เรียนประวัติ "กรุงสุโขทัย" จากการเดินทางไป "นครไทย"


การยกไปตีเอากรุงสุโขทัย (เมืองหน้าด่านของขอม) ก็เป็นเรื่องใหม่ที่ผมเพิ่งเข้าใจ

เมื่อวันที่ ๘ กพ ๒๕๕๓ ผมได้มีโอกาสไปศึกษาประวัติศาสตร์ไทย ที่ผมศึกษามาตั้งแต่ชั้นประถม แต่ไม่เคยเข้าใจเท่าวันนี้

ในประเด็นการก่อกำเนิดของกรุง "สุโขทัย" ที่เราเริ่มนับว่าเป็น "ไทย"

ซึ่งแม้ปัจจุบันผมก็ยังไม่ทราบว่าทำไมเราจึงเริ่มนับจากยุคสุโขทัย

เพราะจากการศึกษาประวัติศาสตร์แถบนี้ ผมคิดว่าชนชาติที่เป็นต้นตระกูลของเรา น่าจะย้อนไปถึงยุคบ้านเชียงเป็นอย่างน้อย

แล้วก็ไล่เลียงมาถึงเมืองโบราณต่างๆต่อมาจากนั้น อีกหลายร้อยเมือง ที่ไม่ปรากฏชื่อจริง มีแต่นามสมมติแบบเดียวกับบ้านเชียง

หรือแม้กระทั่งใต้ถุนบ้านผมเองในปัจจุบันก็เคยเป็นเมืองเก่าสมัยประมาณสักสามพันปี ที่กำหนดเป็นชื่อใหม่ว่า "โนนชัย"

แต่โดยยุคแล้วเราก็น่าจะนับย้อนอย่างน้อย ไปถึงยุค ศรีเกษตร ยุคฟูนัน ยุคทวาราวดี ยุคลพบุรี อีกด้วย

ที่มีเมืองมีชื่อจริงปรากฏอยู่มากมาย เช่น จำปาศรี (นาดูน) คันธาระ (กันทรวิชัย) ฟ้าแดดสงยาง (กมลาไสย) ศรีมหาโพธิ์ ศรีมโหสถ ฯลฯ

แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าจะเริ่ม สุโขทัย ก็สุโขทัย

ที่แม้แต่เรื่องที่มา

ก็เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยทราบมาก่อนว่าเมืองบางยางอยู่ในหุบเขา แบบเดียวกับเมืองราด (ของพ่อขุนผาเมือง)

ที่น่าจะเป็นที่ที่เหมาะสมในการตั้งกองกำลังซ่องสุมผู้คน ที่คนภายนอกบุกรุกได้ยาก แต่บุกไปโจมตีผู้อื่นภายนอกหุบเขาได้ง่าย เพราะมีแนวเขาเป็นกำแพงเมืองตามธรรมชาติ

และเมื่อผมพยายามเชื่อมโยงทั้งสองเมืองเข้าด้วยกัน ก็พบว่า ทั้งสองเมืองเกือบจะเป็นเมืองแฝด

ที่อยู่ในหุบเขาทั้งคู่แบบใกล้เคียงกัน

 ที่น่าจะติดต่อกันเป็นประจำ เมื่อจะต้องรบ ก็คงช่วยกันรบ

 

Bangyang001

อนุสาวรีย์ พ่อขุนบางกลางท่าว

Bangyang002

ประวัติย่อของพ่อขุนบางกลางท่าว

จากประวัติที่ว่า มีการซ่องสุมไพร่พล ข้อนี้ผมเพิ่งทราบ เพราะที่เรียนมาก็แค่เป็นเจ้าเมืองที่ถูกกดขี่ ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมากมาย จึงยกกำลังเข้าสู้

ที่อาจแตกต่างไปเล็กน้อย

และการยกไปตีเอากรุงสุโขทัย (เมืองหน้าด่านของขอม) ก็เป็นเรื่องใหม่ที่ผมเพิ่งเข้าใจ

และในการเรียนที่ผ่านมา ผมก็ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่ากรุงสุโขทัยเดิม มีชื่อว่าอะไร

เดิมที

ที่นั่น คงจะเป็นเมืองขอม เมื่อยึดได้ก็ตั้งเป็นเมือง "ไทย" โดยถือว่าราชวงค์และพสกนิกรของพ่อขุนบางกลางท่าวเป็น "ต้นตระกูลไทย"

แล้วครองราชต่อมาอีกหลายรัชกาล จนกะทั่งศูนย์ขั้วอำนาจเปลี่ยนไปเป็นกรุงศรีอยุธยาในเวลาต่อมา

ที่ผมคิดว่าคนกลุ่มนี้ก็น่าจะเป็นเผ่าไทยเช่นเดียวกัน

แต่ทำไมเราจึงไม่นับเผ่าไทยเหล่านั้นเป็นต้นตระกูลไทยด้วย

ข้อนี้ผมก็ยังคงเป็นข้อสงสัยเช่นเดิม

แต่ ก็ถือเป็นว่า

พ่อขุนบางกลางท่าว หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์นั้น ได้มีชัยภูมิของการตั้งกองกำลังที่ดี อยู่ในหุบเขา มีแนวเขาเป็นกำแพงเมือง เข้าออกยาก

สามารถรบได้ดี จนได้ชัยชนะเหนือ "ขอม" และควบคุมเมืองอื่นๆ ให้อยู่ใต้อำนาจ จนมีการเปลี่ยนแปลงศูนย์อำนาจในระยะต่อๆมา

นี่คือบทเรียนที่ผมได้จากการไปกราบไหว้อนุสาวรีย์ของท่าน

ที่วัดกลาง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ครับ

วันหลังจะไปเยื่ยมชมเมืองราด (ทั้งที่ผ่านหลายรอบแล้ว แต่ไม่เคยแวะศึกษาเลย)

และเมืองศรีเทพ ที่ผมประทับใจในประวัติอันยาวนาน ตั้งแต่ยุคทวาราวดีเป็นต้นมา

ที่ผมคิดว่าน่าจะไขปริศนาได้อีกหลายประเด็นครับ

แล้วจะมาเล่าให้ฟังครับ

 

หมายเลขบันทึก: 335178เขียนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2010 00:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีค่ะ

  • ดีใจและภูมิใจมากค่ะที่อาจารย์ได้ไปเยี่ยมชมเมืองประวัติศาสตร์นครไทย
  • ขอขอบคุณแทนชาวนครไทย และชาวเมืองพิษณุโลกค่ะ
  • จะติดตามอ่านและตามมาแลกเปลี่ยนในบันทึกนี้อีกนะคะ

ขอบคุณครับ

ดีใจมากที่ท่านเป็นชาวนครไทย

ท่านมีโอกาสเรียนมากกว่าผม และอยู่ใกล้ชิดกับแหล่งโบราณคดี

จึงใคร่ขอให้ท่านช่วยขยายความ ส่วนที่ผมขาดตกบกพร่องในการเขียนให้ด้วยครับ

ความรู้ของผมมันแค่หางอึ่งจริงๆ รู้เล็กๆน้อยๆ ก็อยากแลกเปลี่ยน

หวังว่าท่านจะกรุณานะครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์ดร. แสวง รวยสูงเนิน

  • ครูคิมเกิดที่เมืองพิษณุโลกค่ะ แต่ไปสอนที่โรงเรียนในอำเภอนครไทย  เคยไปอยู่ที่นครไทยครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐ และย้ายไปขอนแก่น  กลับมาอยู่ที่นครไทยอีกครั้ง ๒๕๔๐ ค่ะ  ปัจจุบันก็อยู่ที่ในเมืองแต่ไปโรงเรียนที่นครไทยเหมือนเดิม
  • ที่ทราบมาก็ยังไม่มากมาย พยายามศึกษาเรียนรู้อยู่เรื่อย ๆค่ะ
  • ต้นจำปาขาว..มีตำนานเล่าว่าเป็นต้นจำปาขาวที่พ่อขุนบางกลางหาวได้ปลูกไว้  มีอายุประมาณ ๗๐๐  กว่าปี
  • หากใครนำกิ่งตอน หรือเมล็ดไปเพาะทีอื่นก็จะไม่เจริญเติบโต  หลายปีที่ผ่านมาสัมยท่านยิ่งพันธ์ มนสิการเป็น สส. ได้นำผู้เชี่ยวชาญมาทำการเพาะเนื้อเยื่อ  บางคนก็บอกว่ากลายพันธุ์ บางคนก็บอกว่ามีแต่ต้นไม่มีดอก  อันนี้ฟังจากเรื่องเล่าปากต่อปากค่ะ
  • ความเชื่อบอกว่า..หากใครที่มาทำมาหากินหรือมาเที่ยวที่นครไทย หากลอดใต้ต้นจำปาแล้วจะได้กลับมาอีกหรือกลับมาอยู่เป็นชาวเมืองนครไทยค่ะ
  • ชาวเมืองนิยมนำดอกจำปาขาวลงไปแช่ในน้ำฝนบริสุทธิ์  สามารถอยู่ได้เป็นปี ๆ ไม่เหี่ยวไม่เน่า มีไว้เพื่อเป็นสิริมงคลค่ะ
  • จะพยายามไปเรียนรู้และมาเล่าต่อนะคะ  ขอขอบพระคุณค่ะ

ผมก็ได้เก็บเมล็ด และซื้อต้นกล้ามาปลูกที่นา

ทั้งปลูกทั้งเพาะ ก็ลองดูครับว่าจะเป็นอย่างไร

แต่ผมก็อธิษฐาน และอาราธนาไว้แล้วครับ

อีกไม่เกิน ๑๐ ปี คงรู้ผลครับ

ขอบคุณมากครับ

1.ตามที่ผมศึกษาและย้อนอดิตได้ความโหดร้ายเริ่มเกิดขึ้นในดินแดนแห่งอนาจักรรานา(ล้านนา เชียงใหม่)หลังจากอนาจักรสุขขีขัย(สุโขทัย)ถูกอนาจักรศรีกะโจรทะยา(ศรีอโยธยา)เผาละทำล้ายจนผู้คนต้องหนีมาในอนาจักรรานา(ล้านนา)แต่ชาวศรีกะโจรทะยา(ศรีอโยธยา)ไม่พอแค่นั้นยังไร่ตีหัวเมืองต่างๆจนถึงอนาจักรานา(ล้านนา)เพราะอนาจักรานาและอนาจักรสุขขีชัยเป็นเมืองที่ดีต่ดกันมาช้านานเพราะครั้งหนึ่งเคยมีผู้นำเป็นสหายรักกันแต่อนาจักรรานาก่อต้านก้องทัพแห่งศรีกะโจรทะยาไม่ได้ต้องพาผู้คนขาวบ้านชาวเมืองถอยมายังหัวเมืองต่างๆทางตอนเหนือมายังเมืองภูกามยาว(พะเยา)เมืองราย(เชียงราย)เมืองลอ(ตำบลหนึ่งของพะเยาอยู่ในเขตอำเภอจุนเป็นเมืองทีอนาจักรศีรกะโจรทะยาตีไม่แตกและไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใครทั้งนั้นแม้แต่ตอนหลังมาอนาจักรมันมา(พม่า)จะยิ่งใหญ่ในเขตนี้แต่ก่อไม่สามารถยึดเมืองนี้ได้แต่เมืองนี้ถูกตีแตกตอนสมัยอนาจักกรุงธนบุรีแล้วจะเล่าต่อ)เมืองเชียงแส(เชียงแสน)เมืองต้องฮู้(ตองอูในพม่า)เมืองฉัน(รัฐฉานในพม่า)และเมืองสิมชองเมืองนา(สิบสองป้นนา)

2.ทีเราคิดว่าพม่าเผาเมืองทำไมเราไม่คิดว่าเขาเอาคืนละครับเพราะคนอาจักรสุขีชัย(สุโขทัย)รานา(ล้านนาเชียงใหม่)ต้องหนีไปเมืองอื่นๆทางตอนเหนือเพราะสมัยนั้นยังไม่มีอนาจักรของพม่าเพราะอนาจักมันมา(พม่า)เกิดหลังจากอนาจักรสุขีชัยและอนาจักรรานาล้มสลายแล้ว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท