เมาใส่บาตร


สติมาปัญาเกิด..สติเตลิดแล้วจะเกิดปัญญาได้ยังไง๊คริๆ

สติมาปัญาเกิด..สติเตลิดแล้วจะเกิดปัญญาได้ยังไง๊คริๆ

คำสำคัญ (Tags): #ธรรมะ#นิทาน
หมายเลขบันทึก: 337538เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2010 21:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 14:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

5 5 5

พี่เคยได้ยินนิทานยายกะหลานไปทำบุญที่วัดไหม

เรื่องมีอยู่ว่า

ยายพาหลานไปทำบุญที่วัด

ขระที่พระสวดเสร็จแล้วกำลังฉันอยู่

หลานหิวข้าวก็บอกยาย

"ยาย ๆ หนูหิวข้าว..."

"เดี๋ยวก่อนนะ ให้พระท่านฉะันก่อนแล้วค่อยกิน..." ยายตอบหลาน

พระท่านก็ฉันไปเรื่อย ๆ สักพักหลานก็ร้องขอยายอีก เพราะทนหิวไม่ไหวแล้ว

"ยาย ๆ หนูหิวข้าว..."

ยายชักฉุนนิด ๆ เพราะเพิ่มบอกให้รอ ให้พระฉันเสร็จซะก่อน

"บอกว่าให้พระท่านฉันก่อน แล้วมงค่อยกิน" ยายตอบแบบเริ่มมีน้ำโห

พระก็ฉันไปเรื่อย ๆ อีกพักใหญ่

หลานทนหิวไม่ได้ ก็ร้องขออีก

"ยาย ๆ หนูหิวข้าว..."

"เอ๊ะ พูดไม่รู้เรื่อง ให้พระแดกเสร็จซะก่อน แล้วมึงค่อยฉัน..."

ยายตะโกนซะลั่นศาลา

พระรีบอิ่มทันที

  • ขำจังเล้ย   อิๆๆ   ก๊ากๆๆๆ    5555555555
  • ขอเล่าบ้าง   นิทานบ้านเรา  เรื่องมีอยู่ว่า  ยายพาหลานไปทำบุญวันพระที่วัด
  • หลังจากเสร็จพิธีทางศาสนา    พระก็ฉันข้าว    ยายกะหลานนั่งดู
  • ยายคุยกะเพื่อนๆ  หลายสะกิด  ยายๆ  หิวข้าว  ยายบอกว่าเดี๋ยวลูกให้พระฉันเสร็จก่อน
  • สักพักหลานก็สะกิดอีก  (ยายกำลังคุยกับเพื่อนๆสนุกสนาน ) ยายหันมาตวาดว่า
  • "เขาบอกว่าเดี๋ยวให้พระแ........ก ให้เสร็จก่อนแล้วแกค่อยฉัน
  • 55555555555555555

ว้าย..........ทำไมใจตรงกันจัง  พี่เล่าก่อนแต่ส่งช้าแค่วินาทีเดียว

ไม่ย้อม  ไม่ยอม   หนานเกียรติ   แย่งที่ 1  แงๆๆๆๆๆๆๆๆ

หนานเกียรตินี่ยังไงนะ  จะทะเลาะกะพี่หรือไร   แย่งอีกแล้ว  แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

PP...ทั้งพี่ทั้งน้องวันนี้ใจตรงกัน....ก๊ากๆๆๆๆก๊ากๆๆๆๆ

จ้าไปจ้า..

สุ่มลูกน้ำ

เครือข่ายการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

แล้วพี่จะเป็นตัวโม่งหรือลูกน้ำล่ะเนี่ย..ก๊ากๆ พี่สร..ไปแลกันหลาว....ป่ะๆๆ

จังซี่มันต้องถอนสักกรึ๊บก่อนใส่บาตรล่ะค่ะ

 

 

 

สวัสดีค่ะครู้ออย

 

สติมาปัญาเกิด..สติเตลิดแล้วจะเกิดปัญญาได้ยังไง๊คริๆ

ทั้งขำ  และทั้ง...  ทำให้นึกถึงข้อธรรมคำคมของท่านพุทธทาสค่ะครูอ้อย...

ท่านบอกไว้ว่า  "เมื่อไร จะได้?"

ท่านอาจารย์  เมื่อไร ผมจะได้ดวงจันทร์ นั่น?

ตอบ :   เมื่อแกรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะได้, ไม่ควรได้,ป่วยการ....

เมื่อไร จะได้นิพพาน?

ตอบ : เมื่อรู้ว่า  ไม่มีอะไรที่ควรอยากได้ ,  ไม่มีอะไรที่ต้องได้

.....  ไม่รู้จะเป็นเดียวกันหรือเปล่านะคะ.... ตอนนี้ครูใจดี กำลังมึน เพราะเข้าค่ายอบรมและแข่งขันหุ่นยนต์  ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน 3 วัน 2 คืน  ทั้งมึน ทั้งเหนื่อย สมองล้า... นี่พึ่งเสร็จกิจกรรมภาคกลางคืน... ปล่อยเด็กเข้านอน คิดถึงครูอ้อย เลยเข้ามาทักทายก่อน อาจจะดึกหน่อยค่ะ  เดี๋ยวก็จะไปนอนกับเด็กๆ แล้ว....

ราตรีสวัสดิ์นะคะ

การตักบาตร คือ การถวายอาหารแด่พระภิกษุสามเณร รูปเดียวหรือหลายรูป จะปฏิบัติเป็นประจำหรือเป็นครั้งคราวก็ได้ วัตถุประสงค์ของการตักบาตร นอกจากจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการให้ทาน เพื่อบูชาคุณแล้ว ยังมีวัตถุประสงค์เฉพาะดังนี้

1. ธำรงส่งเสริมและสืบทอดพระพุทธศาสนา

2. ส่งเสริมและบำรุงพระภิกษุสามเณร ผู้ทรงศีล ทรงธรรม

3. ส่งเสริมคุณความดีของผู้ปฏิบัติ ทั้งผู้ตักบาตรและพระภิกษุสามเณรผู้รับบิณฑบาตร

การตักบาตรจึงเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติ เพราะเป็นการให้กำลังแก่พระภิกษุสามเณร ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน ประพฤติปฎิบัติธรรมตามพระธรรมวินัย และสั่งสอนประชาชน เป็นการสืบต่อพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรสืบไป ทั้งนี้จะเป็นผลดีแก่ผู้ปฏิบัติด้วย เพราะทำให้เป็นผู้มีใจบุญกุศลและเป็นการส่งเสริมผุ้ทรงคุณธรรม ประวัติการทำบุญตักบาตร การทำบุญตักบาตรนี้ มีมาแต่ครั้งพุทธกาล เมื่อพระพุทธองค์ทรงผนวชใหม่ๆ ยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงประทับที่สวนมะม่วง พระองค์เสด็จบิณฑบาตผ่านกรุงราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ ชาวเมืองเห็นพระมาบิณฑบาต ก็ชวนกันนำอาหารมาตักบาตรเป็นครั้งแรก นับแต่นั้นมา การตักบาตรจึงถือเป็นประเพณีมาจนบัดนี้ และเมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้ใหม่ๆ ประทับอยู่ที่ควงไม้เกด มีพ่อค้า 2 คน นำข้าวสัตตุก้อน สัตตุผง ซึ่งเป็นเสบียงสำหรับเดินทางเข้าไปถวาย พระพุทธองค์ทรงรับไว้ด้วยบาตร นี่ก็เป็นที่มาของการตักบาตรทางพระพุทธศาสนาด้วยประการหนึ่ง บาตรเป็นภาชนะจำเป็นของพระภิกษุจะขาดเสียมิได้ นับเข้าในจำนวนบริขารอย่างหนึ่งในบริขาร 8 ตามปกติพระจะไปอยู่ที่ใด ต้องมีบาตรประจำตัวไปด้วย และการออกบิณฑบาตก็ออกในเวลาเช้า ตามแบบอย่างที่พระพุทธเจ้าองค์ ทรงบำเพ็ญเป็นพุทธกิจประจำวัน โดยปกติ พระภิกษุสามเณร จะเดินเรียงลำดับอาวุโสไปบิณฑบาตตามละแวกบ้าน เมื่อถึงหมู่บ้านที่ชาวบ้านกำลังรออยู่ ก็จะยืนเรียงเป็นแถว แต่ในกรุงเทพฯ หรือในบางจังหวัด พระภิกษุสามเณรมักไปตามลำพัง ไม่ได้เดินเรียงแถว ทั้งนี้เพราะพระภิกษุสามเณรในกรุงเทพฯ มีเป็นจำนวนมาก จึงไม่สะดวกที่จะเดินเรียงแถวกันไป และผู้ที่จะนำอาหารมาตักบาตรได้ไม่ครบทุกรูป เมื่อพระภิกษุสามเณร ต้องออกบิณฑบาตตอนเช้าทุกวัน ชาวบ้านก็ตักบาตรทุกวัน แต่บางคนตักบาตรเฉพาะในรอบวันเกิดประจำปี และมักจะตักบาตรพระจำนวนเท่าอายุ หรือเกินกว่าอายุ ถ้าเป็นวันสำคัญทางศาสนา ก็มักจะพากันไปทำบุญตักบาตรที่วัด แต่บางคราวเช่นในเทศกาลปีใหม่ และตรุษสงกรานต์ จะมีการชุมนุมตามที่ที่กำหนดไว้ เช่น สนามหลวง พุทธมณฑล ในโรงเรียน ในสถาบัน หรือ ในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง แล้วแต่จะนัดหมายกัน นอกจากนี้ยังมีการตักบาตรที่มีชื่อเฉพาะอีก เช่น ตักบาตรเทโว ตักบาตรข้าวสาร ตักบาตรดอกไม้ธูปเทียน เป็นต้น วิธีปฏิบัติในการตักบาตร โดยปกติพระภิกษุสามเณร จะเดินเรียงลำดับอาวุโส ไปบิณฑบาตตามละแวกบ้าน เมื่อถึงหมู่บ้านที่ชาวบ้านกำลังรออยู่ ก็จะยืนเรียงเป็นแถว แต่ในกรุงเทพฯ หรือในบางจังหวัด พระภิกษุสามเณรมักไปตามลำพัง ไม่ได้เดินเรียงแถว ทั้งนี้เพราะพระภิกษุสามเณรในกรุงเทพฯ มีเป็นจำนวนมาก จึงไม่สะดวกที่จะเดินเรียงแถวกันไป และผู้ที่จะนำอาหารมาตักบาตรได้ไม่ครบทุกรูป การตักบาตรเป็นสังฆทาน คือการถวายโดยไม่เจาะจง จึงควรตั้งใจว่าจะทำบุญตักบาตร แก่พระภิกษุสงฆ์สามเณรในพระพุทธศาสนา โดยไม่เจาะจงว่าเป็นรูปใดรูปหนึ่ง เมื่อพระภิกษุสามเณรรูปใดผ่านมา ก็ตั้งใจตักบาตรแก่พระภิกษุสามเณรรูปนั้นและรูปอื่นๆ ไปตามลำดับโดยปฏิบัติดังต่อไปนี้

1. จัดเตรียมอาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะใส่ภาชนะเรียบร้อย มากหรือน้อยตามความต้องการ

2. นำอาหารที่เตรียมไว้ไปคอยตักบาตร ก่อนที่จะตักบาตรควรตั้งจิตถวายด้วยศรัทธา และความเคารพ ตั้งความปรารถนา เพื่อทำกิเลสให้ลดน้อยลงจนถึงหมดสิ้นไป

 3. ขณะที่ตักบาตร ควรอยู่ในอาการสำรวมและเคารพ

4. เมื่อตักบาตรเสร็จแล้ว ควรแสดงความเคารพด้วยการไหว้

5. หลังจากตักบาตร ควรอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ หรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล คำอธิษฐาน ในการตักบาตรจะใช้ภาษาบาลี หรือภาษาไทยหรือใช้ทั้งสองภาษาก็ได้ ดังนี้ “สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ” ถอดความว่า “ทานของเราให้แล้วด้วยดี ขอจิตข้านี้จงสิ้นอาสวกิเลสเทอญ” คำกรวดน้ำ แบบย่อ “อิทัง เม ญาตินัง โหตุ “ ถอดความว่า “ขอส่วนแห่งบุญกุศล จงสัมฤทธิ์ผลแก่ญาติข้าดั่งตั้งใจ “

http://www.bcoms.net/buddhism/detail.asp?id=276

              

             

อิอิเข้ามาอ่านคลายเครียดค่ะ

P...มาอ่านบ่อยๆนะคะ..พี่อี๊ดที่น่ารัก..

P..ขอบคุณมากๆค่ะที่ร่วมแลกเปลี่ยน..เรื่องธรรมะของครูใจดีก็น่าอ่านมากๆค่ะ..

P..ขอบคุณสำหรับความรู้และคำเชิญชวนไปใส่บาตร เพื่อนอาจารย์สมเป็นนักวิชาการจริงๆเน้อ..วิชาเกินอย่างเพื่อนอ้อยเล็กนี่..อายม้วนต้วนเยย..คริๆขอบคุณในน้ำใจไมตรีที่มีมาให้เพื่อนเสมอนะคะ..

P..เริ่มมาทักทายแล้วนะน้องแมว...

สวัสดีเจ้า

เมาแล้วยุ่งอย่างนี้เองเนาะ

อ่านแล้วอมยิ้มล่ะ

มาเยี่ยมครูอ้อยเล็กค่ะ

มาอ่านนิทานธรรมะ

สนุกดีนะ คิดถึงนะ

P..เมาไม่ดี..เมาไม่ขับ เมาแล้วจน ฯลฯ..ค่ะอิๆๆ

P..ระลึกถึงเช่นกันพักนี้ไม่ได้เต้นระบำยอดหญ้าเลยค่ะ...

แก้อาการเมา(เหล้า)แก้ด้วยสมุนไพร

 เพื่อให้มีสุขภาพและสติสัมปชัญญะที่ดี * เมาเหล้า * ให้เอาถาหรือรากรางจืดชนิดอกสีม่วงฝนกับน้ำซาวข้าวให้ดื่มครึ่งถึงหนึ่งแก้ว ภายใน 1 ชั่วโมง อาการเมาเหล้าจะดีขึ้น ถ้าไม่มีเถาให้ใช้ใบที่ไม่แก่ไม่อ่อนจนเกินไป 7-10 ใบตำผสมกับน้ำซาวข้าวให้ดื่มแทนก็ได้ รางจืดดอกสีม่วง * เมาเหล้าค้าง * - เอาหัวหอมแดง 3 หัว นำมาทุบทั้งเปลือกพอแตกใส่น้ำ 3 แก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 แก้ว ให้ดื่มยานี้ขณะที่ยายังอุ่น ๆ อยู่ - เอาใบตำลึง 1 กำมือ ใส่น้ำ 3 แก้ว ต้มผสมเกลือพริกไทยให้เหลือน้ำ 1 แก้ว ใช้ดื่มให้หมดแก้วอาการจะดีขึ้น - เอารากหรือเถารางจืดชนิดดอกม่วงฝนกับน้ำซาวข้าวให้ดื่มสักครึ่งถึงหนึ่งแก้ว อาการเมาค้างจะหายภายใน 1 ชั่วโมง ยังไงก็อย่าดื่มให้มาก....ระวังสุขภาพและเวลาเมาก็อย่าขับรถ...

       4 วิธีแก้เมาแบบฉับพลัน ด้วยตัวเอง ใครที่ท่องราตรีแล้วเกิดอาการเมาค้าง หรือแฮงค์ วันนี้เรามีเกร็ดความรู้สำหรับเมาค้างมาฝากกัน...อ่านเลย ดื่มชาสมุนไพรร้อนๆ (เช่น ดอกคำฝอย, ลูกใต้ใบ เป็นต้น) สัก 2-3 แก้ว ก่อนนอนกินของว่าง เช่น ขนมปังกรอบทาแยมหรือ น้ำผึ้ง และเมื่อตื่นเช้าควรอาบน้ำเย็น แล้วดื่มน้ำหรือดื่มชาสมุนไพรจำพวกน้ำมะนาวคั้น หลังจากนั้นกินแอปเปิ้ล 1 ลูก ตอนสายๆ ตามด้วยแกงเลียงร้อนๆ สมุนไพรแก้แฮงค์... รางจืด แก้เมาได้ชะงัด หากดื่มสุราจัดเกินขนาดแล้วเกิดอาการแฮงค์โอเวอร์หรือเมาค้าง รางจืดใช้ได้ทั้งการกินสดๆ และแห้ง คือ เอาใบสด 4-5 ใบ ใส่ครกตำผสมน้ำ ถ้าได้น้ำซาวข้าว ยิ่งดี แล้วคั้นเอาน้ำดื่ม หรือจะใช้ส่วนที่เป็นรากและเถารางจืดสดตำคั้นก็ได้ ส่วนวิธีแห้งซึ่งเป็นที่นิยมในเวลานี้คือ การนำใบแห้งมาชงกับน้ำดื่มเหมือนชงชาจีน กาแฟแก้เมา ให้เอากาแฟผงชนิดใดก็ได้เพียง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำเดือด 1 แก้วใหญ่ (ห้ามใส่น้ำตาล) คนให้ละลายรอจนอุ่น ดื่มจนหมดแล้วนอนพัก อาการจะดีขึ้นใน 15 นาที สร่างด้วยน้ำมะนาว ใช้มะนาว 1 ลูก คั้นเอาแต่น้ำ แล้วดื่มจนหมด ประมาณ 10 นาทีคุณอาจจะอาเจียน เมื่ออาเจียนเสร็จให้นอนพักสักครู่ อาการเมาก็จะหายไป มี ให้เลือกใช้เลือกปฏิบัติกันครบเซต ตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังดื่ม เลือกเอาตามความถนัด แต่ถ้าเลี่ยงได้ ก็อยากเตือนไว้ว่า ทางที่ดีอย่าให้ต้องถึงขั้นเมาหัวราน้ำเลยนะ เพราะมันทั้งทรมานและจิตตกอย่างน่าใจหาย แถมไร้สติ หลายคนถึงกับมองหน้าใครไม่ติด ด้วยวีรกรรมแผลงๆ เอาเป็นว่าดื่มน้อยๆ สนุกนานๆ แบบมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เพื่อรักษาอิมเมจตัวเราไว้สนุกนานๆ กับปาร์ตี้อื่นๆ ดีกว่าขอรับhttp://www.kroobannok.com/blog/25349

P...ขอบคุณข้อมูลดีๆเป็นการเตือนสติอีกครั้งหนึ่งค่ะ..ลดละเลิกได้เป็นดีเน๊าะ....

สวัสดีค่ะ

  • มาอ่านการ์ตูนขำๆ  แล้วได้ของแถมความรู้จาก คุณกู้เกียรติไปด้วย
  • ซื้อ 1  แถม  2   3   กำไร เนาะๆ
  • แล้วจะแวะมาหาและหยิบของแถมกลับไปด้วย บ่อยๆ
  • ขอบคุณนะคะ

สวัสดีค่ะ

  • มาอีกรอบ  ได้อ่านเม้นท์ของเพื่อน ๆ เพิ่มเติม
  • คิดถึงนะคะ

P..อ้อยก็ไปอ่านหลวงพ่อปัญญาของพี่สรมานะคะ...ดีมากๆค่ะ

P ระลึกถึงพี่ครูคิมเสมอ..บุญรักษานะคะ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท