10วิธีดับใจร้อน


                                              10วิธีดับใจร้อน

 
 


Take it Easy ! Clam dome ! Cool Man!

          โลกร้อน อากาศร้อน ความร้อนในใจของคนเราก็พุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นบับนี้ ผมจะพาไปหาวิธีคลายร้อนในใจแบบง่ายๆ สำหรับใครที่กำลังมีปัญหารุ่มร้อนใจเพราะจิตใจของคนเรานั้น บางครั้งก็แข็งแกร่งดังหินผา บางครั้งก็อ่อนแอราวปุยนุ่น ดังนั้นเราจึงควรบริหารจิตใจของเราทุกวันให้รับสิ่งที่จะเข้ามากระทบจิตใจได้ เพราะปัญหาที่ผ่านเข้ามาในวันนี้ วันหนึ่งข้างหน้าก็จะถอยห่างออกไป ลองย้อนกลับไปมองเรื่องราวที่ผ่านมา  จะเห็นว่าบางเรื่องที่ตอนนั้นคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็กลับกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อากาศร้อนอย่างเดียวก็พอแล้ว อย่าปล่อยให้ใจร้อนตามไปด้วยเลยครับ …

นับหนึ่งให้ถึงสิบ

          เริ่มจากวิธีพื้นฐานอย่างนับเลขในใจ เวลาที่เราโกรธใครให้ลองนับหนึ่งถึงสิบ หรือจะนับถึงร้อยถึงพันก็คงไม่มีใครว่า เพราะการนับเลขจะส่งผลให้เรามีสมาธิ และยังได้มีเวลาไตร่ตรองคิดถึงสิ่งที่ผู้อื่นทำกับเรา และสิ่งที่เรากำลังคิดจะทำด้วย

 
ปล่อยวาง ไม่ยึดติด

          ปัญหาที่เกิดขึ้นนทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคนเรามีอัตตามากเกินไป หากเราลองเปลี่ยนความคิด ไม่ยึดติดกับตัวตน แล้วลองคิดว่าสุดท้ายวันหนึ่งเราก็ต้องแตกดับ และสลายไป วนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป เพราะฉะนั้นถ้าเรายอมรับกับวัฏจักรแห่งการเกิด-ดับนี้แล้ว ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็คงเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

เข้าหูซ้ายทะลุหุขวา

          อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ เพราะปกติแล้ว คำว่า "ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา" นั้นเขาใช้เปรียบเปรยคนที่ฟังอะไรแล้วไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับความคิดใหม่ๆ เข้ามา แต่ตอนนี้ผมกำลังหมายถึง ถ้าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว การฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวานั้นนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เราไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ใครกล่าวมา

คิดมากไปหรือเปล่า

          อาการคิดมากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเครียดได้ ยิ่งอากาศร้อนๆ ยิ่งเหตุการณ์อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ร้อนรน เมื่อเกิดเรื่องก็จะยิ่งเก็บมาคิด จนไม่เป็นอันกินอันนอน ลองเปลี่ยนจากความคิดเรื่องแย่ ๆ เปลี่ยนเป็นคิดเรื่องดีๆ บ้างสิครับ เพราะความคิดนั้นเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของเรา ไม่เชื่อลองทำดู คิดดี ทำดี เท่านี้พอ

ฝึกสมาธิ

          การฝึกสมาธิให้ใจสงบนั้นมีหลายรูปแบบ จะนั่งสมาธิหรือเดินสมาธิก็ได้ อย่างที่ผมเคยเขียนในเล่มก่อนๆ ว่าเมื่อมีสมาธิก็มีสติ เมื่อมีสติก็เกิดปัญญา เวลาเกิดปัญหาก็จะมีทางแก้ไข

รู้เขารู้เรา

          บางครั้งแค่เราลองมองใส่ใจนิสัยของคนรอบข้างบ้าง ก็สามารถที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เราจะต้องรู้จักระงับสติอารมณ์ของเราด้วย เพราะเมื่อเราทราบแล้วว่าเขาเป็นคนแบบนี้ หากเรารับนิสัยเขาไม่ได้ ก็ให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้เป็นดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราวกัน

ขอโทษ คำนี้พูดได้ตาย

          หากเราทำผิด การใช้คำว่าขอโทษนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเราจะต้องเอ่ยคำขอโทษ เพราะคำๆ นี้ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีของเราตกต่ำลงหากแต่เป็นการรู้จักยอมรับในสิ่งที่ตนเองผิดต่างหาก  อีกทั้งยังจะทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายคลี่คลายลงได้อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้คำขอโทษอย่างพร่ำเพรื่อเพราะจะทำให้ติดเป็นนิสัยที่ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ระมัดระวัง

ยิ้มแห่งสยาม

          รอยยิ้มสร้างโลกนี้ให้สดใสได้ เหมือนดังคำที่บอกว่า "ถ้าคุณยิ้ม โลกก็จะยิ้มให้คุณ" เพียงแค่คุณไปไหนแล้วมีแต่รอยยิ้มให้คนรอบข้าง คนรอบข้างก็จะอารมณ์ดีขึ้นไปด้วย

หายใจเข้า-ออกลึกๆ

          การหายใจเข้าออกลึกๆ นานๆ จะทำให้เราได้มีสติยั้งคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และทำให้ร่างกายเราได้รับการผ่อนคลายจากลมหายใจที่รับเข้าและส่งออก ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไปในช่วงเวลาที่มีอารมณ์โกรธ ลองหายใจลึกๆ เข้า – ออก อย่างช้าๆ จะช่วยให้สถานการณ์รอบข้างดีขึ้น

ไม่หนีแต่ไม่ปะทะ

          หากเราไม่สามารถจะทำอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ แต่จะเก็บเอาไว้ก็กลัวจะกลายเป็นคนเก็บกดจะเดินหนีก็จะกลายเป็นคนไม่ยอมรับความจริง หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คงต้องใช้สติที่รอบคอบตัดสินใจในการแก้ปัญหา รับฟังสิ่งที่ผู้อื่นว่ามา แล้วก็นำไปปรับปรุงในส่วนที่ไม่ดี หากแต่เป็นสิ่งที่เขาพูดพร่ำเพรื่อก็ไม่ต้องกังวลให้เสียเวลา เลิกคิดไปเลย ไม่จำเป็นต้องไปต่อปากต่อคำด้วย เพราะการทำเช่นนั้น ไม่ได้ส่งผลดีอะไรขึ้นมาเลย

คำสำคัญ (Tags): #ธรรมะ
หมายเลขบันทึก: 329037เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2010 21:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม 2012 09:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สา...ธุ ถ้าตั้งสติได้ ผมว่า นับหนึ่งก้พอแล้ว ครับ แต่ส่วนมาก นับ หนึ่ง สอง สาม แล้วสวนทันที ละครับ

สาธุ.. นะคุณโยมบุญส่ง แต่ก็เพราะอย่างนี้หละโยมมันถึงได้มีปัญหาวุ่นวายในสังคมขณะนี้

    ผมใช้วิธี  ไม่หนี ไม่ปะทะ ครับ   ประมาณว่า  ไม่เถียง  แต่ไม่ถอย  ใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหวครับ

ท่านอาจารย์ครับ

  • ๑๐ วิีธีดับร้อนของอาจารย์ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อหลายๆ คนในสังคมไทยครับ
  • ร้อนกาย ข้าห้องแอร์ กินน้ำแข็ง พัดลม อาจจะช่วยได้ชั่วคราว
  • แต่ "หัวใจ" ที่ร้อนผ่าวๆๆ นี่หล่ะครับ คงต้องอาศัยวิธีดับร้อนของอาจารย์

ผมมีเรื่องเพิ่มเติมครับอาจารย์

  • วันที่ ๒๙-๓๑ ผมจะพานิสิตปริญญาเอกไปสัมมนาที่เชียงใหม่เกี่ยวกับเรื่อง "กระบวนการจัดการความขัดแย้งด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นแก่เหมืองแก่ฝ่าย
  • โดยจะจัดสัมมนาที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่
  • ถ้าอาจารย์สะดวกกรุณาติดต่อที่ อีเมล์ [email protected] ครับ
  • ด้วยความนับถือ

เป็นข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น

-----------------------------------

I want to be a book maker

อยากมีหนังสือเป็นของตัวเองใช่หรือเปล่า

รับสมัครคนชอบอ่าน คนชอบเขียน

มาร่วมงานกับสำนักพิมพ์

คลิกที่นี่ค่ะ http://www.iwanttobeabookmaker.tk/

ขอบพระคุณครับพระอาจารย์ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ

ผมหนี เพื่อลดโอกาสประทะ และ ไม่ประทะครับ

แย่กว่า หรือดีกว่าครับ

....... สู้ ... ด้วยเหตุและผล .............. หันหน้า..พูดคุยกัน...

..........ผิดยอมรับผิด..(ตัวเองรู้ดี)

กล้าเผชิญกับความจริง...

โลก.. (เรา) น่าจะใสสดอีกมาก...

นมัสการหลวงพี่ ผมคนหนึ่งที่เป็นคนใจร้อน ความใจร้อนนี้มันมีมาแต่กำเนิด(สันดาน) เกิดราศีเมษเป็นคนรับรู้ไว แต่บางทีก็รับรู้แบบไม่ถูกต้อง มารู้ก็เมื่อมันพลาดไปแล้ว คิดละเอียด คิดล่วงรู้ไปหมดทำให้ไม่สบายใจในยามที่เกิดปัญหา ผมเคยเก็บเอาเหตุการณ์ที่ผ่านไปมาขบคิด.. คิดแล้วก็ปวดอุราด้วยความแค้นเคืองการกระทำของคนๆนั้น คนที่ทำให้เราไม่สบอารมณ์ ทั้งที่เราไม่เจตนา แต่เขาแปลเจตนาเราผิดต่างหาก

อาการคิดมากนี้จะเป็นอยู่ระยะหนึ่ง ผมคิดแต่จะหาทางแก้แค้นเขาตลอด บางทีคิดจะใช้วิธีรุนแรง แต่เมื่อมันผ่านไปสักระยะ ก็พอทำใจได้ และผ่านไปด้วยดี แต่จิตใจผมก็บอบช้ำไประยะหนึ่ง ผมจะทำอย่างไรดีกับนิสัยอ่อนแอของผมเช่นนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท