อย่างเข้าเดือนเจ็ดในล้านนาราวปี พ.ศ. 2512 คืนเดือนเสี้ยวแหว่งดวงด้านตะวันออก บรรยากาศชวนให้คนชอบหาปลาออกไปทอดแหตามริมฝั่งแม่น้ำปิง..
สองสหายพากันสะพายแห...ในมือถือก๋งสะติก(หนังสะติ๊ก)อาศัยแสงเดือนเสี้ยวเดินเลาะไปตามฝั่งแม่น้ำปิง พลันเห็นหนูพุกตัวโตกำลังกัดกินรากเหง้ากอต้นอ้ออย่างเอร็ดอร่อย..
"เฮ้ย..อ้ายจั๋น นั่นหนูพุก"...ยังไม่ทันลดเสียงแต่มืออ้ายจั๋นมันไวกว่ายิงหนังสะติกโพละเข้าให้..เจ้าหนูพุกตัวโตหล่นลงน้ำพร้อมกอรากอ้อ...
"ตายแน่นอน.."เสียงร้องสองสหายพร้อมกัน ขณะที่วิ่งเหยาะเข้าหาเป้าหมายร่องรอยน้ำกระเพื่อมที่หนูตกลงในน้ำ..
ระดับน้ำเพียงท่วมหลังเท้า แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของหนู น้ำที่กระเพื่อมระรอกกลับสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....
ซ่า...ซ่า....ทรายเม็ดใหญ่น้อยถูกขว้างสาดเข้าใส่ถูกสองสหาย แต่เมื่อถูกตัวสองสหายตกลงน้ำเม็ดทรายกลายเป็นดอกงิ้วแดง..
ทั้งอ้ายจั๋นและอ้ายดีสองสหายรู้ทันทีตามประสบการณ์ที่เคยผ่านร้อนหนาวมาว่าผีเอากูแน่แล้ว รีบระนึก(ร่าย)พระคาถาชื่อว่า "ช้างน้ำน้อย"ที่ผู้คนหากินทางน้ำนับถือกันว่า" โอมจ๊างน้อยงาแดงแตงแม่น จ๊างน้อยแกว่นแตงเงา..." เท่านี้เองห่าฝนทรายที่ซัดสาดก็หยุดเหลือแต่ดอกงิ้วแดงลอยฟ่อนอยู่บนผิวน้ำ....
สองสหายต่างพากันหยุดหาปลาและกลับบ้านไปเล่าเหตุการณ์ให้ชาวบ้านที่กำลังนั่งล้อมวงจักตอกในหมู่บ้านฟัง..
....รุ่งเช้าชาวบ้านเห็นผู้คนหมู่บ้านฝั่งตรงกันข้ามพากันลงงมหาศพหนุ่มคนหนึ่งที่ออกจากบ้านไปหาปลาแต่ไม่กลับบ้านตลอดคืน ..พบศพจมอยู่ในตมริมเกาะกลางแม่น้ำปิงเพราะพี่แกออกมาหาปลาเกิดเป็นลมชักฟุบลงในน้ำตายใกล้กับท่าน้ำที่ผีเอาดอกงิ้วแดงขว้างปาสองสหายนั่นเอง
เหตุการณ์ผีขว้างทรายก็จบลงเพียงเท่านี้ก่อนแลนายเฮย....
อ่านดูแล้ว ก่มีคำถามเกี่ยวเนื่องหลายข้อ
ใคร่ขอหื้อพ่อลุงหนานไขข้อสงสัยดังนี้เนอเจ้า
1. ผีดอกงิ้วแดงเกิดขึ้นได้อย่างไร
2. จะออกมาให้คนรู้โดยการขว้างทรายแล้วตกลงมาเป็นดอกงิ้วแดงเท่านั้นหรือ... มีใครเคยเห็นตัวผีดอกงิ้วแดงไหม
3. ผีดอกงิ้วแดงเกี่ยวข้องกับหนูพุก-หนูผีอย่างไร
4. เวลาผีดอกงิ้วแดงออกมาหลอกคน จะมาเมื่อมีหนูผีมาปรากฏตัวแล้วถูกยิงเท่านั้นหรือ
5. การออกมาของผีดอกงิ้วแดงเกี่ยวข้องกับการมีคนตายในแม่น้ำก่ เช่น ออกมาเป็นลางบอกให้รู้ว่ามีคนเพิ่งตายในแม่น้ำ เป็นต้น
6. สามารถพบผีดอกงิ้วแดงได้ทุกแม่น้ำเลยหรือไม่ หรือเฉพาะแม่น้ำปิงเท่านั้น
จะรออ่านคำตอบจากพ่อลุงหนานพรหมมาเนอเจ้า
มาชวนไปเที่ยวฟรีๆ ก่อนแล้วจะมีพลังเขียนบันทึกอีกไม่รู้จบค่ะ
สวัสดีคนต่างเมือง...
คำถามข้อที่ 1,2,3,4ลุงตอบว่า "งึ้ด" คือ..งง..และก็...งง เพราะสะหล่า(ช่าง)เองก็เพียงแต่โดนหลอก
-ควรถือวิกฤตเป็นโอกาสคือคนต่างเมืองลองไปฝึกทางจิตเข้าฌาณกับพระเก่งๆอาจจะพบคำตอบ.. ลุงเป็นเพียงแต่นำเหตุการณ์มาบันทึกไว้เพื่อเป็นข้อมูลในเมืองล้านนาให้ผู้คนสนใจค้นคว้ากันต่อไป
คำตอบข้อ 5. อาจเป็นไปได้เนื่องจากพลังจิตของผู้ตายต้องการให้ผู้คนมาช่วย ดังเหตุการณ์ไฟไหม้ผับที่ กรุงเทพฯ.เสียงผีโหยหวนบอกให้ผู้คนไปค้นหาศพจนพบตามที่เป็นข่าวแล้วนั่นไงครับ...
คำตอบข้อ6.เหตุการณ์นี้เท่าที่ทราบก็พบครั้งนี้เป็นครั้งแรกและก็ไม่มีใครพบอีกครับ...
-สรุปว่าเหตุการณ์เท่าที่เล่าเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติครับ..ลุงขอให้ผู้พบเหตุการณ์(ปี พ.ศ. 2512)ไปส่งดูสถานที่ปัจจุบัน( พ.ศ.2553)ฝั่งปิงถูกขุดลอกไปบ้างแต่ร่องรอยท่าน้ำปิงยังมีอยู่ ถ้าอยากไปดูก็ต้องไปตอนกลางวันแดดจัดหน่อย หากไปตอนมืดวอนแวน(โพล้เพล้) หรือแดดสลัวลุงก็ไม่กล้าเน้อ..เพราะไม่อยากขนหัวลุกเปิดแน้บตัวใครตัวมันป่าอ้อ ป่าแขม ต้นหนามไมยราบยักษ์อาจราบระเนนระนาดด้วยฝีเท้านักวิ่งจำเป็น
ขอบคุณที่เข้ามาแว่อ่านและให้ความสนใจ..
...........................................................
สวัสดีครับคุณหลินฮุ่ย....ขอบคุณมากครับ..ผมเข้าไปแว่อ่านบทความของท่านแล้วดีมากให้ความรู้ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันครับ..
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน...พรหมมา
ไหว้สา ลุงหนานพรหมมา เจ้า
ขอสุมาอภัย หากคำถามที่ถามทำหื้อลุงหนานงงเนอเจ้า
ได้เรียนรู้คำเมืองเพิ่มอีกคำ คือ "งึ้ด" ยินดีเจ้า
เนื่องด้วยข้าเจ้าได้อ่านตำนานแล้วก่เกิดคำถามถึงที่มาที่ไป 4 ข้อแรกนั้น จึงได้ถามไปเนอเจ้า
ด้วยบ่รู้ว่าเรื่องราวมีเพียงเท่าที่ลุงหนานบันทึกเนอเจ้า
จากเรื่องราวที่อ่าน คนที่เจอตั้งชื่อผีเอาเอง เพราะเห็นดอกงิ้วแดง แม่นก่เจ้า
ถ้าอย่างนั้น ก็น่าจะเรียกได้หลายชื่อ เช่น ผีทราย ผีหนูพุกได้กระมัง เจ้า ^-^ เพราะไม่แน่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น อาจเป็นฝีมือของผีหนูพุกก็เป็นได้...ก็เดาไปเอาม่วนน่ะเจ้า ขอสุมาอภัยหากอ่านดูแล้วเหมือนเพ้อเจ้อ ^-^
ส่วนที่ลุงหนานแนะนำให้ไปฝึกทางจิตเข้าฌาณนั้น เป็นการดีแท้เจ้า ยินดีจั้ดนักเนอเจ้า จักได้สร้างบุญบารมีไว้หื้อเข้าใกล้มรรคผลนิพพาน หรือนิพพานในกาลอันควร ซึ่งชาวพุทธจุ๊ผู้จุ๊คนพึงกระทำ แม่นก่เจ้า แต่ข้าเจ้าคงบ่หาคำตอบด้วยวิธีนี้ เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเจ้า แค่แว่เข้ามาอ่านแล้วสงสัยเท่านั้นเอง เรื่องราวมีแค่ที่เห็นในบันทึก เท่านี้ก็เท่านี้เจ้า
ใคร่ขอความรู้จากลุงหนานผู้แกว่นกล้าแหมน้อยเนอเจ้า ว่าการที่คนเจอเหตุการณ์จริงเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วจะจัดเป็นตำนานได้กา ข้าเจ้าเข้าใจว่าการจะจัดเรื่องใดเป็นตำนานนั้น ต้องเป็นเรื่องที่มีมูลมีเค้าความจริงพ่อง และเป็นเรื่องราวที่นานมาแล้ว เล่าต่อๆ กันมา และที่สำคัญน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ประสบกับคนมากหลาย หรือน้อยคนแต่หลายครั้ง และต่างคนที่ได้ประสบ
ไหว้สา ลาไปก่อนเนอเจ้า
หินกลิ้งมาจากที่ไกล...คนต่างเมือง
สวัสดีคนต่างเมืองเจ้า...
เรื่องใดก็ตามหากมีการบันทึกไว้ให้ผู้คนรุ่นหลังได้ศึกษาอีกหน่อยก็เป็นเรื่องราวตำนานไปเองตามกาลเวลาที่ผ่านผัน...สำคัญที่คนต่อยอดครับ...แต่หากไม่มีการบันทึกนี่สิเหตุการณ์ต่างๆก็จะพ้นผ่านหายมิดจมไปตามกาลเวลาไม่มีเงื่อนเค้าข้อมูลให้คนรุ่นหลังได้ค้นคว้า....อย่างหลายๆสิ่งที่ขาดหายน่าเสียดายยิ่ง..
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน... พรหมมา
ขอสูมาเตอะครับ
ผมคนน่าน ทำไมผมบ่ฮู้จัก ผีีดอกงิ้วแดง.
หรือว่าบ่มีใครเล่าฮือผมฟัง หรือว่าผมไม่ได้ออกไปหาปลา
สวัสดีครับละอ่อนหงส์..
ลุงกึ๊ดว่ามันคงมีเหตุการณ์ในแต่ละท้องถิ่นกระมังครับ...
ลุงก็เลยบันทึกเหตุการณ์นี้ไว้หื้อลูกหลานได้อ่านสืบต่อกั๋นไปครับ..
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน...พรหมมา