สงครามเย็น สวนสัตว์ และวีรบุรุษ


Appreciative Inquiry เพื่อองค์กรแห่งการเรียนรู้ (ตอนที่ 37)

ดูหนังเรื่อง Charlie Wilson's War นำแสดงโดยทอม แฮงค์ และจูเลีย โรเบิร์ต ทีไรแล้วขำกลิ้ง กับประวัติศาสตร์ และเป็นเรื่องจริงครับ เป็นเรื่องราวของสว. จากรัฐเท็กซัส คนหนึ่งที่ว่ากันว่าอยู่เบื้องหลังการเอาขับไล่โซเวียตออกจากอัฟกานิสถาน  สว.คนนี้เป็น Playboy ไม่เคยมีผลงานอะไรเลย นอกจาก Vote ให้เพื่อนๆสว.ด้วยกัน แถมขี้เมาต่างหาก อยู่มาวันหนึ่งเขาก็ถูกฐานเสียงคนหนึ่งที่เป็นสุภาพสตรีจากเท็กซัส ช่วยให้ไปดูที่อาฟกานิสถาน เพราะเธอไปเจอผู้อพยพมาแล้วรู้สึกสงสาร สว.ท่านนี้ก็เดินทางไปดูค่ายอพยพครับ เจอคนอัฟกันนับล้าน และวันนั้นเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาลครับ เขาไปเจอเด็กๆที่แขนขาดขาขาด เพราะเผลอไปหยิบระเบิดด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นขนม แถมได้รับรายงานว่า ทหารโซเวียดหว่านระเบิดขนม คือเอาระเบิดมาทำให้คล้ายๆคุ๊กกี้ แล้วไปหว่านตามชานเมือง เพื่อที่ผู้ปกครองเด็กจะได้ไม่ออกไปรบต่อต้าน เพราะกลัวเด็กจะไปหยิบระเบิกขนมครับ   ทั้งสองคนร่วมกับ CIA อีกคนเลยวางแผนครับ ในที่สุดด้วยกลยุทธ์พาประธานคณะกรรมการงบประมาณไปดูค่ายอพยพ ทำให้ได้รับงบประมาณลับมาสนับสนุนครับ โดยวางแผนส่งอาวุธไปให้กลุ่มต่อต้านในอัฟกานิสถาน หากแต่โจทย์ต่อมาคือ ต้องไม่ให้รัสเซียรู้ครับ ถ้ารู้เป็นเรื่องแน่ เพราะขณะนั้นรัสเซียกับสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงสงครามเย็นกัน จึงวางแผนกันว่า "ต้องใช้อาวุธรัสเซีย ต่อต้านรัสเซีย" เองในที่สุดก็ไปหาอาวุธจากตลาดมืดมาครับ แล้วเริ่มส่งให้กลุ่มต่อต้าน กลุ่มต่อต้านเริ่มยิงเครื่องบิน และรถถังของรัสเซียเป็นว่าเล่น และรัสเซียเองก็จับมือใครดมไม่ได้ เพราะไม่มีใครแม้กระทั่งคนในสหรัฐเองจะรู้ หรือเชื่อว่านี่คือแผนการของสว.ที่เคยทำตัวเหลวไหลไร้อุดมการณ์ ในที่สุดรัสเซียก็ถอบทัพกลับครับ และนี่เชื่อว่าเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเย็นในหลายปีต่อมาครับ

บทเรียนในเรื่องนี้คือคนธรรมดาก็เป็นวีรบุรุษได้ครับ ถ้าเขาได้ไปสัมผัสความทุกข์ยาก หรือไปเจอของจริงครับ 

ลองนึกถึงแองเจลลิน่า โจลี่ดูสิครับ ตอนแรกก็เป็นดาราขี้วีน สติแตก เอาแต่ใจ เที่ยวเตร่ ต่อมาได้ไปแสดงหนังเรื่อง Beyond Border เลยได้ไปสัมผัสผู้อพยพ รู้ถึงความลำบาก ต่อมาเลยกลายเป้นคนใจบุญไปเลย จนเป็นฑูตสหประชาชาติ

ประธานบริหารผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ไปเที่ยวเนปาล ไปที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เจอหนังสือถูกเก็บไว้ในตู้ล๊อกกุญแจไว้ ถามครูว่าทำไมไม่เอามาให้เด็กอ่าน ครูบอกว่า เดี๋ยวเด็กทำหนังสือเสียหาย เขาเลยลาออกจาก Microsoft มาตั้งมูลนิธิการศึกษาช่วยเด็กให้ได้เรียนหนังสือ จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลกครับ

ผมเสนอนิดหนึ่งครับ ใครอ่านเรื่องนี้แล้ว ช่วยส่งต่อกันหน่อยครับ ผมว่าแทนที่จะจัดดูงาน (ตั้งแต่ราชการ ยันอาจารย์พนักงานมหาลัย องค์กรเอกชน) เช่นไปดูงานที่ Las Vegas กัน แล้วอ้างว่าไปดูงาน ลองไปเที่ยวดูงานตามสถานที่ที่มันสุดๆ อย่างค่ายอพยพ สลัม กันบ้างดีไหมครับ เผื่อได้วีรบุรุษกันบ้างครับ

เคยสังเกตไหมครับ ทำไมเราพาเด็กไปดูสวนสัตว์กันมาเป็นสิบๆล้านคน จึงไม่ค่อยๆเกิดนักอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างสืบ นาคะเสถียรกันบ้าง

ถึงเวลาต้องทบทวนการดูงานกันบ้างไหมครับ

เขียนเพื่อผู้ต้องการพัฒนาวิสัยทัศน์ครับ

ติดตามบันทึกเส้นทางการค้นพบ (Discover) ชองชุมชน AI Thailand ได้ใน Journal of AI Practitioners

 

 

คำสำคัญ (Tags): #appreciative inquiry#learning organization
หมายเลขบันทึก: 326826เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2010 11:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สุดยอดครับ

ในใจแต่ละคนมีบางอย่างซ่อนอยู่แล้วครับ

เพียงแต่อะไรจะไปไขมันออกมาได้

แล้วก็หันมาทำประโยชน์เพื่อสังคมโลกของเราเท่านั้นเอง

เรียนรู้จากประสบการณ์ สิ่งที่ได้เห็น ได้สัมผัส จับต้องได้เป็นอะไรที่สุดยอดครับ

การเห็นของจริง สถานที่จริงมันทำให้เกิดแรงบันดาลใจขึ้น ดีกว่าเรียนรู้จากตำราเยอะ

หลายๆคน ตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของตน จากการที่ได้เห็นและสัมผัสประสบการณ์จริงแบบนี้ละครับ

ทุกสิ่ง ทุกอย่าง หากได้สัมผัสด้วยกาย และใจ จริงๆ ก็น่าจะเกิดสิ่งดีๆ มีประโยชน์ต่อส่วนรวมมากขึ้นนะคะ

แต่ส่วนใหญ่เราไปดูงานมักจะเป็นช่วงเวลาที่ได้ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยเสียส่วนใหญ่น่ะคะ  ดังนั้น หากไปเที่ยวพักผ่อน สังสรรค์ โดยไปในที่ที่สุดๆ  แล้วล่ก้อ....(ไม่อยากนึกภาพเลยค่ะ) 

หากมีโอกาสจะได้ไป พวกโหดๆ ส่วนใหญ่ก็จะไปพวกค่ายอาสาฯ อะไรประมาณนี้ มากกว่านะคะ 

ขอบคุณค่ะอาจารย์

ดีค่ะ ดีๆ

ชอบอ่านบทความของอาจารย์ค่ะ

^^ ต้องทบทวนกันใหญ่โตเลยแหละค่ะอาจารย์

ส่วนใหญ่มักจะไปดูงานในที่ที่เจริญแล้ว...สบายแล้ว...ดีแล้วทั้งนั้นแหละค่ะ

ลึกซึ้งมากค่ะ ท่านอาจารย์

ขอบพระคุณที่แลกเปลี่ยนแนวคิดดีๆ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท