ของขวัญปีใหม่ ปี 2553 ที่สามารถทำได้ไม่ยาก เพื่อมอบให้แก่กัน ให้ทุกคนมีความสุขได้อย่างยั่งยืน
เตรียมใจรับปีใหม่ สร้างความสุขอย่างยั่งยืน
ช่วงเวลาแห่งเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หลายคนใช้เป็นช่วงแห่งการสร้างความสุขเพลิดเพลินกับการฉลองอย่างเต็มที่ แต่ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และการแข่งขักันทำมาหากินเพื่อความอยู่รอด แข่งขันในการเรียนการศึกษาเพื่อสร้างโอกาสที่ดีในชีวิต อาจมีบางคนยังวิตกกังวลในการรับมือกับปัญหาที่กำลังจะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้ ดังนั้นการเตรียมตัว เตรียมใจเพื่อเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับชีวิต ก็คงต้องมีหลักหรือแนวทางยึดถือบ้าง ส่วนจะยึดหลักอย่างไร เพื่อให้ได้พบกับความสุขที่ยั่งยืน นั้น นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย จิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์ อธิบายว่า.........
ปัจจุบันคนในสังคมมีความสุขน้อยลงกว่าในอดีต ซึ่งมีสาเหตุจากหลายประการแต่ปัจจัยที่สำคัญหนึ่งในนั้นคือ สถาบันครอบครัวอ่อนแอลง ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ใกล้ชิด ไม่อบอุ่น ทำให้ความเข้มแข็งทางด้านจิตใจและความมั่นคงทางอารมณ์ลดลง
ถ้าครอบครัวเข้มแข็งจะช่วยให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤติหรือปัญหาในชีวิตได้ทุกอย่าง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การงาน ครอบครัว ความผิดหวังต่างๆในชีวิต ทุกคนจะเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เข้าใจความจำเป็น และพร้อมจะให้ความร่วมมือและให้โอกาสเพื่อช่วยเหลือกัน
บางครั้งการร่วมกันต่อสู้ภาวะวิกฤติ การเผชิญความยากลำบากร่วมกันจะทำให้สมาชิกในครอบครัวมีความรักและผูกพันกันมากขึ้น และทำให้หาความสุขในชีวิตได้ง่ายขึ้นด้วยการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย
ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวยังเป็นเกราะป้องกันปัญหาครอบครัวและปัญหาสังคมได้หลายประการ เช่น ปัญหาหย่าร้าง ปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง ก้าวร้าว ใช้ยาเสพติด ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ปัญหาผู้สูงอายุรู้สึกไร้ค่า ซึมเศร้า
ดังนั้น
ของขวัญปีใหม่ ปี ๒๕๕๓ ที่สามารถทำได้ไม่ยาก เพื่อมอบให้แก่กัน ให้ทุกคนมีความสุขได้อย่างยั่งยืน นั่นคือ การช่วยกันสร้างครอบครัวให้แข็งแรงด้วยวิธีง่ายๆ โดยการเริ่มต้นให้สมาชิกทุกคนเห็นประโยชน์และความสำคัญของการมีบรรยากาศครอบครัวที่ดี และตกลงตั้งใจที่จะสร้างบรรยากาศครอบครัวที่ดีร่วมกันให้สำเร็จเพื่อความสุขของทุกคน
สาเหตุที่ครอบครัวอ่อนแอ เนื่องมาจาก
- ขาดทัศนคติและค่านิยมที่ถูกต้อง ส่วนใหญ่มุ่งเรื่องวัตถุ
- ตามกระแสบริโภคนิยม
- การแข่งขันเรื่องการงาน การเรียนมากเกินควร จนครอบครัวไม่มีเวลาให้กัน
ถ้าหากจะลองใช้ชีวิตที่เรียบง่าย รู้จักประหยัด ไม่ก่อหนี้เกินกำลัง การที่ต้องตะเกียกตะกายตามกระแสก็จะลดลง ทำให้ทุกคนมีเวลาให้กันมากขึ้น คู่สมรสมีเวลาเอาใจใส่กันมากขึ้น พ่อแม่มีเวลาใกล้ชิดลูกมากขึ้น ลูกหลานมีเวลาให้ปู่ย่าตายายมากขึ้น
ต่อมา เมื่อมีเวลาให้กันมากขึ้นแล้วต้องปรับปรุง พัฒนาในเรื่องต่อไปนี้
๑. พัฒนาทักษะการสื่อสารพูดคุยกันในครอบครัวให้ดี
แม้มีความตั้งใจที่ดีต่อกัน แต่หลายครั้งไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจกันได้ ทักษะสำคัญในการปรับปรุงการพูดคุยสื่อสาร คือ
การให้เกียรติกัน
การเอาใจใส่ความรู้สึกของกันและกัน
ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจและให้ความร่วมมือง่ายขึ้น
๒. สร้างกิจกรรมร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความใกล้ชิดของครอบครัว เช่น การรับประทานอาหารเย็นพร้อมหน้ากัน ซึ่งหลายครอบครัวอาจทำได้ยากแต่ควรได้รับการส่งเสริมให้เกิดขึ้นให้ได้ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ทั้งนี้เพื่อ
- รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นและความเป็นไปในชีวิตของแต่ละคน
- รับรู้ความรู้สึกของกันและกัน และหากมีปัญหา มีวิกฤติ จะได้ช่วยกันแก้ไขได้แต่เนิ่นๆ หรือ ให้คำแนะนำ ให้กำลังใจกันไม่ปล่อยให้สมาชิกคนใดคนหนึ่งต้องเผชิญปัญหา และรู้สึกโดเดี่ยว ซึ่งทำให้ปัญหาเล็กอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ หรือไม่สามารถแก้ไชได้ทันเวลา
หากทุกครอบครัวสามารถทำได้เช่นนั้นแล้ว ก็ถือว่ากำลังได้มอบของขวัญปีใหม่ที่มีคุณค่าที่จะนำพาทุกคนไปสู่ชีวิตที่มีความสุข อย่างยั่งยืน
สำหรับคนทำงาน
ในการทำงาน ต้องเข้าใจก่อนว่าการอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มากในสังคมที่ทำงานภายนอกต้องมีการกระทบกระทั่งหรือขัดแย้งกันบ้าง ความโกรธจะทำให้บรรยากาศแย่ลง จึงควรให้อภัยซึ่งกันและกัน เราจะโกรธกันน้อยลง การให้อภัยทำให้อารมณ์ขุ่นมัวที่ติดค้างในใจลดลง หรือหายไป ส่งผลให้ชีวิตมีความสุขได้ง่ายกว่า เจ้าคิดเจ้าแค้น
ให้อภัยผู้อื่นแล้วอย่าลืมให้อภัยตัวเอง คนเรามีโอกาสผิดพลาดได้บ้าง ไม่ควรซ้ำเติมตัวเอง ดังนั้นต้องให้อภัยตัวเองได้ เพื่อให้โอกาสปรับปรุงแก้ไข เพื่อสร้างโอกาสที่ดีให้กับชีวิตต่อไป
สำหรับผู้กำลังเล่าเรียนศึกษา
ถ้าคิดว่ายังทำได้ไม่ดีพอก็ลองทบทวนดูว่าได้ทำเต็มที่แล้วหรือยัง หากพยายามทำเต็มที่แล้วผลการเรียนที่ออกมายังไม่ดี ลองค้นหาตัวเองดูว่าสิ่งที่เราถนัดคืออะไร แล้วปรับเปลี่ยนไปยังจุดนั้นแทน ชีวิตในวัยเรียนยังมีแง่มุมอื่นอีกมากมาย ที่สำคัญไม่แพ้กัน เช่น ทักษะชีวิตทางสังคม การทำกิจกรรมกลุ่ม การฝึกงาน ก็มีประโยชน์ให้เรียนรู้ เพราะเกรดคะแนนหรือผลการเรียน ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
ปัญหาเรื่องการเรียนและความรัก ซึ่งเป็นธรรมชาติของวัยรุ่นที่จะมีแฟน ถือเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ไม่ได้จริงจังถาวร ทุกคนต้องมีประสบการณ์ และอาจมีสมหวังหรือผิดหวังบ้าง
หากผิดหวัง ให้ค่อยๆพิจารณาด้วยเหตุผล หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ เพราะจะทำให้เสียหาย
คนที่เรารักหรือแฟนไม่สนใจเรา ไม่หมายความว่าเราไม่มีค่า ไม่มีข้อดี ใช้ไม่ได้
ความจริงมันเป็นเพียงอารมณ์น้อยใจตัวเอง คนเรามีความต้องการไม่เหมือนกัน คิดแตกต่างกัน เมื่อคบกันไปแล้ววันนี้ไม่ใช่แบบที่ต้องการก็ไม่เป็นไร วันข้างหน้าก็อาจเจอคนที่เราคิดว่าใช่ก็ได้
สำหรับผู้สูงอายุ
เป็นวัยที่คาดหวังต้องการให้ลูกหลานเอาใจใส่ และกลับมาเยี่ยมในเทศกาลปีใหม่ หากลูกหลานติดธุระมาเยี่ยมไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าลูกหลานไม่รัก จะเกิดความน้อยใจ หรือรู้สึกไร้ค่า
ขอให้รู้สึกมั่นใจพร้อมให้กำลังใจตัวเองว่าตนเองมีค่าและยังมีประโยชน์ต่อสังคมและผู้อื่นไม่ใช่เฉพาะลูกหลาน ทบทวนดูว่าตนเองถนัดอะไร สั่งสมความรู้ประสบการณ์ด้านใดมาก็สามรถสมัครเข้าชมรมหรือสมาคมที่ทำประโยชน์เพื่อสังคมนั้นๆ เชื่อว่ายังมีหลายหน่วยงานที่ต้องการรับเพื่อจะได้มีโอกาสทำประโยชน์ให้สังคม เพียงเท่านี้เราก็จะเห็นคุณค่าของตนเอง และมีความสุขอย่างอย่างยืนได้
.......................................................
เนื้อหาจาก
ทีมวาไรตี้. “เดลินิวส์วาไรตี้ : เตรียมใจรับปีใหม่ สร้างความสุขได้ยั่งยืน” เดลินิวส์. 30 ธันวาคม 2552. หน้า 4.
โดยคัดลอกและตัดต่อเรียบเรียงใหม่บางส่วน หลังจากที่ได้อ่านหนังสือพิมพ์แล้วเห็นว่า เป็นบทความที่ให้กำลังใจ ให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์จึงบันทึกเก็บไว้ในรูปแบบ ไฟล์เอกสารในคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ในที่สุดจึงตัดสินใจนำมาเขียนเป็นบันทึกเก็บไว้ในบล็อกแห่งนี้
:no-war