ตอนที่เราแสวงหาที่พึ่งทางใจ (ฟังดูแล้วเหมือนคนเหว่าว้านะ) เราก็คิดไปสารพัดว่าเราควรจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี่ถึงจะสุข..เราต้องไปที่นั่นที่นี่ถึงจะดี.. อ่านหนังสือ ฟังธรรมะ ไหว้พระ บูชาเทพ แล้วเราก็ดิ้นลนแสวงหาหนทางเพื่อมาเติมเต็มในส่วนที่เราคิดว่ามันขาดทั้งที่เราเองก็ยังไม่รู้ว่าเราขาดสิ่งใด ถึงวันนี้เราเข้าใจตัวเองว่าเราไม่ได้ขาดสิ่งใดเลยสิ่งที่เรากำลังแสวงหานั่นเป็นเพราะเรามีความโลภ อยากมี อยากรู้ อยากเห็น อยากเด่น อยากดีมากกว่าคนทั้งโลก ซึ่งทั้งชีวิตช่วงที่เหลือให้ค้นหาจนตายก็ไม่มีวันพอและทางที่ดีเมื่อไรที่เราหยุด (กึ๊ก) จะเบรคแบบหัวทิ่มหัวตำและบอกตัวเองว่าหยุดแค่นี้ พอแล้วมันเต็มทันทีเลยเพราะ
เพราะว่าเราหยุดแล้ว เราพอแล้ว ที่ได้มามากเกินพอนั่นคือส่วนที่เกิน ส่วนที่ล้นและนั่นก็จะเป็นพาระให้เราต้องเช็ดต้องล่างเพราะส่วนที่เกินนั้น
วันหนึ่งนั่งมองพ่อปลูกต้นไม้ (ความจริงเห็นพ่อชอบปลูกต้นไม้มาตลอดชีวิต) เราเป็นคนที่ชอบล่มเงาความเขียวสดของต้นไม้ใบหญ้าอยู่มากและก็ชอบอกชอบใจกับต้นไม้ที่พ่อปลูกเป็นพิเศษเพราะมันทำให้บ้านเราดูสดใสมีชีวิตชีวา และบางครั้งต้นไม้ที่พ่อปลูกยังเก็บมาเป็นอาหารได้ด้วย ความใส่ใจมากเป็นพิเศษของพ่อทำให้วันนี้เราสังเกตุว่าต้นม้ของพ่อหงอยเหงานะ.. ดูจะโตไม่ทันต้นไม้ของเพื่อนบ้านเขาเลยทั้งที่เขาปลูกแบบฝากดินปล่อยทิ้งกว้างน้ำก็ลดบ้างไม่ลดบ้าง แต่กับพ่อแล้วแทบจะนั่งยองๆคอยเฝ้าดูการเจริญเติบโตแทบทุกนาทีเห็นจะได้
พ่อจะตื่นขึ้นมาลดน้ำตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ยกกระถางเข้า - ออกตากแดดหลบแดดตามที่พ่อคิดว่าดีที่สุด ก้านจนแทบจะมองไม่เห็นการเหลื่องใบช้ำคาอยู่บนต้น หรือกิ่งใดที่ออกดอกแล้วพ่อดัดแต่งกิ่งทิ้งเพื่อให้แตกยอดดอกออกใบอ่อนใหม่ (ดูไปดูมาน่าลำคาน)