มีโอกาสทำงานในวงการพัฒนา ผลการพัฒนาที่ผ่านมาหลายคนสรุปว่าเป็นการพัฒนาที่ผิดพลาด ครอบครัวจึงไม่อบอุ่น ชุมชนไม่เข้มแข็ง ได้แต่โครงสร้างพื้นฐานและการผลิตทีมุ่งเน้นการตลาด การพัฒนาสังคมก็เป็นการพัฒนาแบบการตลาด การพัฒนาการเมืองก็เป็นพัฒนาแบบการตลาด ทุกอย่างจึงเป็นธุรกิจ สังคมจึงเป็นสังคมธุรกิจ การเมืองก็เป็นการเมืองแบบธุรกิจ การที่ชุมชนจะเข้มแข็งได้ก็ต้องทำชุมชนให้เป็นชุมชนธุรกิจ
การพัฒนาชุมชนในปัจจุบันเป็นการพัฒนาที่สนองความต้องการของบุคคลอื่น ที่กำหนดว่าชุมชนจะเข้มแข็งและดีได้ต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ตามที่บุคคลอื่น ๆ กำหนด เช่น ภาคราชการ ภาคการเมือง องค์กรพัฒนาเอกชน เป็นต้น ทั้งที่ผลของการพัฒนาคนชุมชนเป็นผู้รับ คนในชุมชนไม่มีโอกาสกำหนดชีวิตของตนเองว่าจะเข้มแข็งด้วยตัวเองอย่างไร แบบไหน ความเข้มแข็งของชุมชนจึงมีความหลากหลายตามต้นแบบที่ยัดเยียดให้กับชุมชน
ตอนเข้ามาสู่วงการพัฒนาชุมชนใหม่ ๆ ถูกสอนไว้ว่า การพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืนนั้น ชุมชนต้องพัฒนาตัวเอง โดยคนในชุมชนเป็นผู้คิด คนในชุมชนทำตามที่คิด คนในชุมชนต้องเป็นผู้รับประโยชน์จากที่ตัวเองได้คิดและทำตามที่คิด จึงมีโครงการต่าง ๆมากมายที่กำหนดให้คนในชุมชนเป็นผู้คิด แต่มีกรอบว่าคิดอย่างไรตามแบบที่กำหนดไว้ให้ ตามศักยภาพของตนเองที่มี ตามที่ผู้สั่งให้คิดกำหนดกรอบไว้ให้ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ชุมชนมีส่วนร่วมในการคิดเพื่อพัฒนาตนเองไปสู่ความเข้มแข็ง
ความเข้มแข็งของชุมชนจึงมีจุดเริ่มต้นที่คนชุมชนจะต้องเป็นผู้คิดและทำการพัฒนาตามที่ตนเองได้คิดไว้ให้บรรลุผลสำเร็จ จึงมีต้นแบบของชุมชนที่เป็นที่ยอมรับกันว่าได้มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง คิดเอง ทำเอง และรับผลประโยชน์เอง มาช่วยกันออกแบบเครื่องมือที่จะให้ชุมชนอื่นคิด เพื่อที่จะพัฒนากระบวนการคิดของชุมชนให้เป็นระบบ ได้มีการระดมสมองของผู้นำชุมชนทั่วประเทศในการคิดค้นเครื่องมือในการพัฒนากระบวนการคิดของชุมชนขึ้น
เครื่องมือที่ได้จากการระดมสมองของผู้นำชุมชนทั่วประเทศ ในการส่งเสริมกระบวนการคิดของชุมชนให้ชุมชนมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งพึ่งตนเองได้ เรียกเครื่องมือนี้ว่า "ระบบมาตรฐานงานชุมชน (มชช.)" เป็นเครื่องมือที่ส่งเสริมกระบวนการคิดของชุมชนอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมให้ชุมชนมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องด้วยความสมัครใจ การพัฒนามีเป้าหมายที่ชัดเจนปรากฎเป็นลายลักษณ์อักษร บ่งบอกได้ว่าในปัจจุบันชุมชนนี้เป็นอย่างไร อนาคตชุมชนนี้จะเป็นอย่างไร ชุมชนเป็นผู้คิดและกำหนดอนาคตของตนเอง และพัฒนาตามที่ตัวเองเป็นผู้กำหนด
ระบบมาตรฐานงานชุมชน (มชช.) เป็นเครื่องมือ เป็นองค์ความรู้ที่ทุกคนนำไปใช้ได้ ถ้ารู้วิธีการใช้เครื่องมือ และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนากระบวนการคิดของชุมชน เพื่อพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง และจะเป็นความเข้มแข็งของชุมชนอย่างแท้จริง เพราะเครื่องมือ มชช. คนในชุมชนเป็นผู้คิดเอง ทำเองด้วยความสมัครใจ ผลประโยชน์ก็จะเป็นผู้รับเอง ผลของการพัฒนาจะยั่งยืน และวัดได้ว่าชุมชนเข้มแข็งอย่างไร ปัญหาใหญ่ของประเทศก็จะหมดไป
เรื่อง ระบบมาตรฐานงานชุมชน (มชช.) เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก จึงเข้าไป Download เป็นไฟล์ PowerPoint ที่
www.geocities.com/cdchon2001/standard.ppt
www.cdd.go.th/cddoc/jiravath/mcc_3.pps
ขอศึกษาสักระยะหนึ่งก่อน ค่อยแวะเข้ามา "แลกเปลี่ยนเรียนรู้" ครับ
- "ความเข้มแข็งของชุมชนจึงมีจุดเริ่มต้นที่คนชุมชนจะต้องเป็นผู้คิดและทำการพัฒนาตามที่ตนเองได้คิดไว้ให้บรรลุผลสำเร็จ จึงมีต้นแบบของชุมชนที่เป็นที่ยอมรับกันว่าได้มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง คิดเอง ทำเอง และรับผลประโยชน์เอง"
- ข้อความนี้คือหลักคิด หลักการที่ควรจะเป็น แต่ในความเป็นจริงเมื่อแปลงหลักคิด หลักการไปสู่การปฏิบัติมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องอีกมากมายที่ทำให้หลักคิดหลักการที่กล่าวไว้ไม่เป็นจริง
- ระบบมาตรฐานงานชุมชน (มชช.) เป็นเครื่องมือที่ดีอีกเครื่องมือหนึ่ง แต่คนที่จะนำไปใช้อาจไม่มีทักษะ ความชำนาญที่ดีพอ รวมทั้งคนที่ดูแลเครื่องมือ(สโตร์)ก็ไม่ค่อยได้บำรุงรักษา หรือเอาออกมาใช้งานอย่างจริงจัง หรือถ้านำมาใช้ก็เป็นไปในทำนอง "เอากระบี่ไปหั่นผัก" ใช้เสร็จก็ไม่บำรุงรักษาทิ้งไว้ในซอกหลืบ พอถึงเวลาได้งบประมาณก็นำออกมาใช้แบบผ่านไปอีกครั้งหนึ่ง
- ถ้าจะให้ชุมชนเข้มแข็งจริงๆ นอกจาก "คนในชุมชนจะต้องเป็นผู้คิดและทำการพัฒนาตามที่ตนเองได้คิดไว้ให้บรรลุผลสำเร็จ จึงมีต้นแบบของชุมชนที่เป็นที่ยอมรับกันว่าได้มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง คิดเอง ทำเอง และรับผลประโยชน์เอง" ผมเพิ่มว่าต้องให้โอกาสเขาจัดการตนเองได้ด้วยอย่างมีอิสระ รวมทั้งมีกระบวนการเรียนรู้ มีการบริหารจัดการที่ดีด้วย
- ผมเสนอเพิ่มเติมว่า "ทุกภาคส่วนต้องกระจายอำนาจ กระจายทรัพยากรลงไปให้ชุมชนจัดการด้วยตนเองมากขึ้น พร้อมทั้งให้หน่วยงานทั้งหลายเป็นฝ่ายสนับสนุน ตัวอย่างที่ชาวบ้านเขาจัดการกันเองแล้วมีประสิทธิภาพ มีผลสัมฤทธิ์ที่ดีมากมาย ตัวอย่างเช่น ชาวบ้านบริหารจัดการสร้างศาลากลางบ้านด้วยเงิน เอสเอ็มแอล ราคา 250,000 บาท ได้เก้าอี้ พัดลม มิเตอร์ไฟฟ้า ตู้ เครื่องเสียง โดยการบริจาคเพราะเขาร่วมมือกันศาลาหลังนี้จึงเป็นของพวกเขา แต่ในขณะเดียวกันที่หน่วยงานรัฐสร้างในรูปแบบเดียวกัน เสปค เดียวกันทุกประการ แต่ในราคา 399,900 บาท และก็มีเฉพาะตัวอาคารโล่ง ๆ เท่านั้น และเป็นศาลาของหลวง หรือ ชาวบ้านคิดอะไรไม่ออกนำไปซื้อเต๊นท์ในขนาด รูปแบบ วัสดุเดียวกันได้ในราคา 9,500 บาท แต่รัฐจัดซื้อในราคา 12,000 บาท เป็นต้น
- คือจะสื่อว่าต้องเปลี่ยนวิธีงบประมาณของแผ่นดินด้วย เขียนกฎหมาย ออกระเบียบให้โอกาสประชาชนสามารถเข้าถึง และใช้งบประมาณได้โดยตรง ไม่ต้องรอให้ผู้ปารถนาดีที่อยู่ในรัฐบาลกลาง ราชการส่วนกลางเก็บภาษีแล้วค่อยแบ่งมาให้เป็นทอด ๆ ถ้าต้องการให้ชุมชนเข้มแข็งจริงต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเช่นนี้(ขบถต่อโครงสร้าง และระบบเดิมจึงจะถึงฝั่งฝันที่คุณพูดได้(ตัวอย่างนี้ก็แค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ยังมีอย่างอื่น ๆ ประกอบอีกมากมายครับ)