"นิตยสาร" & "วารสาร"


วารสารและนิตยสาร เป็นสื่อมวลชนที่สำคัญสำหรับการศึกษาประเภทหนึ่ง ที่ให้ทั้งข่าวสารความรู้ความคิด และความบันเทิงแก่ผู้อ่านอย่างกว้างขวาง และยังทำหน้าที่ในการบันทึกความเป็นไปในสังคม ในช่วงเวลาหนึ่งได้เป็นอย่างดี และมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาด้านต่างๆ เนื่องจากวารสารและนิตยสารเป็นแหล่งรวบรวมและเผยแพร่ความรู้ความคิด ในรูปของการเสนอบทความทางวิชาการ ข่าว ภาพ ความคิดเห็น บทวิจารณ์ อย่างหลากหลาย มีการจัดทำออกมาอย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่ความรู้ที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์ ไปสู่กลุ่มผู้อ่านที่เป็นประชาชนทั่วไปได้กว้างขวางกว่าสิ่งพิมพ์ประเภทหนังสือ จึงมีคุณค่าต่อการศึกษาอย่างสูง ทั้งในด้านการศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษานอกระบบโรงเรียน และการใช้ประกอบการศึกษาในระบบโรงเรียน ผู้ใช้วารสารควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ความหมาย ลักษณะ วิธีการนำเสนอเนื้อหา แนวทางการใช้ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ทางการศึกษาจากวารสารและนิตยสาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

"นิตยสาร"

นิตยสาร เป็นสิ่งพิมพ์ที่จัดพิมพ์ออกเผยแพร่ตามกำหนดเวลา หรือคาบเวลาที่แน่นอน เช่น ออกทุกสัปดาห์ หรือออกทุกเดือน ลักษณะโดยทั่วไปเป็นสิ่งพิมพ์ เข้าเล่มแบบเดียวกับหนังสือ

"วารสาร"

คือ วารสาร เป็นสิ่งพิมพ์ จัดพิมพ์ออกเผยแพร่เป็นคราวๆ หรือเป็นวาระ ซึ่งอาจมีกำหนดเวลาหรือไม่มีกำหนดเวลาแน่นอนก็ได้

 

วารสารและนิตยสาร จัดอยู่ในสิ่งพิมพ์ประเภทออกตามรายคาบ หรือออกต่อเนื่องตามลำดับ เนื่องจากสิ่งพิมพ์ประเภทนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ ทั้งใน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  บางคำมีความหมายกว้างๆ ใช้แทนกันได้ แต่บางคำมีความหมายแคบ แสดงถึงลักษณะเฉพาะบางอย่าง จนไม่อาจใช้แทนคำอื่นได้ เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ในที่นี้จึงขอใช้คำว่า "วารสาร" เป็นคำเรียก แทนสิ่งพิมพ์ประเภทนี้ทั้งหมด

 

 

ลักษณะของวารสาร
      จากความหมายดังกล่าว วารสาร จึงเป็นสิ่งพิมพ์ที่ออกต่อเนื่องตามกำหนดหรือ ออกตามวาระ สามารถนำมาพิจารณากำหนดเป็นลักษณะของวารสารได้ดังนี้


1. เป็นสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (Periodical or Serial)

มีกำหนดเวลาออก แน่นอนระยะเวลาที่นิยมกำหนดออก เช่น ( วราวุธ ผลานันต์ 2536 : 5-6)

-รายสัปดาห์ (Weekly) กำหนดออกสัปดาห์ละครั้ง ปีละ 52 ฉบับ

-รายปักษ์ (Fortnightly) กำหนดออกทุก 2 สัปดาห์ ปีละ 26 ฉบับ

-รายครึ่งเดือน (Semimonthly) กำหนดออกเดือนละ 2 ครั้ง ปีละ 24 ฉบับ

-รายเดือน (monthly) กำหนดออกเดือนละครั้ง ปีละ 12 ฉบับ

-รายหกเดือนหรือรายครึ่งปี (Semiannually) กำหนดออกทุก 6 เดือน

-รายปี (Annually) กำหนดออกปีละฉบับ
      นอกจากนี้บางฉบับอาจมีการกำหนดระยะเวลาออกที่แตกต่างออกไปจากที่กล่าวมาแล้วเช่น รายครึ่งสัปดาห์ (Semiweekly) กำหนดออกสัปดาห์ละ 2 ฉบับ ปีละ 104 ฉบับ รายทศกำหนดออกทุก 10 วัน ปีละ 36 ฉบับ และรายสะดวกมีกำหนดออกไม่แน่นอน ลักษณะความต่อเนื่องของวารสารไม่มีกำหนดว่าจะสิ้นสุดลงในฉบับใด

2. มีเลขกำกับประจำฉบับ  

ได้แก่ เลขปีที่ (Volume) เลขฉบับที่ ( Issue Number) และวัน เดือน ปี (Date) การนับลำดับฉบับที่อาจนับเป็นปีๆ เช่น วารสารรายเดือน แต่ละปีจะมีตั้งแต่ฉบับที่ 1-12 หรืออาจนับต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เช่นวารสารรายเดือน ฉบับแรกของปีที่ 2 ก็นับเป็นฉบับที่ 13 นอกจากเลขปีที่ ฉบับที่ และวันเดือนปี ซึ่งเป็นเลขที่ต้องต่อเนื่องเป็นลำดับกันไปแล้วยังมีเลขอีกชุดหนึ่งเป็นเลขเฉพาะที่แน่นอน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงถือเป็นรหัสประจำวารสารแต่ละชื่อ เพื่อการควบคุมทางบรรณานุกรม ในระบบข้อมูลวารสารระหว่างชาติ เรียกว่า เลขสากลประจำวารสาร (International Standard Serial Number-ISSN) ซึ่งศูนย์ข้อมูลวารสารระหว่างชาติระดับสากล มอบให้ศูนย์ข้อมูลวารสารระหว่างชาติ ประจำประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ เป็นผู้กำหนดให้แก่วารสารแต่ละชื่อในประเทศของตน สำหรับประเทศไทยมีหอสมุดแห่งชาติ เป็นศูนย์ข้อมูลวารสารระหว่างชาติแห่งประเทศไทย เป็นผู้กำหนดวารสารแต่ละชื่อให้ได้รับหมายเลขสากลประจำวารสาร และจะต้องพิมพ์ไว้ที่หน้าปกหรือหน้าปกใน หรือสันวารสารใกล้ ๆ กับชื่อวารสาร มีอักษร ISSN ตามด้วยเลข อารบิค 8 ตัว มีเครื่องหมายยติภังค์ (-) คั่นระหว่าง เลข 4 ตัวแรก กับเลข 4 ตัวหลัง เช่น วารสาร ซีเนแม็ก ISSN 0858-9305 

3. รูปเล่ม

มักทำให้มีบางส่วนมีลักษณะเหมือนกันทุกฉบับ เพื่อให้ผู้อ่านสังเกตและจำได้ง่าย เช่น ขนาดความกว้าง ยาว รูปแบบและสีของตัวอักษร ชื่อวารสารที่หน้าปก และสัญลักษณ์ประจำวารสาร

4. เนื้อหา

ประกอบด้วยบทความหลายบทความ จากผู้เขียนหลาย ๆ คน ถ้าเป็นวารสารมักจะเป็นวิชาการเฉพาะแขนงวิชา ถ้าเป็นนิตยสารมักจะมีบทความทั่ว ๆ ไป สารคดี หรือบันเทิง เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น ลงติดต่อกันเป็นหลายๆ มีคอลัมน์บรรณาธิการ คอลัมน์ประจำ วารสารบางชื่อเนื้อหาอาจเป็นรูปภาพ เป็นบทวิจารณ์ สรุปข่าวและวิเคราะห์ เหตุการณ์บ้านเมือง ฯลฯ ทั้งนี้เป็นไปตามประเภทและวัตุประสงค์ของวารสารแต่ละฉบับ

5. ผู้จัดพิมพ์

ผู้จัดพิมพ์วารสารอาจเป็นเอกชน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบัน องค์การ สมาคม ชมรม โดยมีวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่น เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ ประชา-สัมพันธ์หน่วยงาน ให้ความบันเทิง ความรู้ทั่วไป หรือเพื่อธุรกิจการค้า เป็นต้น

6. การเผยแพร่

มีทั้งการจำหน่ายและแจกฟรี การจำหน่ายอาจวางจำหน่ายตามร้านขายหนังสือ การให้ผู้อ่านบอกรับเป็นสมาชิกประจำ ชำระค่าวารสารล่วงหน้าแล้วผู้จัดพิมพ์เป็นผู้ส่งวารสารไปให้สมาชิก

 

 

เนื้อหาของวารสาร............โดย สมสนิท สกุลธนะ

วารสารเป็นสิ่งพิมพ์ที่ลักษณะเนื้อหาแตกต่างจากสิ่งพิมพ์ประเภทอื่น ๆ คือ มีเนื้อหา หลายลักษณะ หลายเรื่องรวมอยู่ในฉบับเดียวกัน การจัดหมวดหมู่ของเนื้อหาในวารสารมีผู้ศึกษาและจัดหมวดหมู่ไว้แตกต่างกันดังนี้คือ สมสนิท สกุลธนะ ได้สรุปเนื้อหาของวารสารไว้ 9 ส่วน คือ (สมสนิท สกุลธนะ 2528 : 15-16 )

1. บทความ วารสารบางฉบับมีบทความเป็นองค์ประกอบสำคัญของเนื้อหา

2. นวนิยายและเรื่องสั้น พิมพ์เป็นตอนๆ บางฉบับเสนอนวนิยายเป็นเนื้อหาหลัก มีสารคดีและบทความเป็นเนื้อหารอง วารสารที่ทำเป็นธุรกิจการค้า ส่วนมากเสนอนวนิยายมากกว่าบทความ สารคดีและข่าวสาร

3. ภาพ ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพเขียน หรือภาพวาด เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของวารสารทุกฉบับและทุกประเภท

4. ข่าว มักใช้เป็นองค์ประกอบของวารสารทุกชิด

5. คอลัมน์บรรณาธิการ เป็นส่วนสำคัญของวารสารประเภทแสดงความคิดเห็นและวารสารของทางบริษัท ห้างร้าน องค์การ ธุรกิจต่างๆ

6. คอลัมน์ต่าง ๆ เป็นส่วนสำคัญของวารสาร เช่น จดหมายถึงบรรณาธิการ อาหาร แฟชั่น สุขภาพ ฯลฯ

7. คำประพันธ์ เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เป็นส่วนที่แสดงออกทางความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของมนุษย์ที่อยู่ในวัฒนธรรมเดียวกันของทุกชาติทุกภาษา

8. การ์ตูนและขำขัน เป็นเนื้อหาอย่างหนึ่งของวารสารแทบทุกชนิด ซึ่งช่วยผ่อนคลายความตรึงเครียดของผู้อ่านได้อย่างดี

9. เบ็ดเตล็ดและเรื่องแทรก จะช่วยให้การจัดหน้า เช่น ปริศนา อักษรไขว้ เกมต่างๆ การทายปัญหา ความรู้รอบตัว เป็นต้น

 

 

เนื้อหาของวารสาร............โดย วิษณุ สุวรรณเพิ่ม

วิษณุ สุวรรณเพิ่ม จัดเนื้อหาของวารสารเป็นคอลัมน์ประเภทต่างๆ 10 ประเภทคือ (วิษณุ สุวรรณเพิ่ม 2521 : 280-282)

1. คอลัมน์วิจารณ์ เสนอข้อโต้แย้ง ตำหนิ ชมเชย และชี้แนวทางของเหตุการณ์ หรือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว วิจารณ์ข้อดีข้อเสีย และให้เหตุผลตามที่ข้อมูลที่ได้รับมา

2. คอลัมน์ซุบซิบ รายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของบุคคล ทั้งบุคคลสำคัญในรัฐบาลและบุคคลในอาชีพต่างๆ เช่นในวงการกีฬา นักร้อง นักแสดง นักการเมือง เป็นต้น

3. คอลัมน์แนะแนว เช่นการแนะแนวการศึกษา การเกษตร กฏหมาย สุขภาพอนามัย งานอดิเรก เป็นต้น

4. คอลัมน์บริการ เปิดบริการแก่ประชาชนในเรื่องเดือดร้อนต่างๆ

5. คอลัมน์ร้อยกรอง สำหรับกวีอาชีพและสมัครเล่น เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ

6. คอลัมน์ขำขัน เพื่อให้ผู้อ่านมีอารมณ์ขบขัน เบาสมอง บางฉบับมีภาพการ์ตูนประกอบ

7. คอลัมน์ความเรียง มีเนื้อหากว้างมาก เปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้รับความรู้ในเรื่องต่าง ๆ การค้นพบ การประดิษฐ์ ฯลฯ โดยเขียนเป็นเรียงความจะเรื่องสั้นหรือเรื่องยาวขึ้นอยู่กับเรื่องที่นำมาลง ส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาการ เศรษฐกิจ และสังคม เป็นต้น

8. คอลัมน์บุคคล เสนอเรื่องราวของบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียง บุคคลที่เป็นข่าวให้ผู้อ่านได้ทราบประวัติ ประสบการณ์ ผลงานและภาระกิจต่างๆ ในชีวิตประจำวันทั้งในอดีตและในปัจจุบันและอนาคต

9. คอลัมน์แสดงความคิดเห็น ชี้ข้อดีข้อเสียของเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงความคิดเห็นของผู้เขียนเอง

10. คอลัมน์เบ็ดเตล็ด เสนอเรื่องราวทั่ว ๆไป เช่น รายงานข่าว วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวซุบซิบ ประกาศ สุนทรพจน์ สุภาษิต ฯลฯ โดยทั่วไปจะเกี่ยวกับบุคคลมากที่สุด ข่าวและสิ่งต่างๆ จะเป็นเรื่องลงมา

 

เนื้อหาของวารสาร............โดย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้กำหนดส่วนประกอบของเนื้อหาในวารสารไว้ 3 ส่วน คือ (พีระ จิรโสภณ 2533 : 212-217)

1. คอลัมน์ประจำ เป็นเรื่องที่มีเนื้อหาสาระแนวเดียวกัน ต่อเนื่องกันหลายฉบับ

2. บทความในคอลัมน์ประจำ เป็นคอลัมน์ที่เปิดไว้สำหรับเสนอบทความ เรื่องราวตามแนววัตถุประสงค์ของวารสาร

3. เรื่องทั่วๆ ไป เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น แนะนำการท่องเที่ยว และโบราณคดี เป็นต้นองค์ประกอบส่วนนี้จะช่วยให้วารสารได้รับความนิยมจากผู้อ่านได้ไม่น้อยจากเนื้อหาของวารสารที่กล่าวมานี้ สรุปได้ว่า โดยทั่วๆ ไปวารสารมีเนื้อหาประกอบด้วยบทความที่ให้ความรู้ การวิจารณ์แสดงความคิดเห็น ข่าว เรื่องที่ให้ความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เช่น   นวนิยาย เรื่องสั้น ขำขัน การ์ตูน ฯลฯ ประกาศ โฆษณา เป็นต้น วารสารฉบับใดจะมีเนื้อหาส่วนใดมากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของวารสารฉบับนั้นๆ

 

วัตถุประสงค์ของวารสาร 

วัตถุประสงค์ของวารสารในการจัดทำวารสารออกเผยแพร่ ผู้จัดทำย่อมมีวัตถุประสงค์เฉพาะ ซึ่งอาจระบุไว้อย่างชัดเจนหรือไม่ระบุไว้ก็ได้ จากการศึกษาของ พิมอัจฉรา ปวนะฤทธิ์ เมื่อปี พ.ศ. 2528 สรุปวัตถุประสงค์ในการจัดทำวารสารของสถาบันอุดมศึกษาได้ 8 ประการ ดังต่อไปนี้ คือ (พิมอัจฉรา ปวนะฤทธิ์ 2528 : 426-427 )

 1. เพื่อเผยแพร่ความรู้   แนวความคิด ทฤษฎี หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ในศาสตร์สาขาต่างๆ รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับหน่วยงานและการดำเนินงานบริการชุมชนต่างๆ ในรูปของบทความ ผลงานวิจัย วิทยานิพนธ์ หรือบทคัดย่อผลงานต่างๆ ข้อคิดเห็น ประกาศ คำสั่ง และระเบียบต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ทางด้านการศึกษาหาความรู้ของบุคคลในแขนงต่าง ๆ และบุคคลทั่วไป และเพื่อชื่อเสียงของหน่วยงานผู้จัดทำ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งให้นักวิชาการ นักศึกษาและอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา ได้พิมพ์ผลงานในสาขาวิชาการต่างๆ ออกเผยแพร่

2. เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าในวิทยาการแขนงต่างๆ โดยการกระตุ้นให้เกิดการศึกษาค้นคว้า พัฒนาความรู้ทางวิชาการ ตลอดจนติดตามความเคลื่อนไหวทางวิชาการ ให้ผู้สนใจได้นำไปศึกษาค้นคว้าให้ศาสตร์นั้นๆ เจริญรุดหน้ายิ่งขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนของสถาบัน 

3. เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเจตคติและประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ สถาบันการศึกษา และบุคคลทั่วๆ ไป

4. เพื่อการประชาสัมพันธ์  ให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างหน่วยงาน กับบุคคลภายใน ระหว่างบุคคลภายในและภายนอกสถาบัน หรือระหว่างนักศึกษาเก่าของสถาบัน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเสนอข่าวความเคลื่อนไหวทั้งเรื่องของบุคคล และกิจกรรม ของหน่วยงา

5. เพื่อการฝึกงานภาคปฏิบัติของนักศึกษา เช่น วารสารนกยูงทองของคณะวารสารศาสตร์และสื่อมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

6. เพื่อเป็นเอกสารประกอบการศึกษา เช่น ใช้อ่านประกอบวิชาที่กำลังศึกษาใช้อ้างในการศึกษาค้นคว้า เป็นต้น

7. เพื่อความบันเทิงในวารสารบางฉบับ    นอกจากเนื้อหาสาระที่ให้ความรู้ทางวิชาการ แล้วยังมุ่งให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่านอีกด้วย

8. วารสารที่ไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ไว้ในเล่ม        วัตถุประสงค์ดังกล่าวเป็นวัตถุประสงค์ องวารสารวิชาการ ซึ่งสรุปได้ว่า ส่วนใหญ่เน้นการเผยแพร่ แลกเปลี่ยน การศึกษาค้นคว้าความรู้ทางวิชาการในสาขาวิชาการต่าง ข่าวสารการประชา-สัมพันธ์และอาจจะมีวัตถุประสงค์มุ่งให้ความบันเทิงบ้างก็ได้ ตรงกันข้ามกับนิตยสารซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่เน้นต่างกัน กล่าวคือ นิตยสารส่วนใหญ่เป็นการจัดทำขึ้น เพื่อหวังผลในทางธุรกิจ ต้องการให้มีผู้อ่านเป็นจำนวนมากและให้ติดตามอ่านกันเป็นประจำ นิตยสารจึงมีวัตถุประสงค์เน้นให้ความบันเทิง ให้ความรู้ทั่วไป และเรื่องราวที่อยู่ในความสนใจของสังคมเป็นหลัก ส่วนการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการเป็นวัตถุประสงค์รอง ดังนั้นนิตยสารส่วนใหญ่จึงจัดทำอย่างสวยงาม มีภาพสวยงามเป็นจำนวนมากประกอบเนื้อหา เพื่อเรียกร้องความสนใจ

……………………………………………………………………………….

 

12 ม.ค. 2553....จาก >>>>

http://lib2.kku.ac.th/jn/index.php?option=com_content&task=view&id=33&Itemid=1

 

อ่านเพิ่มเติมที่ >>>>

http://www.keereerat.ac.th/wbiprinting/WBI/wbi_7/Lesson/compos_3.htm

http://www.magazinedee.com/information/informationpreview.php?id=1

http://library.tru.ac.th/ttpdf/b48424/13chap08.pdf  = ออกแบบ นิตยสาร/วารสาร

 

ตัวอย่างนิตยสาร

http://www.magazinedee.com/main/magcatelist.php?id=I 

http://issuu.com/ 

http://www.behance.net/

คำสำคัญ (Tags): #นิตยสาร#วารสาร
หมายเลขบันทึก: 327124เขียนเมื่อ 12 มกราคม 2010 11:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 13:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

รายสัปดาห์ เดือนนึงมี4สัปดาห์ 4×12=48 ฉบับไม่ใช่หรอคะ?

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท