แบบของตัวพิมพ์ไทย


เมื่อมีผู้นำวิธีการพิมพ์เข้ามาใช้ในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นได้มีการประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยรูปแบบตัวเขียนของสมัยรัตนโกสินทร์มาปรับปรุงเป็นตัวพิมพ์อักษรไทย แต่ตัวพิมพ์ดังกล่าวก็มิได้มีผู้กำหนดหลักเกณฑ์โครงสร้างรูปแบบและลักษณะให้ลงตัวเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับใช้เป็นแบบแผนทั่วประเทศดหนึ่งกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย พิจารณาร่างหลักเกณฑ์โครงสร้างของตัวอักษรไทยจนสำเร็จสมบูรณ์ สามารถจัดทำเป็นมาตรฐานโครงสร้างตัวอักษรไทยและจัดพิมพ์ออกเป็นหนังสือเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน เมื่อปี พ.ศ. 2540 ชื่อว่า“มาตรฐานโครงสร้างตัวอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน”

 

1. แบบตัวพิมพ์

ราชบัณฑิตยสถานแบ่งรูปแบบตัวพิมพ์ เป็น 3 แบบ คือ ตัวแบบหลักตัวแบบเลือก และตัวแบบแปร (มาตรฐานโครงสร้างตัวอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน.2540: 1-3)

 

1.1 ตัวแบบหลัก เป็นตัวพิมพ์ที่มีหัวกลม ความหนักเบาของเส้นเสมอกันหมด นอกจากส่วนที่เป็นเส้นโค้ง เส้นหัก รวมทั้งส่วนต้นหรือปลายของตัวอักษรและเครื่องหมายต่าง ๆ บางตัว ขนาดของเส้นอาจหนาหรือบางกว่าได้บ้าง ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้

1.2 ตัวแบบเลือก เป็นรูปแบบที่ต่างจากตัวแบบหลักเล็กน้อย เช่นมีเส้นกิ่งเส้นลำตัวอาจมีหนักเบาแตกต่างกัน เป็นแบบที่ใช้กันทั่วไปและถือว่าเป็นแบบที่ถูกต้องเช่นเดียวกัน

1.3 ตัวแบบแปร เป็นรูปแบบที่ใช้กันอยู่แต่ไม่อาจจัดเข้าหลักเกณฑ์นี้ได้เช่น ตัวที่มีหัวบอดหรือตัน หัวแฝงเร้น ตัวแบบคัดลายมือ เขียนลายมือ และตัวประดิษฐ์อื่นๆ(ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ. 2537: 224-229)

 

2. บทบาทของตัวพิมพ์

ตัวพิมพ์ที่ปรากฏในงานสิ่งพิมพ์ แสดงบทบาทและบุคลิกแตกต่างกันไปตามหน้าที่ที่ถูกกำหนด บางกลุ่มทำให้หน้าที่เป็น หัวเรื่อง บางกลุ่มทำหน้าที่เป็น ชื่อเรื่องบางกลุ่มทำหน้าที่เป็น เนื้อเรื่อง แต่ละหน้าที่มีการใช้แบบตัวพิมพ์แตกต่างกันออกไป

 

2.1 หัวเรื่อง เป็นตัวพิมพ์ที่โดดเด่นที่สุดของสิ่งพิมพ์ เพราะมีหน้าที่ในการดึงดูดให้ผู้อ่านมาสนใจในตัวสิ่งพิมพ์เป็นอันดับแรก เพื่อจะได้สืบค้นไปยังส่วนต่างๆ ของสิ่งพิมพ์เป็นลำดับต่อไป รูปแบบ ขนาด สีสัน และการออกแบบจึงต้องเน้นเป็นพิเศษ ส่งผลให้ประจักษภาพลดลง แต่บางครั้งก็เป็นความจงใจของนักออกแบบสิ่งพิมพ์ที่ต้องการให้หัวเรื่องอ่านยาก เพื่อเป็นการตรึงให้ผู้อ่านใช้เวลาอยู่กับหัวเรื่องให้มากขึ้น

2.2 ชื่อเรื่อง จะดูโดดเด่นกว่าเนื้อเรื่อง เพื่อแสดงตัวให้ปรากฏอย่างชัดเจนถึงการแบ่งเนื้อเรื่องออกเป็นเรื่องต่างๆ หลายเรื่อง แต่ละเรื่องคืออะไร อยู่ตำแหน่งใดตัวพิมพ์จึงควรมีขนาดใหญ่กว่าเนื้อเรื่องเล็กน้อย มีสีสดกว่า เส้นตัวหนากว่า แบบของตัวพิมพ์จึงควรเป็นตัวแบบเลือกหรือตัวแบบแปร ถ้าเลือกตัวแบบแปรควรเลือกใช้ตัวพิมพ์ที่ยังคงมีประจักษภาพระดับกลาง ๆ ยังคงอ่านได้โดยไม่ยากเย็นนัก

2.3 เนื้อเรื่อง เป็นตัวเนื้อหาของสิ่งพิมพ์ บางทีอาจมีเป็นจำนวนมากกินเนื้อที่หลายบรรทัด ต้องใช้เวลาในการอ่านนานจึงต้องเลือกใช้ตัวพิมพ์ขนาดเล็ก ลักษณะเรียบง่าย ดูสะอาดตา มีประจักษภาพสูง อาจเป็นตัวแบบหลักหรือตัวแบบเลือกก็ได้โดยทั่วไปจะใช้ตัวพิมพ์สีดำ ในภาษาไทยนิยมใช้ตัวพิมพ์ขนาด 12-16 พอยต์ ภาษาอังกฤษใช้ตัวพิมพ์ขนาด 10-14 พอยต์ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับขนาดของสิ่งพิมพ์ ถ้าจะใช้ตัวพิมพ์ภาษาไทยและตัวพิมพ์ภาษาอังกฤษในเนื้อเรื่องเดียวกัน ต้องให้ตัวพิมพ์ภาษาอังกฤษเล็กกว่าตัวพิมพ์ภาษาไทยประมาณ 2 พอยต์ จึงจะดูกลมกลืนกันพอดี (ศัพท์บัญญัติวิชาการพิมพ์

ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. 2532: 37)

คำสำคัญ (Tags): #ตัวพิมพ์ไทย
หมายเลขบันทึก: 326652เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2010 20:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 16:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อาจารย์ ครับ โหลดบทความตรงไหนครับ

อาจารย์ กรุณาด้วยครับ

ใช้เคอร์เซอร์ทำไฮไลท์ตัวหนังสือทั้งหมดแล้วก็อปปี้เอาไปได้เลย

อาจารย์ ครับ งาน ต้องปลิ้นเป็น A3 หรือเปล่าครับ หรือปลิ้น A 4 2 ใบได้ครับ

อาจารย์ กรุณาด้วยครับ

A3 ก็ได้ หรือ พริ้นต์ เป็น A4 สองแผ่นแล้วนำมาต่อกันเป็น A3 ก็ได้เหมือนกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท