Reflection from practice: สับสนบทบาท


สองสัปดาห์แห่งความยุ่งกำลังจะผ่านไป (แม้ว่าวุ่นหน่อย ก็มีความสุข ที่ได้เริ่มงานใหม่ๆหลายเรื่อง) ..แต่แล้ววันนี้มีเรื่องให้ใจคอไม่ค่อยสบาย..

     เกี่ยวกับ ผู้ป่วย Post vegetative stage รายหนึ่ง ซึ่ง D/C จากโรงพยาบาลกลับบ้านตั้งแต่ ม.ค. 52 on tracheostomy มีภรรยาเป็นผู้ดูแล 
     เดือนนี้ มีผู้ป่วยในความดูแลฉัน 4 ราย เป็นมะเร็ง 3 ราย ร่วมกับ PVS รายนี้อีก 1 โดยปกติฉัจะนมีรถไปเยี่ยมในวันที่นักศึกษาแพทย์ไปด้วยทุกวันศุกร์  แต่ปัญหาคือ เดือนนี้มีวันศุกร์ที่ฉันออกเยี่ยมได้เพียง 2 ศุกร์ที่ห่างกัน 2 สัปดาห์ เนื่องจากศุกร์แรกเป็นวันหยุด วันศุกร์หนึ่งต้องไปอบรมสำหรับอาจารย์ใหม่  อาจารย์ร่วมภาคท่านหนึ่งกรุณาไปเยี่ยมเคสมะเร็งแทนให้ 1 ราย
    เนื่องจากการไปเยี่ยมในช่วงเช้ากับนักศึกษาแพทย์นั้น ออกรถไปเยี่ยมได้เพียงครั้งละ เคส เท่านั้น เยี่ยมเสร็จก็ต้องรีบไปประชุมหรือสอนต่อ.. ฉันจึงตัดสินใจวันศุกร์ไปเยี่ยมผู้ป่วยโรคมะเร็งลามไปกระดูกก่อน เพราะคิดว่ารายที่เป็น PVS นี้อยู่มานานแล้ว ก็น่าจะอยู่ได้อีกค่อนข้างนานต่อไป ขอเอาไปแทรกไว้วันอังคารถัดๆไป ที่อาจารย์ท่านหนึ่งลาก็แล้วกัน 
  แต่เช้าวันนี้ ที่พวกเราตั้งใจจะไปเยี่ยม..ญาติโทรมาว่าผู้ป่วย death ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยหลับแล้วไม่ตื่นไปเฉยๆ..เวลา 11 วันก็ยังนานเกินไปสำหรับคนที่นอนที่บ้านมา 11 เดือน!  ถึงแม้ฉันไม่รู้ว่าหากได้ไปเยี่ยมเมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้ป่วยจะยัง death ในวันนี้หรือไม่ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันคงต้องมานั่งทบทวนว่ามีอะไรที่พลาดไป...

        เมื่อไม่ต้องเยี่ยมบ้านแล้ว ฉันจึงมีเวลาไปเรียนเชิญอาจารย์อาวุโสท่านหนึ่งให้่ท่านช่วยเขียนบทหนึ่งในโครงการหนังสือ palliative  ซึ่งท่านก็กรุณา comment หลายๆ ประเด็นจากประสบการณ์ทำหนังสือและตำรา โดยเฉพาะการมีคำแนะนำสำหรับผู้นิพนธ์ให้รัดกุมชัดเจนซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก  เพียงมีำคำถามจากความห่วงใยของท่านเกี่ยวกับคุณวุฒิของฉัน (ตำแหน่งวิชาการ-ไม่มี),ประสบการณ์ ( ทำงานมาก็ีปี เจอกี่ราย- แค่ 2 ปี ก็เจอไม่กี่ราย)..เหล่านี้ทำให้..ด้วยสัจจริง ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกอย่างไร  แต่ก็ทำให้ฉันต้องกลับมาถามตัวเองว่า...อาจารย์ใหม่ กับบทบาทการ (เป็นผู้ช่วย) ทำหนังสือ  หรือมันเร็วเกินไป เป็ความจริงที่ฉันยังด้อยประสบการณ์เหลือเกิน ทั้งด้านการศึกษา และเวชปฎิบัติ ..สุดท้าย ฉันก็บอกตัวเองว่า  ฉันอยากทำ อยากช่วย ให้โครงการนี้ลุล่วงไป เมืื่อทำเต็มความสามารถแล้ว หากจะยังผิดพลาดก็ต้องยอมเป็นบทเรียน..

เหมือนวลีหนึ่ง ที่ฉันยังจำได้ตอนปฐมนิเทศ "ไม่กล้าก็ไม่ก้าว  ไม่ก้าวก็ไม่เดิน" เพียงแต่ตอนนี้..สับสน

หมายเลขบันทึก: 322245เขียนเมื่อ 22 ธันวาคม 2009 21:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ผมชอบคำพูดของ อ.วรภัทร์ ภู่เจริญ ตอนมาสอนเรื่องคุณภาพครับ ท่านบอกว่า ทำไปเถอะยังงัยก็ผิดอยู่แล้ว...ทำไปเถอะยังงัยก็ผิดอยู่แล้ว

ขอบคุณคะคุณหมอสีอิฐ

..ทำไปเถอะยังงัยก็ผิดอยู่แล้ว

ดีแล้วที่ทำ จะได้รู้ว่าผิดยังไง ใช่ไหมคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท