วันนี้ดี๊ด๊าใหญ่ เพราะตื่นท่ามกลางอากาศเย็นจัด และวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่แสงสะท้อนยอดเขาหางปลา
ลืมตาตื่นมาไม่เห็นใครสักคน แบบว่าเพื่อนร่วมทริปเค้าพากันเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแบบพานอรามา ที่ภูเขาลูกเล็กด้านหน้าของโรงแรมเชอปา
นับถือคนพวกนั้นจริงๆ เมื่อคืนก็สังสันท์กันจนดึกด้วยเสียงเพลงและ Dance กระจายจากชาวคณะ ในขณะที่ป้า 3 คนขดตัวนอนหนาวในผ้าห่มด้วยความเมื่อยล้าในการแบกสังขารขั้นมาถึงสรังก๊อต...เราจึงได้ชมความงามของวันใหม่บนดาดฟ้าของโรงแรมเท่านั้น ซึ่งสัมผัสแดดอุ่นในวันอากาศหนาวได้เช่นกัน เช้าๆ ยังงี้เมฆยังไม่เปิด จึงยังมองเห็นเทือกเขาที่อยู่รายรอบได้ไม่ชัดนัก
เมื่อคืนเพื่อนๆชวนชนแก้ว เราเข็ดกับอากาศหนาว น่าจะ 2-4 องศา C การลุกมาเข้าห้องน้ำดึกในขณะอุณหภูมิต่ำสุดๆ แบบงี้น่าจะทรมาน นอนดีกว่า
เรื่อง 8 ชม.กับ 14 กม. ที่ผ่านมาเมื่อวาน มันไม่ใช่ปัญหาเลยนะคะ...ทำบ่นไปอย่างนั้นแหละ
การเดินของเราได้เห็นต้นไม้ทุกต้น สัมผัสก้อนหินทุกก้อน แม้แต่นอนราบบนถนนลาดยางก็ใช่ บ้านเรือนทุกหลังอยู่ในองศาที่เรามองเห็น ถ้าใครไปดูภาพยนตร์เรื่อง AVATAR จะเข้าสำนวนที่ว่า"i see you" ซึ่งดูเหมือนเหมาะกับสถานการณ์นี้จริงๆ
ดังนั้นเมื่อเดินกลับลงมาถึงหมู่บ้าน เราใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเป็นที่จดจำ พร้อมความทึ่งในศักยภาพของตนเองว่าเมื่อวานเราทำได้อย่างงัยวะ
ยิ่งรถที่มารับขับลงจากเขา ระยะทางยิ่งทิ้งห่างหมู่บ้านสรังก๊อต ยิ่งทำให้เราทึ่งไปใหญ่ เมื่อวานเราทำได้ยังงัยหว่า
เทือกเขาหิมาลัยที่ทอดยาวตลอดแนวเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ทำให้เนปาลเป็นที่รู้จักของนักเดินเขา ยอดเขาทุกยอดมีรอยเท้าที่แสดงถึงศักยภาพของมนุษย์ว่าสามารถพิชิตธรรมชาติได้ฝากไว้ทุกลูก ยกเว้น ยอดเขาหางปลา....เพราะอะไรหน่ะเหรอ เดี๋ยวจะมาเฉลยให้ฟัง (ขอเวลาเช๊คข้อมูลเดี๋ยวหนึ่งน้า)
ก่อนเที่ยงเราได้ไปแม่น้ำเซติ แม่น้ำที่ได้ชื่อว่า แม่น้ำสีนม น้ำตกเดวี สะพานสลิงค์ที่ทอดผ่านแม่น้ำนอกจากความสวยยังน่าหวาดเสียวชะมัด ถัดมาจะเป็นการเยี่ยมชมศูนย์อพยพชาวธิเบต หลังจากอาหารเที่ยงเราจะได้ท่องโพคาราตามอัธยาศัย
ย้อนกลับมาในตัวเมืองโพคาราเพื่อกินมื่อเที่ยง เที่ยงนี้เรากินพิซซ่ากันค่ะ แม้ TKT จะเลี้ยงดี แต่เรายังแอบน้ำลายไหลเมื่อเห้นน้องไกด์ทั้งสองคนหม่ำข้าวที่เสริฟมาพร้อมกับชุดอาหารในถ้วยทองเหลือง เนปาลีสไตล์จริงๆ เมื่อเข้าที่พักเราจึงขอนอนกลางวันเอาแรง เผื่อตะลุยราตรีที่โพคารากัน เริ่มจากเย็นที่มีนัด dinner พร้อมชมการแสดงระบำพื้นเมืองของชาวเนปาล และช้อปให้จุใจ
หลังมื้อเย็นเราหาร้านกาแฟนั่งตามเคย ครั้งนี้ขอใกล้ๆ ร้านอินเตอร์เน็ตนะ เพราะจะ load ภาพจากกล้องลง Handy Drive...อิอิ
โอ โย ไปไกลถึงเนปาล เชียว อิจฉานะเนี่ย
ขอให้สนุกๆๆๆ ค้า
ม่อนขอตามไปเที่ยวต่อด้วยครับ
อาจารย์วิไลคะ
สนุกมากค่ะ และก็กลับมาเตรียมเข้าโหมดการทำงานประจำ
Merry X-Mas & Happy New Year 2010 นะคะอาจารย์
น้องม่อนและคุณตาน้องม่อนคับ
คุณยายตุ่นยังมีเรื่องเล่าอีกหลายตอนนะคะ เ
พราะนอกจากการย้ำเตือนความทรงจำแล้ว ยังทำให้ยายยังเหมือนได้ท่องเที่ยวอยู่...จะได้คุ้มค่าเครื่อง