วิเคราะห์หนังสือที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับครู
ชื่อหนังสือ ตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า
ชื่อผู้แต่ง พันพูมิ ( นามปากกา )
เรื่องย่อ
กล่าวถึงชีวิตของครูเทียน ครูหนุ่มที่เพิ่งสำเร็จการศึกษามาจากโรงเรียนฝึกหัดครูอันมีชื่อเสียง ด้วยความหยิ่งทรนงว่าตนมีการศึกษาสูง มีความรู้เหนือใคร ครูเทียนได้เข้าทำงานเป็นเสมียนที่บริษัทแห่งหนึ่งที่จ้างด้วยเงินเดือนสูงกว่าการเป็นครู แต่ครูเทียนก็ทำงานได้ไม่นานบริษัทก็ล้มเลิกกิจการ ครูเทียนจึงตกงานต้องไปสมัครสอบบรรจุเป็นครู ด้วยความรู้ความสามารถที่ครูเทียนมีจึงสอบได้ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง นั้นก็คือโรงเรียนบ้านดงดำ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านดงดำที่แสนจะกันดาน มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยความโหดร้ายน่ากลัวแฝงอยู่ เมื่อครูเทียนไปถึงครูเทียนได้พบกับผู้ใหญ่ขาวซึ่งแกเป็นคนพูดน้อยแต่เชื่อถือได้ ครูเทียนซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งครูใหญ่และครูน้อยแห่งโรงเรียนบ้านดงดำ และชาวบ้านกับเด็กที่ดูจะดีใจเป็นพิเศษที่เห็นครูน้อยคนใหม่มาเยือนอีกครั้งในรอบ 10 ปี เมื่อครูเทียนได้เห็นสภาพของโรงเรียนก็ต้องแปลกใจที่เห็นเป็นเพียงเพิงไม้เก่า ๆ ไม่มีฝาผนังกั้น มีเพียงหลังคาที่มุงหญ้าคา คอยคุ้มแดดคุ้มฝนเท่านั้น เด็ก ๆทุกคนในหมู่บ้านจึงต้องเรียนรวมกัน นอกจากนั้นครูเทียนยังได้เจอกับผู้มีอิทธิพลของบ้านดงดำนั้นก็คือ นายดำผู้อวดตัวว่าเป็นคนสมัยใหม่ มีเงินทองมากกว่าใคร และเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ อีกมากมาย อาทิ เหตุการณ์ที่โรงเรียนถูกลมพายุพัดพัง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ครูเทียนได้คิดว่าถึงตนเองมีความรู้มาก แต่ถ้าขาดประสบการณ์ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เหตุการณ์ที่ดูจะเลวร้ายกับครูเทียนมากที่สุดก็คือ เหตุการณ์ที่ครูเทียนต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นครูสอนเด็ก ๆ ในหมู่บ้านดงดำ ท่ามกลางความหวาดระแวงว่าใครจะมายิงเหมือนครูน้อยคนก่อน ๆ แต่ด้วยความศรัทธาในวิชาชีพครูของครูเทียนจึงอดทนก้มหน้าทำการสอนที่โรงเรียนบ้านดงดำแห่งนี้ต่อไป โดยไม่คิดย้ายไปไหน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าชีวิตของตนเองจะเป็นเหยื่อให้กับลูกกระสุนปืนของผู้มีอิทธิพลเมื่อใด
ตอนที่ประทับใจ
เป็นตอนที่จดหมายครูบ้านป่าได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์
เรียน บรรณาธิการ
เราคือครูบ้านป่า บ้านดง ภูมิปัญญาน้อย อยู่บ้านนอก บ้านนามีปากก็เหมือนมีอย่างอื่น พูดไม่ออก พูดไม่ดัง จึงขอยืมหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ของท่านเป็นสื่อ ช่วยเรียนท่านผู้หลักผู้ใหญ่ในทำเนียบให้รับทราบด้วย
ตามที่ได้เปลี่ยนแปลงแบบเรียนชั้น ป.1 เป็นแบบเบสิคนั้น พวกเราฟังเสียงครูและผู้ปกครองเด็กแล้ว ต่างไม่เห็นด้วยกันทั้งนั้น ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
ประการแรก ราคาแพงมาก ผู้ปกครองเด็กส่วนมากยากจน ไม่มีเงินซื้อ เป็นที่เดือดร้อนทั่วไป เมื่อผู้ปกครองไม่ยอมซื้อ ภาระก็ตกหนักอยู่ที่ครู ประการที่สอง ไม่สะดวกในการสอน และการอ่านเป็นคำ ๆ นั้นเหมาะกับเมืองฝรั่ง ไม่เหมาะกับเมืองไทย ภาษาไทยอยู่คนละตระกูลกับภาษาฝรั่ง เป็นภาษาคำโดด เราสอนแบบผสมอักษรตามแบบเรียนเล่มเก่าก็ไม่เห็นเสียหายอะไร สอนให้คนอ่านออกเขียนได้เป็นผู้ใหญ่ ผู้โตมานักแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องเปลี่ยนให้แพงเงิน ประการที่สาม การพัฒนาบ้านเมืองไม่ได้อยู่ตรงนี้หรอก จะอ่านกันอีท่าไหนไม่สำคัญขอให้มันอ่านออกก็แล้วกัน หรือว่าการสั่งพิมพ์หนังสือจากญี่ปุ่นกำไรงาม...”
( ตัดตอนมาจากเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า ตอนที่ 9 )
ประทับใจตอนนี้เพราะว่าเป็นตอนที่บรรดาครูบ้านป่าทั่วประเทศไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแบบเรียนจาก ก-อา-กา มาเป็นแบบเบสิก เกือบถึงขั้นเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล แต่ครูบ้านป่าก็เลือกการส่งจดหมายถึงรัฐบาลเพื่อเป็นการร้องเรียนก่อน เนื้อเรื่องในตอนนี้แสดงให้เห็นว่าครูมีบทบาทในกำหนดทิศทางการศึกษา ถ้าเห็นว่าดีด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลกำหนดครูก็รับมาปฏิบัติ แต่ถ้าเมื่อใดครูเห็นว่าไม่สมควร หรือไม่เห็นด้วยก็จะเกิดการคัดค้านขึ้น เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงยุคที่มีการปกครองที่ไร้รัฐธรรมนูญ จึงมีจดหมายหลั่งไหลเข้าธรรมเนียบจากทุกมุมของประเทศไม่เว้นแม้แต่วงการการศึกษา
เหตุผลที่เลือกอ่านหนังสือ
เพราะว่าเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับครูเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้แต่งขึ้นมาก็ตาม แต่มีลักษณะเนื้อหาเสมือนจริง อิงกับความจริง เนื้อเรื่องเกิดปมปัญหาอยู่ตลอดเวลาทำให้รู้สึกตื่นเต้นและอยากที่จะอ่านจนจบเพื่อจะได้รู้ว่าสรุปว่าเรื่องมันจะดำเนินต่อไปอย่างไร เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ความเพลิดเพลินเพียงอย่างเดียวเสียเมื่อไหร ยังมีเกร็ดความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับครู นอกจากนี้ยังมีการแฝงแง่คิดดี ๆ ให้เราได้นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันและในอนาคตที่เราต้องสำเร็จการศึกษาออกไปเป็นครู เราอาจได้พบเจอเหตุการณ์เหมือนกับในเรื่องก็ได้ ที่สำคัญทำให้อารมณ์รักและศรัทธาในวิชาชีพครูมากขึ้นอีกด้วยครับ
1. รูปแบบ เรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าเป็นหนังสือบันเทิงคดี ประเภทนวนิยาย
1.1 แบ่งตามลักษณะแนวคิด เรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าจัดเป็นนวนิยายแนวสัจนิยม
- นวนิยายแนวสัจนิยม คือ ผู้เขียนสะท้อนพฤติกรรมและนิสัยใจคอของมนุษย์ตลอดจนความเป็นไปในสังคมอย่างสมจริง สะท้อนชีวิตสะท้อนสังคม
1.2 แบ่งตามลักษณะเนื้อหา เรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าจัดเป็นนวนิยายอุดมคติและนวนิยายเป็นตอนต่อเนื่องกัน
- นวนิยายอุดมคติคือ ผู้เขียนจะแสดงความรู้สึกไม่พอใจต่อสภาพความเหลื่อมล้ำของสังคมและการเอารักเอาเปรียบที่คนส่วนน้อยกระทำต่อคนส่วนใหญ่ในสังคม
- นวนิยายเป็นตอนต่อเนื่องกัน คือ เนื้อหาของนวนิยายกล่าวถึงเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ใช้ตัวละครชุดเดียวกันและมีแกนกลางของเรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน
2. แนวคิด
2.1 แนวคิดหลัก (แก่นเรื่อง) เป็นสาระสำคัญที่ผู้เขียนตั้งใจเสนอให้ทราบ เรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า แสดงถึงการดำเนินชีวิตของครู ผู้ที่มีอุดมการณ์ที่เดินทางไปเป็นครูในชนบท ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคต่าง ๆ โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งของคนในสังคม
2.2 แนวคิดรอง เป็นความคิดที่ผู้เขียนแทรกเอาไว้ในแต่ละตอน ทำให้เข้าใจเรื่องของชีวิตรวมไปถึงประสบการณ์ในเรื่องต่าง ๆ คือ
ตอนที่ 1 คุณค่าของความเป็นมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่การศึกษาอันสูงส่ง
ตอนที่ 2 ผู้ที่หยิ่งทรนงหรือยึดมั่นกับ ลาภ ยศ เงิน ทอง ย่อมไม่พบกับความสุขที่แท้จริง
ตอนที่ 3 การที่มีความรู้สูงก็มิใช่ว่าจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้สำเร็จไปซะทุกเรื่อง
ตอนที่ 4 การแย้งชิงอำนาจ ย่อมนำมาซึ่งความสูญเสีย
ตอนที่ 5 การให้การศึกษาแก่เด็ก คือ การเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ประสบการณ์
ตอนที่ 6 สังคมที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจะไม่ได้รับการพัฒนา ย่อมเป็นสังคมที่ป่าเถื่อน
ตอนที่ 7 ปัญหาเรื่องการขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายควรดูแลโดยด่วน
ตอนที่ 8 การเปลี่ยนแปลงทางระบบการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน
ตอนที่ 9 การคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาของไทยที่มีปรากฏมาเนินนาน
ตอนที่ 10 ความแห้งแล้งเป็นปัญหาพื้นฐานของสังคม ซึ่งผลกระทบทำให้เกิดความยากจนตามมา ถ้าหากไม่ได้รับการแก้ไข อาจก่อให้เกิดการลักขโมยซึ่งเป็นปัญหาที่ลุกลามบานปลายต่อไปในอนาคต
3. โครงเรื่อง เรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าเป็นโครงเรื่องแบบเก่าเพราะว่ามีการเน้นความสำคัญของเหตุการณ์และลำดับเหตุการณ์โดยมีตัวละครเอกเป็นผู้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์และปมปัญหาที่เป็นข้อขัดแย้ง
3.1 โครงเรื่องใหญ่ เป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวพันกับปัญหาความขัดแย้งซึ่งเป็นจุดสำคัญของเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า กล่าวถึงครูเทียนผู้ที่ตั้งใจจะใช้ความรู้ที่ตนเองมีอยู่ไปพัฒนาชนบทแต่ต้องพบกับอุปสรรคต่าง ๆ
3.2 โครงเรื่องย่อย เป็นความขัดแย้งหรือเรื่องราวของตัวละครที่แทรกอยู่ในตอนต่าง ๆ ของเรื่องและมีผลกระทบต่อตัวละครและเนื้อเรื่องสำคัญให้ดำเนินต่อเนื่องไปตามโครงเรื่องใหญ่ที่ผู้เขียนได้ว่างไว้
ตอนที่ 1 ครูเทียนสำเร็จการศึกษา เข้าทำงานเป็นเสมียนได้ไม่นานบริษัทล้มเลิกกิจการ ครูเทียนจึงตกงาน
ตอนที่ 2 ครูเทียนสมัครสอบบรรจุครูและสอบบรรจุได้ที่โรงเรียนบ้านดงดำ
ตอนที่ 3 โรงเรียนบ้านดงดำถูกลมพายุพัดพัง ครูเทียนจึงต้องช่วยชาวบ้านสร้างโรงเรียนหลังใหม่
ตอนที่ 4 ครูเทียนสนทนากับครูใหญ่เรื่องปืนในหมู่บ้าน และเรื่องสาเหตุการตายของครูน้อยคนก่อน
ตอนที่ 5 ครูเทียนทำป้ายติดข่าวสารเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้เด็กนักเรียน แต่ถูกพวกลูกสมุนนายดำใช้ข้อความขู่ให้ออกไปจากโรงเรียนบ้านดงดำ
ตอนที่ 6 ครูเทียนถูกขู่จากนายดำ ด้วยการใช้ลูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ป้ายโรงเรียนอันใหม่
ตอนที่ 7 นักเรียนขาดอุปกรณ์การเรียน มิหนำซ้ำกระทรวงศึกษาธิการยังเปลี่ยนแบบเรียนเป็นแบบมาตรฐาน ครูเทียนกับครูใหญ่จึงต้องช่วยกันหาทางแก้ไข
ตอนที่ 8 ครูใหญ่ชี้แจงเรื่องที่ได้ไปอบรมมาให้กับครูเทียนฟัง ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการการศึกษา
ตอนที่ 9 แบบเรียนใหม่เข้ามาในระบบการศึกษา ผู้ปกครองของเด็กส่วนใหญ่ยากจน ไม่มีเงินซื้อ เดือดร้อนจนไปถึงครูใหญ่ที่ต้องออกเงินซื้อให้เด็ก ๆ ได้ยืมเรียนก่อน
ตอนที่ 10 ครูเทียนและครูใหญ่ตกที่นั่งลำบากจากการถูกคุมคามจากผู้มีอิทธิพลอย่างนายดำ ที่หมายจะเอาชีวิตครูเทียนให้ได้
4. ตัวละคร ในเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า ตัวละครเป็นประเภทตัวละครตัวกลม มีการนำเสนอตัวละครโดยตรง ด้วยการบรรยายให้รายละเอียดและข้อมูลของตัวละครในลักษณะการบรรยายภาพตัวละคร ไม่ได้มีการจำกัดตัวละคร โดยตัวละครทุกตัวมีบทบาทสอดคล้องสัมพันธ์กันกับเนื้อเรื่อง ตัวละครมีลักษณะนิสัย อารมณ์ ความรู้สึกหลากหลาย และมีความสมจริงตามลักษณะของตัวละคร ทำให้เรื่องดำเนินไปได้ด้วยดี ในเรื่องประกอบด้วยตัวละครดังนี้
4.1 ตัวละครเอก เป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด คือ
- ครูเทียน เป็นครูน้อยคนใหม่ของโรงเรียนบ้านดงดำ ผู้เคยหยิ่งยโสว่าตนเป็นครู มาจากสถาบันครู มีมืออันบอบบางที่เคยจับแต่ปากกา เครื่องพิมพ์ดีดและถือแฟ้มเสนอลายเซ็นเข้าไปคำนับโต๊ะเจ้านายในบริษัทเมื่อคราวเป็นเสมียน
4.2 ตัวละครประกอบ เป็นตัวละครที่ช่วยในการดำเนินเรื่อง ได้แก่
- ครูทอง เป็นครูใหญ่ของโรงเรียนบ้านดงดำ อายุ 45 ความรู้แค่ ม.3 เป็นครูตั้งแต่อายุ 18 ไม่มีประกาศนียบัตรครูจากสถาบันใด มีแต่ประกาศนียบัตรจากประสบการณ์ซึ่งเรียนรู้จากของจริง แกสอนเด็กได้เยี่ยม ใครทาบไม่ติด มีศรัทธาในงานครูอยู่ล้นหลาม ไม่เคยทำงานแบบผักชีโรยหน้า มีอุดมคติเป็นนายบังคับ เป็นที่เคารพเชื่อถือของชาวบ้านรองจากผู้ใหญ่บ้าน เข้าถึงจิตใจของชาวบ้านได้ดี
- ผู้ใหญ่ขาว เป็นผู้ใหญ่บ้านตลอดกาลตั้งแต่อายุ 35 จนเกือบจะ 60 แล้วก็ยังมองไม่เห็นว่าใครจะเหมาะสมเท่าแกได้ ผู้ใหญ่ขาวเป็นคนโอบอ้อมอารี ใจหนักแน่น พูดน้อยแต่เชื่อถือได้
ใครผิดว่าผิด ใครถูกว่าถูก มิได้ลำเอียงให้เกิดอคติ ไม่เคยตั้งศาลเตี้ยขึ้นในบ้านดงดำ ลูกบ้านจึงให้ความเคารพยำเกรงเหมือนพ่อ
- นายดำ เจ้าของบ้านมุงสังกะสีหลังเดียวในหมู่บ้านนี้ เป็นชายวัย 50 ดูฐานะสมสภาพบ้าน ที่อวดตัวเป็นคนสมัยใหม่ ร่ำรวยมีเงินทองมากกว่าใคร มีลักษณะเป็นนายทุนมากกว่าชาวนา ชาวไร่ ชอบซื้อถูกขายแพง นิสัยชอบคุยโวอวดรู้ ใครคุยเรื่องอะไร นายดำรู้ทั้งนั้น แล้วก็รู้ดีกว่าคนอื่นด้วย เป็นผู้มีอิทธิพลในดงเซใต้
4.3 ตัวละครอื่น ๆ ที่มีเหตุการณ์ปรากฏอยู่ในเรื่อง ได้แก่ ชาวบ้านบ้านดงดำ เด็กชายสมสะอาด เด็กชายเมฆ เด็กหญิงดอกไม้ ครูน้อยคนเก่า ลูกสมุนของนายดำ
5. บทสนทนา ในเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าผู้เขียนสื่อแนวความคิดหรือทัศนคติที่มีต่อสิ่งต่าง ๆ ผ่านทางบทสนทนของตัวละคร เป็นการแสดงความรอบรู้ของผู้เขียน และเป็นบทสนทนาที่คมคาย แฝงแง่คิด ทำให้เรื่องมีความน่าสนใจสนุกสนาน และมีชีวิตชีวาดูสมจริงมากยิ่งขึ้นของเรื่อง โดยผู้เขียนใช้บทสนทนาประกอบในการเรื่องทุก ๆ ตอน
ตัวอย่างเช่น
"เมื่อไรคูจะฉายหนังคับ"
"อื้อ ! วันนี้ครูตั้งใจจะฉายหนังเรื่องประชาธิปไตย แต่ครูรู้สึกไม่สบายของดวันหนึ่ง"
"คูเป็นอะไรคับ"
"ปวดท้อง" ผมโกหก
"กินยาซีคะ"
"ยาอะไรล่ะ"
"ผิวมะกรูดกะน้ำปูนใสค่ะ"
"สู้รากตะไคร้กะน้ำปูนไม่ได้ ทีเดียวหาย"
"เอ้อ เดี๋ยวครูกลับไปกิน"
"หนูไปเอาให้ค่ะ"
"ผมไปเอาให้คับ"
( ตัดตอนมาจากเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า ตอนที่ 5 )
ซึ่งบทสนทนาจากตอนที่ ครูเทียน เด็กชายสมสะอาด เด็กชายเมฆ เด็กหญิงดอกไม้ พูดคุยกัน ทำให้เห็นถึงภาษาที่เด็กใช้พูด นั้นสื่อถึงอารมณ์ของตัวละครที่เป็นเด็กนักเรียนทั้ง 3 คนต่างก็เป็นห่วงคุณครู และต่างก็แสดงภูมิรู้ของตนเองในการแนะนำคุณครู
6. ฉากและบรรยายกาศ ในเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าผู้เขียนบรรยายภาพของสถานที่ต่าง ๆ อย่างละเอียด ทำให้ผู้อ่านได้รู้จักกับสถานที่นั้น ๆ อย่างละเอียดชัดเจน และนอกจากนี้บรรยายกาศในเรื่องจะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ของตัวละคร บรรยายกาศดูหดหู่เมื่อตัวละครใกล้เสียชีวิต บรรยายกาศอึกทึกจอแจด้วยเสียงสนทนาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องต่าง ๆ ของชาวบ้านในสังคมชนบท
ตัวอย่างเช่น
เดือนแปดจวนจะเข้าพรรษาแล้ว บ้านดงดำยังคงแห้งแล้ง ฝนฟ้าไม่มีวี่แววว่าจะตก เปลวแดดเต้นระยิบตลอดทุ่ง หญ้าคามุงโรงเรียนแห้งกรอบ งอหงิกแทบลุกเป็นไฟ ลมร้อนหมุนฝุ่นละออง เศษฟางแห้ง พวยพุ่งขึ้นเป็นหย่อม ๆ
( ตัดตอนมาจากเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า ตอนที่ 10 )
ซึ่งเป็นฉากที่แสดงให้เห็นว่าเวลานี้หมู่บ้านดงดำเกิดความแห้งแล้งเป็นอย่างมาก
7. กลวิธีในการเขียน
7.1 กลวิธีการเล่าเรื่อง ในเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าผู้เขียนเล่าเรื่องแบบมุมมองของผู้เล่าเรื่องปรากฏตัวในฐานะตัวละครในเรื่อง โดยที่ผู้เล่าเรื่องมีบทบาทและมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่อง ผู้เล่าเรื่องแทนตัวเองด้ยการใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 คือ “ ผม ” เป็นตัวละครเอกของเรื่อง ซึ่งก็คือครูเทียนนั้นเอง ทำหน้าที่เล่าเหตุการณ์ที่ได้ประสบ มาให้ผู้อ่านได้ทราบ
7.2 กลวิธีการตั้งชื่อเรื่อง “ ตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า ” เป็นชื่อเรื่องมีความน่าสนใจ ทำให้ผู้อ่านอยากที่จะรู้เนื้อหาภายในเรื่องและติดตามอ่าน เป็นการตั้งชื่อเรื่องโดยตั้งตามลักษณะแนวคิดสำคัญของเรื่องที่เป็นเรื่องสะท้อนให้เห็นสภาพสังคมชนบทที่มีความโหดร้ายแฝงอยู่
7.3 กลวิธีการดำเนินเรื่อง
- การเปิดเรื่อง ในเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าผู้เขียนใช้กลวิธีในการเปิดเรื่องด้วยการบรรยายเป็นส่วนใหญ่
ตัวอย่างเช่น
กระดานชนวนแผ่นละ ๓ บาท ดินสอหิน ๓ แท่ง ราคาสลึงเดียว ไม่แพงเลย มีค่าเพียงบุหรี่เลว ๆ ซองเดียว หรือเป็นเศษเงินของใครก็ได้ที่จะโยนทิปให้บ๋อยโรงแรมที่บริการดี ไม่แพงเลย ถ้าจะเทียบกับครีมล้างหน้าสักขวดหรือไม่ก็น้ำแข็งเปล่าในบาร์สักแก้ว
( ตัดตอนมาจากเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า ตอนที่ 7 )
ซึ่งเป็นการบรรยายเปรียบเทียบระหว่างอุปกรณ์การเรียนกับสิ่งที่ไม่จำเป็นและใช้กันฟุ่มเฟือย
- การสร้างความขัดแย้ง ในเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าผู้เขียนใช้กลวิธีการสร้างความขัดแย้งที่เป็นปัญหาสำคัญของเรื่องซึ่งตัวละครต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นปมความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ โดยการสร้างตัวละครที่มีลักษณะที่เป็นปฏิปักษ์กันทางความคิดและการกระทำ ครูเทียนเป็นตัวแทนของคนที่มุ่งกระทำความดีเสียสละเพื่องสังคม นายดำเป็นตัวแทนของคนที่มีความเป็นนายทุนหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง
- การดำเนินเรื่อง ในเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าผู้เขียนใช้กลวิธีในการดำเนินเรื่องโดยเรียงตามลำดับเวลาปฏิทิน
- การปิดเรื่อง ในเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่าผู้เขียนใช้กลวิธีในการปิดเรื่อง ด้วยการจบเรื่องแบบคาราคาซัง ทิ้งไว้ให้ผู้อ่านคิดซึ่งเป็นการจบแบบชีวิตจริง โดยการใช้คำพูดของนายดำเพียงคนเดียว และทิ้งไว้ให้ผู้อ่านคิดต่อไปว่าครูเทียนจะจะพูดอะไร แล้วครูเทียนจะทำอไรต่อไป จะรอดไหม
ตัวอย่างเช่น
โล่งใจไปอีกวันหนึ่ง แต่วันนั้นพอไปถึงโรงเรียน ผมรู้สึกง่วงเพลีย เวียนศรีษะเหมือนโรงเรียนหลังน้อยแห่งนี้กำลังเซไปทั้งหลัง ไม่เว้นแม้กระทั่งศาลาวัดและต้นไม้ทั้งหลายที่มันเอนโอนส่ายไหว เงาครึ้มก็วูบไหวไปมาคล้ายกับเกิดสุริยุปราคา “กบกินตะวัน” แล้วเสียงที่ผมไม่อยากได้ยินมันก็ดังก้องขึ้นอีก
“ เอ็งรึ ! ครูน้อยคนใหม่แห่งโรงเรียนบ้านดงดำ...ฮึ !...ฮึ!..ฮึ !... ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องตำนานเถื่อน : โรงเรียนป่า ตอนที่ 10 )
สวัสดีค่ะ