ความแตกต่างระหว่าง...สองเรา


เพื่อที่เราจะได้หันหน้าเข้าหากัน ปรับตัวปรับใจ จูนคลื่น หาทางจัดการให้ความต่างเหล่านี้ไม่ส่งผลต่องาน

         ผมทำงานส่งเสริมการเกษตรอีกไม่กี่เดือนก็จะถึง 20 สิบปีแล้ว  แต่คิดว่าตัวเองยังเป็นคนที่อยู่ระดับกลางๆ ไม่ใช่ทั้งรุ่นเก๋าหรือว่ารุ่นใหม่(ทั้งอายุตัวและอายุงาน)   เพราะเท่าที่ได้พบเห็นและสอบถามพบว่า นักส่งเสริมการเกษตรส่วนใหญ่จะมีอายุตัวอยู่ที่ใกล้ๆ 50 ปี หรือว่าเลยไปนิดหน่อย   ยกเว้นจังหวัดใหญ่ๆ หัวเมืองต่างๆ ที่นักส่งเสริมการเกษตรจะเป็นรุ่นใหญ่ ที่มีอายุงานมากว่า 25 ปีไปแล้ว  นี่เป็นเพียงการคาดคะเนนะครับ  ไม่ใช่ตัวเลขที่ถูกต้องแน่นอนอะไร

         หลังจากที่ผมมาบรรจุทำงานแล้ว  ก็ไม่ค่อยได้เห็นการบรรจุงานของนักส่งเสริมการเกษตรมากนัก  นานๆ จะมีสักครั้ง  เพิ่งจะเริ่มมีมากอีกครั้งก็เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง  ที่พอจะมีการบรรจุและทดแทนนักส่งเสริมการเกษตรรุ่นใหม่ๆ มาบ้าง

         หลายหน่วยงานที่เบื้องบนหรือสังคมคิดว่าน่าเหมาะที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ  หน่วยงานเหล่านั้นก็จะได้รับการเพิ่มจำนวนคนทำงาน  มองง่ายๆ ก็เห็นจะมีหน่วยงานของท้องถิ่นที่เพิ่มมากขึ้น  เห็นเขาว่าเป็นการกระจายอำนาจ  จนทำให้นึกย้อนไม่ออกว่าเมื่อก่อนยังไม่มีหน่วยงานเหล่านี้แล้วเขาทำงานพัฒนากันมาได้อย่างไร  ส่วนหน่วยงานภูมิภาคถูกลดทอนจำนวนจนน่าใจหาย  ซึ่งก็คงจะเหมาะสมอีกนั่นแหละ เขาว่ามาอย่างนั้น

         งานส่งเสริมการเกษตรก็คงจะเป็นอีกหน่วยหนึ่งที่จะต้องโรยราไปตามเหตุผลและสถานการณ์แนวทางการพัฒนาของบ้านเมือง  จึงทำให้ปัจจุบันในหน่วยทำงานของเรามีคนทำงานที่มีความต่างกันมากๆ  มองให้ดีก็จะเห็นความแตกต่างนี้ชัด และนั้นเป็นปัญหาที่มองอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมว่าไม่ธรรมดาครับ เพราะมีหลายอย่างที่เราต้องมาพิจารณาและหาแนวทางให้ความแตกต่างระหว่างสองเรานี้ไม่สร้างปัญหาให้แก่กับการทำงานส่งเสริมฯ ความต่างเท่าที่พอมองเห็น...

 

          อายุตัว....

         สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมชาติที่ไม่สามารถปรับแก้อะไรได้ และโดยธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนก็ไม่อยากแก่ และไม่ยอมแก่  ข้อนี้คงผ่านไปได้สบายครับ....อิอิ

 

          อายุงาน....

         ข้อนี้สำคัญมาก  ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวอายุงาน แต่อยู่ที่ประสบการณ์และความรู้ความสามารถดีๆ ในการทำงานต่างหากที่ส่วนใหญ่ต่างกันแน่นอน ประเด็นนี้ต้องออกแรงกันหน่อย  ทั้งคนเก่าและคนใหม่ต้องต่อท่อกันให้ได้ ไม่เช่นนั้นคงติดๆ ขัดๆ มีความต่างที่อาจส่งผลต่องานได้บ้างแม้อาจจะไม่มากแต่ก็คิดว่าน่าจะมี  เพราะงานส่งเสริมการเกษตรเรียนแต่ในตำราอย่างเดียวไม่ได้  เป็นงานที่ต้องลงมือทำ  ปรับไปตามสถานการณ์และสังคม-ชุมชน  เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์  ที่บางครั้งหาอ่านในตำราไม่เจอ...555  

 

         ที่มาจากระบบการศึกษา...

         นักส่งเสริมการเกษตรร่นเก๋าส่วนใหญ่ก็จะมาจากสถานศึกษาอาชีวะเกษตร  จากวิทยาลัยเกษตรกรรมต่างๆ ที่มีภูมิหลังแตกต่างเป็นอย่างมากกับนักส่งเสริมการเกษตรรุ่นใหม่  ที่มาจากมหาวิทยาลัย  ข้อนี้หลายท่านคงจะมองเห็นภาพ  จะไม่ขอสรุปในว่าดีหรือต่างกันอย่างไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง  แต่จะขอสรุปเพียงว่าสถานศึกษาก็คือความต่างของสถานที่ แต่จะนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดความดีของคน  ความขยัน  ความรับผิดชอบ  ความสามารถในแต่ละเรื่อง ฯลฯ ไม่ได้  เพราะขึ้นอยู่กับตัวบุคคล

 

         การเรียนรู้ตามยุคสมัยของสังคม...

         ข้อนี้พอจะมีความแตกต่างที่เด่นชัดมาก  เพราะรุ่นเก๋าๆ ส่วนใหญ่ความสามารถทางด้านไอที จะสู้นักส่งเสริมรุ่นใหม่ๆ ไม่ได้  แต่ก็มีหลายท่านที่พัฒนาและปรับตัวก็พอจะกล้อมแกล้มไปได้  แต่หลายคนก็ส่ายหัว...อ้างว่า สว. สายตาไม่ค่อยดี...อิอิ 

         คงจะมีประเด็นความต่างอีกมากมาย  ไม่ว่าจะรุ่นเก๋า รุ่นใหม่  แม้แต่คนที่มาบรรจุงาน  ทำงานในวันเดียวกัน  ก็ยังมีความต่างให้ได้พบเจอมากมาย  แต่สิ่งสำคัญที่นำมาบันทึกไว้ก็เพื่อที่จะให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง  ไม่ว่าจะเป็นตัวของนักส่งเสริมเอง หรือบุคคลที่ทำหน้าที่อื่น ได้ตระหนักและเข้าใจ เพื่อที่เราจะได้หันหน้าเข้าหากัน  ปรับตัวปรับใจ  จูนคลื่น หาทางจัดการให้ความต่างเหล่านี้ไม่ส่งผลต่องาน  ต่อองค์กรอันเป็นที่รักของเรา 

          เพื่อให้นักส่งเสริมฯ สามารถทำงานได้สอดคล้องและทันกับสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงของวิถีการเกษตร  วิถีชีวิต  และที่สำคัญนโยบายเบื้องบนที่นับวันจะเปลี่ยนแนวไปจากอดีต  ที่วันนี้ยังตัดสินไม่ได้ว่าอนาคตจะส่งผลต่อสังคมอย่างไรบ้าง   จะเป็นการแก้ปัญหาในวันนี้(เฉพาะหน้า)  แต่อาจจะกลายเป็นปัญหาที่หนักอึ้งให้แก่คนรุ่นต่อไปต้องแก้ไขก็ได้ใครจะไปรู้.... 

 

บันทึกมาเพื่อการ ลปรร. ครับ 

สิงห์ป่าสัก   21  มกราคม  2553

หมายเลขบันทึก: 329670เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2010 07:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2012 20:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีครับ น้องสิงห์ นักส่งเสริมเกษตร

มาบอกว่า โล่งอก ที่กลุ่มเกษตรกร ผ่าการตรวจสอบประจำปี

กลุ่มที่ผมทำอยู่เราไมนักบัญชี

ต้องช่วยๆกันทำ

บางเรื่องไม่ถูกต้องตามหลักบัญช้ แต่ถามมาตอบได้ถึงที่มาที่ไป

ผู้ตรวจบัญชีใจด้ปรับให้เป็นปัจจุบันแนะให้อย่าง

คนทำงานเกษตรมักมีบัญหากับการทำบัญชี

แต่บัญชีคือหัวใจของคนทำงานกลุ่ม

ระลึกถึงอยู่เสมอครับ

มีอะไรเสนอแนะยินดีรับฟังครับท่าน

แตกต่างได้แต่ไม่จำเป็นว่าต้องแตกแยกกันนเขอรับ..

เรียนรู้ เข้าใจ เพื่อเข้าถึงความแตกต่างกันและกัน

ต่างก็สามารถเชื่อมรอยแตกได้แนบสนิทอย่างงดงามขอรับ..

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องชวนคิดค่ะ

อายุงานยังมีดอกาสนับหนึ่งใหม่ เปลี่ยนงานใหม่ก็นับเลขใหม่ได้

แต่อายุตัวนี้ มีแต่นับเพิ่มอีกหนึ่งไปเรื่อยๆนะคะ อิอิ

ย่อหน้าสุดท้าย...เป็นมุมคิดที่น่าคิดมากครับ

เป็นกำลังใจให้คนทำงานครับพี่

  • สวัสดีครับท่าน วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
  • ยินดีด้วยนะครับ
  • ชุมชนเข้มแข็ง คือเป้าหมายของงานพัฒนานะครับ
  • จับงานกลุ่มฯ นั้นแสดงว่ามาถูกทางแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาและการเรียนรู้
  • จะขอเรียนรู้มากกว่าที่จะแนะนำครับ
  • อิอิ..
  • นมัสการท่านมหาธรรมฐิต
  • กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับที่แวะมาเติมเต็มในบันทึกนี้

 

  • สวัสดีครับ อ.ณัฐรดา
  • เดือนนี้ก็นับเพิ่มอายุตัวเราไปอีกหนึ่งแล้วนะครับ
  • อิอิ...
  • ขอบพระคุณที่แวะมาครับ
  • สวัสดีครับ อ.เสียงเล็กๆ فؤاد
  • ดีใจที่บางเรื่องสะกิดใจท่านที่แวะมาครับ
  • บางอย่างอยาก ลปรร. แต่ก็นำมาบันทึกไม่ได้
  • ทั้งๆ ที่รู้ แต่ก็จำต้องอดทน ยอมรับ....
  • หลายเรื่องที่เห็น(นโยบาย-งาน-การพัฒนา)แท้จริงแล้วอีกด้านหนึ่งคือการสร้างปัญหาใหม่ให้ส้งคม...หากคิดไม่รอบคอบ
  • โดยเฉพาะวิธีคิดที่มาจากนัก.......
  • อิอิ...ขอบคุณครับ

สำหรับเภสัชกร 20 ปี คือรุ่นแ่ก่ครับ 5555

เวลาเร็วเหมือนติดปีก...มา Happy วันเกิดในชีวิตการทำงานค่ะ กำลังวัยรุ่นเชียว 20 ปี อิ...อิ...คิดถึงค่ะ

เป็นธรรมชาติ เข้าใจ แล้วก็จะพาเที่ยว ฟรี ฟรี ฟรี

ผมเป็นหนึ่งในนักส่งเสริมรุ่นใหม่ที่พึ่งบรรจุมาทำงานยังไม่ครบปีครับ และมีมุมมองต่อช่วงชีวิตราชการ 11 เดือนที่ผ่านมาดังนี้ครับ(ผมสรุปจากพื้นที่ที่ผมอยู่นะครับ และมองจากมุมกว้าง)

-ผมรู้สึกว่างานส่งเสริมการเกษตรที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นงานเชิงรับอย่างมาก บุคลากรส่วนหนึ่งหมดไฟไปแล้ว และที่ดูเหมือนยังมีไฟอยู่ก็เป็นแต่เพียงภาพที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับงานประกวดในแต่ละปี แต่ที่เป็นรูปธรรมมันมองไม่เห็น

-บุคลากรที่มีจำนวนมากแต่ประสิทธิภาพน้อย ในสำนักงานหนึ่งๆ (อำเภอ) มีคนที่พอเป็นแบบอย่างให้รุ่นน้องๆ อย่างผมได้ไม่กี่คน บางแห่งไม่มีเลย(ทั้งในเรื่องความรู้ความสามารถ และอุดมการณ์)

-กรมส่งเสริมการเกษตรมีงานในการจัดเก็บและรายงานข้อมูลเยอะมาก บางงานซ้ำซ้อน และรายงานส่วนใหญ่ส่งไปแล้วไม่มีผลสะท้อนกลับมาอย่างเป็นรูปธรรมว่ามีประโยชน์ยังไง และผู้ทำก็ทำส่งเดชไปอย่างนั้น(มีรุ่นพี่บางคนเปลี่ยนชื่อกรมไหม่ว่ากรมส่งเดช ซึ่งรุ่นน้องได้ยินแล้วก็หดหู่อยู่บ้าง)

-อีกหลายอย่างที่กำลังสังเกตและตั้งคำถาม และหาทางออกที่ดีให้กับตัวเอง เพื่อจะเป็นการสร้างพลังใจในการทำงาน

ดีใจที่ได้เข้ามาพบเห็นชุมชนแห่งนี้อย่างน้อยคนรุ่นใหม่อย่างผมก็ยังพอมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง หวังว่าคงมีโอกาสได้เรียนรู้จากรุ่นพี่ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงทุกท่านครับ แม้ว่าระยะห่างในความจริงจะห่างกันมากมาย แต่ระยะห่างเสมือนนี้ เราใกล้กันอย่างยิ่ง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท