สวัสดีปีใหม่ครับ วันนี้น่าจะเป็นวันทำงานวันแรกของทุกๆ คนนะครับ หลังจากที่หยุดยาวกันไปนาน ก็กลับมาทำงานอีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็คือ การใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ปีใหม่ทั้งที ก็น่าจะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นในชีวิตของเรา และสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมันก็ไม่ได้จู่ๆ จะเกิดขึ้นมาเอง เราเองที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นด้วยมือของเราเองครับ
วันนี้ก็มีเรื่องดีๆ มาฝากกันอีกครั้งในวันทำงานวันแรกของปี 2010 ผมเองได้เคยฟังวิธีคิด แนวทางการใช้ชีวิตของคุณประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจมีเดียเอเจนซี่รายแรกในประเทศไทย และเจ้าของงานเขียนเมื่อแกะดำทำธุรกิจ
คุณประเสริฐได้เล่าถึงวิธีคิดของตัวอย่างหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่าทัศนคติ ความเชื่อ และใจ มีผลต่อชัยชนะและความสำเร็จ หลายคนคงรู้จักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ในการแข่งขันสุดยอดอเมริกันฟุตบอลประจำปีที่เรียกว่า Super Bowl ซึ่งเป็นการแข่งขันนัดประวัติศาสตร์นัดหนึ่งที่เกิดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อสัก 2 ปีที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันระหว่างทีม New England Patriot กับ New York Giant ทีมแรกเป็นทีมตัวเต็งเพราะชนะมา 19 ครั้ง และยังไม่แพ้เลยในการแข่งขัน ทีมที่สองเอาตัวรอดเข้ารอบสุดท้ายมาอย่างกระท่อนกระแท่น เรียกได้ว่าเป็นมวยรองบ่อน ทั้งสองเจอกันในนัดชิงแชมป์
ใครที่เคยดูการแข่งขันประเภทนี้ คงทราบดีว่า จะมีการแข่งออกเป็น 4 ช่วง เรียกว่า Quarter การแข่งขันใน 3 Quarterแรกทีม New England Patriot นำมาโดยตลอด ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม เวลาก็ใกล้จะหมดเต็มที เมื่อถึง Quarter สุดท้าย ขณะที่ทีมPatriot กำลังนำ Giant อยู่ 14-10 คะแนน ทีม Giant แม้จะเป็นฝ่ายตกเป็นรองอยู่นั้น ในช่วงพัก นักกีฬาของฝ่าย Giant ไม่แม้แต่จะมีความคิดว่าแพ้ หรือหมดกำลังใจ หนึ่งในทีมพูดขึ้นมาว่า “This game will end with the score 17-14, believe it or not. It will happen and we are the world champion tonight” ทุกคนในทีมเชื่อสุดใจว่าต้องชนะแน่นอน แล้วเล่นเกมต่อด้วยความเชื่อเช่นนั้น
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อควอเตอร์แบคของ Giant ชื่อ อีไลน์ แมนนิ่ง สามารถสลัดตัวหลุดถึง 3 ครั้งอย่างเหลือเชื่อ จากการป้องกันของฝ่ายตรงข้าม และสามารถขว้างบอลไกลให้ปีกรับ และทำทัชดาวน์ได้อย่างไม่มีใครคาดคิดในนาทีสุดท้าย เอาชนะทีมตัวเต็งอย่างปาฏิหาริย์ด้วยคะแนน 17-14
ถ้าใครได้ดูภาพการแข่งขันในช่วงนี้ จะเห็นอย่างชัดเจนเลยว่า ช่วงที่ อีไลน์ กำลังขว้างบอลให้กับปีก ตาของอีไลน์ไม่ได้มองที่คู่ต่อสู้เลย แต่จับจ้องไปที่เป้าหมาย ซึ่งก็คือ เพื่อนร่วมทีมที่เป็นปีก มุ่งมั่นแต่จะขว้างอย่างไรให้เพื่อนได้รับ เหมือนที่เฮนรี่ ฟอร์ด ได้เคยกล่าวไว้ว่า “Obstacles are those frightful things you see when you take your eyes off your goal.” (อุปสรรคคือสิ่งที่คุณจะเห็นว่ามีความน่ากลัวมาก ก็ต่อเมื่อคุณละสายตาออกไปจากเป้าหมายของคุณ)
หากวินาทีนั้นทีม Giant ที่กำลังแพ้อยู่ เกิดมองว่าสู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะกำลังตามอยู่เยอะ ก็คงไม่มีทางชนะเกมนี้ได้ สิ่งที่ทำให้มวยรองพลิกกลับมาชนะได้ คือ ใจที่สู้ไม่ถอย ไม่ถอดใจ และเชื่อว่าทำได้
Can do Attitude, Believe และ Fighting Spirit เป็นสิ่งสำคัญของนักสู้ในทุกๆสนามแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น กีฬา การทำธุรกิจ หรือแม้แต่การใช้ชีวิต ล้วนแล้วแต่ต้องมีความเชื่อเหล่านี้เป็นพื้นฐานและนี่เป็นบทพิสูจน์ของคน จริงที่หายากในบ้านเรา
นักสู้อีกคนที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาชีวิต หลายคนคงเคยดูภาพยนตร์เรื่อง “The Pursuit of Happyness” ซึ่งเป็นเรื่องราวที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริงของชายผิวดำคนหนึ่ง ที่ชื่อ คริส การ์ดเนอร์ เขาเติบโตมาจากการเป็นเด็กชายที่อยู่ในครอบครัวจนๆ มีแม่เลี้ยงที่ชอบทำร้ายเขาเป็นประจำ แต่โชคดีที่แม่ที่แท้จริงของเขา ได้ปลูกฝังความคิดดีๆให้เขา แม่มักสอนเขาในเรื่องความเชื่อในตนเอง ความปรารถนาความต้องการที่แรงกล้านั้นเป็นกุญแจที่จะทำให้ประสบความสำเร็จใน ทุกๆเรื่อง หลังจากจบไฮสคูล เขาทำอาชีพเป็นเซลล์ขายเครื่องมือแพทย์ แต่เมื่อเขาได้พบนายหน้าขายหุ้นคนหนึ่ง เขาเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นนายหน้าหุ้น ซึ่งทำเงินมากกว่าอาชีพเดิมหลายเท่านัก แต่ก็มีความยากสำหรับเขามากเพราะเขาไม่มีความรู้ด้านนี้เลย และต้องเข้ามาเป็นผู้ฝึกหัดในช่วงเริ่มแรก ซึ่งในระหว่างการฝึกแทบจะไม่มีค่าตอบแทนพอการกินการอยู่เลย ทั้งยังไม่หลักประกันว่าฝึกจบแล้วจะได้งานด้วย ในระหว่างนั้นเองภรรยาเขาก็ทิ้งเขาและลูกอายุ 19 เดือนไป ชีวิตของคริสและลูกยิ่งลำบากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นคนไม่มีที่อยู่ ต้องไปเข้าคิวขอนอนตามสถานที่ลี้ภัย ต่อคิวขอข้าวกิน บางคืนที่ไม่มีนอน เขากับลูกต้องไปนอนตามห้องน้ำสาธารณะของรถไฟใต้ดิน ต้องอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันที่นั่น บางคืนต้องนอนใต้โต๊ะทำงานที่บริษัท ชีวิตลำบากสุดขีด แต่ท้ายที่สุดความพยายามทั้งหมดของเขาก็บรรลุผล เขาได้งานเป็นนายหน้าขายหุ้น และชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นมหาเศรษฐี เจ้าของธุรกิจนายหน้าขายหุ้นยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในที่สุด
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากคริส การ์ดเนอร์ไม่ใช่แค่ความเชื่อ ความปรารถนาอันแรงกล้าของเขาที่ทำให้เขามีวันนี้ แต่เราเรียนรู้ว่าหัวใจที่สู้ หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เมื่อผสานเข้ากับความเชื่อมั่น มันกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนความฝันให้เป็นจริง
เราก็มีวันที่ประสบความสำเร็จอย่างนี้ได้ “เชื่อมั่น และลงมือสู้กันเถอะ”
