที่ ขายนา  ส่งควายไปเรียนหนังสือ"

หมายเลขบันทึก: 338954เขียนเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2010 22:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

ท่านผู้บริหารทั้งหลาย   คณาจารย์ทั้งหลาย  ขอจงมี "เมตตาธรรม" กันบ้างนะ   อย่าเอาแต่หลักการ หลักกู

ชอบค่ะ แต่ส่วนมากก็หลงลืมไปหมดหลังได้ตำแหน่งค่ะ

อ่านแล้วได้รับความรู้มากๆคะ

ขอบคุณมากนะคะ

ยังไม่ได้ไปดูครับ

แต่น่านำเรื่องนี้ไปให้คนบางคน ที่หลงอยู่ในกะลา ได้ดูกัน

สวัสดีค่ะ

ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้เลย

มารับอรรถรสจากที่นี่ก่อนค่ะ

มาคารวะ กูรู เรียนรู้ จาก หนัง ครับ

เรื่องนี้หนูก็ไปดูมาเหมือนกันค่ะ สนุกและสาระมากคะ่

สาระมากจนเก็บมาไม่หมดจริงๆค่ะ

แต่ทำไมหนังสาระเช่นนี้ คนสนใจดูน้อยกันจังคะ

รอบที่หนูดู ทั้งโรงนับได้ไม่ถึง 10 คนเลยค่ะ

ไพบูลย์ จิตราอาภรณ์

ยังไม่ได้ดูครับ อ่านแล้วจะต้องไปดูครับ

อาจารย์ดูเกือบทุกเรื่องเลยหรือครับ

ปกติอาจารย์ดูภาพยนต์ที่โรงไหนหรือครับ

ผมก็ดูเกือบทุกเรื่องเหมือนกันครับ

ขงจื้อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนทุกเพศ ทุกวัย/ชนชั้น คือ สะท้อนให้เห็นว่าคนเราแม้จะอยู่ในตำแหน่งใด อาชีพ หรือได้รับหน้าที่ใด ถ้ามีความเมตตาต่อคนอื่น/สัตว์โลกแล้ว ก็ย่อมจะต้องมองเห็นผู้อื่นเสมือนตนเอง ธรรมะเป็นอะไรที่ลึกซึ้งพูดยาก...........โฉดฉลาดเพราะคำขานควรทราบ? ....ขอฝากน้องๆ ที่กำลังเรียนปริญญาอยู่อย่านึกว่าเหนือใคร หรืออยากสบายในอาชีพการงาน....การค้นหาความรู้นอกกรอบที่เรียนน้องๆ เรียนอยู่จะเป็นคุณค่าต่อตัวเองมากอย่ามองข้ามสิ่งรอบตัวครับ...........จบปริญญาตรีมา 2 ปีแล้วครับ ทำ 6 เดือน ออกมาทำงานร้านถ่ายเอกสาร คิดว่าไม่อยากเข้าไปทำงานในองค์กรอีกเลย ....เพราะรู้แล้วครับว่า........จิตใจของคนเรานั้นสกปรกเกินกว่าเราจะทำงานด้วยกันได้แม้จะจบชั้นใดมาก็ตาม ดังจะเห็นได้จากพระราชนิพนธ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๕ ครับ

ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง

ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด ยกแต่ชั่วดีกระด้าง อ่อนแก้ ฤๅไหว

ท่านเคยคุยกับคนกินไม่ค่อยอิ่มไหมครับ อย่างเช่นคนเก็บขยะ แบบที่เขาลำบากมากๆ พวกนี้เขาไม่ใส่หน้ากากเข้าหาหรอกครับ เขาจริงใจ

สุดท้ายนี้มองให้เห็นๆ ว่าระบบการศึกษาไทยเข้าขั้นผิดพลาดอย่างรุนแรงแล้วครับ ผู้ใหญ่ผู้หลักควรเลิกเห็นแก่ตัวได้แล้วครับ

ลึกล้ำ เหลือกำหนด

สันทัด กรรดิพณิชกูล

ตรงใจมากครับ ส่วนตัวได้พบอาจารย์ที่มีการดำเนินชีวิตดี ๆ ตามตัวอย่างด้านบนหลายท่านคิดว่าเป็นบุญของตัวเองที่มีโอกาสได้พัฒนาทั้ง hardside + softside แต่ก็พบบุคคลรอบข้างที่มีลักษณะทางลบเช่นกันมองอีกมุมคิดว่าใช้เป็นบทเรียนรู้ให้ตัวเองก็ดีไปอีกแบบ อาจารย์มองสิ่งที่พบเห็น+เชือมโยงกับธรรม ได้อย่างเนียน และเข้าใจง่าย ขอบคุณมากครับสำหรับแนวคิดดี ๆ ครับ

ผู้บริหารมือใหม่

ไปดูแล้ว ไม่สนุก....เดี๋ยวต้องไปดูใหม่ ดูเอาสนุกอย่างเดียวไม่ได้

เต๋ากับพุทธคล้ายกันมากและมีเป้าหมายเดียวกันคือ แสวงหาความว่างเปล่า

เต๋าให้ทำด้านมืดเพื่อให้ปรากฏผลทางสว่าง.. ทำด้วยการไม่ทำ

ปกครองด้วยการไม่ปกครอง แสดงความเห็นด้วยการไม่แสดงความเห็น

http://flyingdragon2.blogspot.com/2011/01/blog-post_27.html

ข้อคิดทำให้หนังน่าสนใจมาก

ทำด้วยการไม่ทำ...?

ปัญหาที่เกิดมาตอนนี้ เนื่องจากการที่คนเรียนรู้กันเพื่อแข่งขันกัน

แต่ผมเรียนเพื่อใช้ชีวิตให้มีความสุข และหวังดีจะให้คนมีความสุขเหมือนผม

แต่ผมบอก ผมอธิบาย แต่ไม่มีใครเข้าใจผมเลยและตีความหาว่า ผมบ้า

อันที่จริง คนเราก็มัวแต่ใช้ชีวิตในทางที่ผิดครับ

ทำไมคนรู้ว่าโลกจะแตก น้ำจะท่วม แต่ทำไมผู้นำประเทศเอาแต่พัฒนาบ้านเมือง

แล้วไม่มีใครเลยที่จะป้องกันปัญหาต่างๆเลย มุ่งแต่จะแก้ปัญหา

ผมคิดว่าถ้าป้องกันดีๆ น้ำท่วมที่เกิดขึัน คงไม่มีคนตายขนาดนี้หรอกครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท