ช่วงปลายปีเป็นช่วงสำหรับการตรวจสอบทบทวนตัวเองสำหรับเวลาที่กำลังจะผ่านไป แต่ปีนี้เป็นปีที่พิเศษในฐานะที่ผมกำลังเรียนต่อและกำลังจะสอบในวันที่18และ22มกราคมนี้ผมเลยต้องทั้งทบทวนตัวเองและพยายามตั้งใจมั่นอ่านหนังสือไปพร้อมๆ กัน ผมได้รับเมล์จากคุณแม่ ความว่า
******************************************************
ถึงลูกๆที่รักทุกคน
แม่รักลูกทุกคน แม่อยากจะให้เราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เหมือนเดิมจะได้พกเราไปด้วยทุกที่เหมือนเมื่อเรายังเด็ก แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ แม่ไม่ได้หวังจะให้พวกเรามาเลี้ยงดูแม่ตอนแก่ วันนี้แม่อ่านหนังสือพิมพ์พบหัวข้อหน้าสนใจอยากให้พวกเราอ่านในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเรื่อง เบบี้บูมสหรัฐ ส่อวิกฤติ เร่งไทยรีบออมก่อนเกษียณ อ่านแล้วพบว่าเป็นเมล์ที่ดีน่าคิดดู อยากให้พวกเราอ่าน
จากแม่ที่รักของลูกๆ
***************************************************************
อ่านดูแล้วซึ้งในความรักของคุณแม่ครับ ท่านไม่เพียงห่วงเรามาตั้งแต่เด็ก แต่ยังห่วง จนอนาคตของเราด้วย อาชีพของผม เป็นเหมือนข้าราชการ(ปัจจุบันไม่มีข้าราชการแล้ว / ผมเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยครับ) ไม่มีบำเหน็จบำนาญ ต้องเตรียมเก็บออมวางแผน เผื่ออนาคต เงินเดือนที่มีก็ไม่ได้มาก เหมือนเอกชนฉะนั้นการวางแผนก็จำเป็นมากครับ ในทุกๆ เรื่อง จะมามัวทำเล่นๆ อยู่ไม่ได้แล้ว เพราะมิฉะนั้นเมื่อแก่ตัวมาลำบากแน่ครับ
ที่พูดนี้ก็ไม่ได้จะมาชวนคุยเรื่องการเงินอะไร เพราะไม่มีความรู้ด้านนั้นครับ แต่คงต้องเร่งหามาใส่ตัวบ้างครับ แต่นี่เองครับ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราทุกคนต้องช่วยกัน เพราะเราทุกคนอยู่ในสังคม เราต้องช่วยกันสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมที่ดีที่มีคุณภาพ และดูแลประชาชนในประเทศให้ดี
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ผ่านมาทำให้ประชาชนตื่นตัวทางการเมืองอย่างมาก ซึ่งถือเป็นสิ่งดี แม้จะมีความแตกแยกบ้าง แต่ ที่สุดผมเชื่อว่าเมื่อเราได้บทเรียนจากความแตกแยกแล้วเราจะหันกลับมาหากันอีกครั้ง เพราะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ และฟรีๆ
เราต้องมีความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ รัฐต้องมีนโยบายดูแลประชาชนที่ดีดูแลคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ ในขณะที่ประชาชนก็ต้องเลือกนักการเมือง ดีๆ เข้าไปกำหนดนโยบายบริหารประเทศให้มีคุณภาพ ให้สังคมไทยที่ดีเกิดขึ้นได้จริงๆ ไม่ใช่เลือกเฉพาะนักการเมืองที่หวังเข้าไปสร้างฐานอำนาจและใช้อำนาจกำหนดนโยบายที่เอื้อประโยชน์เฉพาะพวกตนเองเท่านั้นโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ
นิสิตนักศึกษาก็ต้องตั้งใจเรียน เพื่อวันหนึ่งจะได้นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ นิสิตหลายคน เขียนผ่านเล่าประสบการณ์จริงระหว่างการทำงานให้ผมฟังถึง ความห่วยของระบบ ของคนในระบบในสังคมปัจจุบันของไทย แล้ว ทำให้นึกถึงคำคำหนึ่งครับ ทุกคนอยากจะเป็นคนดี แต่ด้วยอะไรก็ตาม เช่นผลประโยชน์หรืออะไรก็ตามทำให้เราเลือกที่จะไม่ทำสิ่งที่ถูกที่ควร ประเทศที่เจริญแล้วต่างกับประเทศไทยตรงนี้ครับ ความตรงไปตรงมาและการทำหน้าที่ครับ ถ้าเราทำหน้าที่เราอย่างดีที่สุด แล้วก็ช่างมัน สิ่งดีอันไหนมีโอกาสทำได้ ก็ทำ ทำไม่ได้ก็แค่เสนอความคิดไว้ วันหนึ่งมีคนเห็นด้วยกับเรามากๆ ก็จะเกิดแรงผลักดันให้เป็นจริงได้ครับ
ปล.ช่วงนี้ผมอ่านหนังสือเตรียมสอบครับจะทยอยแปลเอกสารและเรียบเรียงเรื่อง การจารกรรมกับกฎหมายระหว่างประเทศลงในบล็อกไปเรื่อยๆ นะครับ อาจจะนานนิดกว่าจะจบนะครับเพราะวางแผนว่าเวลาอ่านหนังสือเครียดๆ จะทยอยเปลี่ยนมาอ่านเรื่องการจารกรรม ครับ ตื่นเต้นดีครับ ถ้าแปลที่เดียว ผมคงสอบตก ไม่ไหวครับ ลองคอยอ่านดูนะครับ จะพยายามทะยอยแปลเท่าที่ได้ครับ
ขอบพระคุณทั้งสองท่านที่กรุณาแวะมาเยี่ยมชมนะครับ เดี๋ยวผมจะมาเขียนต่อให้เสร็จ ครับ ขอบคุณครับ และสวัสดีปีใหม่ครับขอให้มีความสุขมากๆ ครับ
ขอบคุรสำหรับ บทความดีๆครับ
ผมจะเข้ามาอ่าน บลอค อาจารย์บ่อยๆนะครับ
ชอบติดตามบลอคของอาจารย์ว่าจะมีอะไรดีๆเอามาเขียนให้มาให้อ่าน
ช่วงเดือนมีนาคมผมก็จะสอบเนติ แล้วครับ ยังจัดการตัวเองไม่ค่อยได้เลย
บางครั้งที่ผมเข้ามาอ่านบลอคของอาจารย์ ก็ทำให้มีกำลังใจ ที่จะตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสือขึ้นมา
ขอบคุณสำหรับบลอคดีๆข้อความดีๆนะครับ ผมจะคอยติดตามอ่านบลอคต่อๆไปนะครับ
ถึง...อ.วิว--อ.อุ๋ม
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขอให้อาจารย์ทั้งสองมีสุขาพแข็งแรงนะคะ พักผ่อนบ้างนะค่ะอาจารย์ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย จะได้มีแรงทำงานเพื่อสังคมต่อไปเรื่อยๆนะค่ะ
ตอนนี้ หนูเอง(แม่ต้อย) ก็ได้ทำงานแล้ว เป็นเสมียนทนายอยู่ที่พิษณุโลกนี่แหละค่ะ ทำงานเรื่อยๆ ไม่ค่อยได้พัฒนาความรู้ของตัวเองเลย งานหนักมากค่ะ เข้ามาดูBlog อาจารย์ทีนึงก็ตื่นตัวทีนึง กระตุ้นจิตใต้สำนึกตัวเองสักทีนึง แต่ด้วยเวลาที่จะพัฒนาตัวเองยังไม่ค่อยจะมีเลย ตอนนี้เลยทำให้เราลืมนึงถึงอุดมการณ์และโครงการต่างๆที่เราตั้งใจที่จะทำ ทุกวันนี้ก็คือทำตัวให้เป็นประโยชน์กับทุกคนที่อยู่รอบๆตัว (ในศาล) ช่วยเหลือทุกคนที่พอใจช่วยได้ แต่บางทีก็ดูจะเป็นการไปขัดแข้งขัดขาผู้อื่น เนื่องจากเรามีสังกัด (สำนักงานทนายความ) จึงต้องแบกสังกัดไปด้วย เลยทำอะไรไม่ค่อยถนัด
สมัยก่อน หนูคิดว่าอาชีพทนายเป็นอาชีพอิสระ เราสามารถทำอะไรก็ได้ที่เราคิดว่ามันถูกต้อง เพราะเราไม่มีเจ้านาย--ไม่มีหัวหน้า แต่พอมาวันนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่หนูคิดไว้เลย ทุกคนเค้าเป็นเพื่อนกันหมด ทุกคนต่างระวังหลังให้กันและกัน ปกป้องกันและกัน แล้วรังแกประชาชนของเรา ไม่เป็นไร เพราะประชาชนเป็นคนอื่น(เป็นคนอื่นซึ่งกำลังเดือดร้อน แต่ต้องมาเจออะไรที่มันเลวร้ายกว่าเดิม) เค้ามองว่า มันคือวิชาชีพของเค้า ในเมื่อประชาชนอยากไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายเอง--ช่วยไม่ได้ ก็ต้องถูกเขาทำอย่างงี้แหละ เรา...ซึ่งเป็นคนมีความรู้ แต่ดันตัวเล็กอยู่ ก็ออกไปปกป้องใครไม่ได้ มันอึดอัดจังค่ะ หนูไม่รู้ว่าหนูจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน ขนาดตลอดนี้ยังไม่มีตั๋วทนายเลย ยังเห็นอะไรขนาดนี้ จะถอดใจไปรับราชการแล้ว ในหน่วยงานเล็ก ไม่ต้องเจออะไรที่ทำให้ลำบากใจ แต่เราทำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็อีก ถ้าเราไปก็ไม่มีใครทำหน้าที่แทนเรา เพราะทุกคนกลัวหมด หนูสับสนจังค่ะอาจารย์ เพื่อนก็บอกให้หนูตั้ง สนง.ของตัวเอง แล้วค่อยรวมพลคนที่คิดเห็นตรงกับเรา ไม่มองเรื่องรายได้เป็นทุกสิ่งทุกอย่ง เข้ามาใ สนง.---รอรับน้องๆจากที่คณะของเราเข้ามารวมตัวกัน อันนี้เป็นเรื่องคุยกันขำขันค่ะ
สุดท้ายนี้ หนูอยากขอคำแนะนำจากอาจารย์ทั้งสองให้ช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ
รักและเคารพอย่างสูง
อังคณา
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
อังคณา หนูเอง กำลังเจอกับสิ่งที่เป็นความเป็นจริงของชีวิต เหมือนอย่างที่ครู และใครอีกหลายคนเจอมา แต่อย่าท้อถอย เราเลือกไม่ได้ที่จะรับเฉพาะสิ่งดีๆ เราต้องเจอทั้งสองด้าน แต่นี่แหละคือชีวิตครับ ทนายมีเยอะลูก แต่ทนายดีๆ มีน้อย สิ่งที่เข้ามานี้มันมาทดสอบว่าหนูจะยืนหยัดทนได้นานไหม ถ้าหนูเป็นไปตามกระแสหนูก็ไม่ต่างอะไรกับเค้า แต่ถ้า ยังคงความดีงามไว้ได้โดยที่ยังมีความสุขอยู่นั่นแหละ คือคนจริง แล้ววันนึงสิ่งดีๆ จะย้อนกลับมาหาหนูเอง ลูก อย่างน้อยสุดสิ่งที่หนูจะได้ คือ ความภูมิใจในตัวเอง ที่ประเทศของเราเป็นอย่างนี้ เพราะมีคนอย่างนี้อยู่เยอะ ครับ เป็นผลพวงของสภาพสังคมที่เราต้องช่วยกับปรับ อย่าไปมองเค้า ให้มองแล้วสงสารเค้า ความดีความงามเป็นสิ่งไม่ตาย แล้วมันจะพิสูจน์ตัวมันเอง ไม่ใช่หนูคนเดียวที่เคยมาเล่าให้ครูและอาจารย์อุ๋มฟังอย่างนี้ มีหลายคน ขอให้เราดูไว้เป็นบทเรียน แล้วเมื่อถึงวันของเราให้เราใช้โอกาสที่มีอยู่ไปแก้ไขให้ดีขึ้น ที่ต่างประเทศเรื่องมารยาททนายความสำคัญมาก และคนของเค้าเจอมาหนักก่อนหน้าเรานานมาแล้ว จนเค้ามีระบบการลงโทษทางสังคมและวิชาชีพที่รุนแรง เค้าไม่มีคำว่าเกรงใจกัน ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด วันนึง ถ้าประเทศของเรายังมีคนที่มีความคิดดีๆ อย่างหนู เราจะค่อยๆ เปลี่ยนครับ ครูเชื่ออย่างนั้น และก็ไม่แปลกใจว่าระบบการศึกษาที่ผ่านมามันสอนเราแบบผิด ทำให้เราเห็นแก่ตัวและสังสมความมั่งคั่งอย่างเดียวโดยไม่ดูถึงสังคมโดยรวม
สังคมไทย ดีที่มีความเกรงใจ แต่ ความเกรงใจก็เป็นเหรียญสิงด้านมีทั้งดี และไม่ดี ต้องใช้ให้ถูกครับ ว่าตอนไหนควรใช้และไม่ควรใช้
รักและปรารถนาดี
บางทีเราต้องรู้จักที่จะเรียนรู้ทั้งสองด้านนะ ถ้าเรารู้แต่ด้านดี เราก็จะไม่เห็นด้านมืด ดีสิที่ได้รู้ด้านมืด ต่อไปหากหนูเป็นคนร่างกฎหมายจะได้ร่างกฎหมายมาควบคุมได้ และต้องทำหนูที่หนูคิดนั่น แหละ หาเพื่อนที่มีความคิดคล้ายๆ กันมารวมกัน แล้วค่อยๆ ทำอย่างที่เราคิด
วันนึง เมื่อเรามีพร้อมทั้ง คุณวุฒิ และประสบการณ์ และมีโอกาส ก็อย่าลืมใช้มันสร้างสิ่งดีๆ นะครับ
สู้ๆ ลูก
สวัสดีปีใหม่ ครับ อาจารย์วิว
คิดถึงอาจารย์วิวและอาจารย์อุ๋มมากเลยครับ
เห็นเพื่อนรับปริญญาก็อยากจบแล้วครับ
บทความอาจารย์อ่านแล้วคิดถึงแม่เลยครับ
สุดท้ายนี้ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยอันมีหลวงพ่อพุทธชินราช และ องค์พระนเรศวรและสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลาย
จงประธานพรให้อาจารย์วิวและอาจารย์อุ๋มมีแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรง สมปรารถนาตามที่หวังทุกประการนะครับ
เคารพอย่างสูง
เบญ
สวัสดีครับอาจารย์
เบญ ไปอ.ร้องกวางกับเพื่อนๆชมรม ละอ่อนแพร่ มน มาครับเบญไปทำค่ายกันที่บนชนเผ่าผีตองเหลือง
ได้พบกับบุญยืนไม่รู้อาจารย์รู้จักปะ แต่คนแพร่รู้จักดีบุญยืนเป็นคนพัฒนาผีตองเหลืองให้พัฒนาสู่คนพื้นล่าง
บุญยืนก็เล่าให้ฟังถึงการขอสัญชาติของลูกสาว คือฟองจันทร์ ฟองจันคือคนที่ต่อสู้เพื่อสัญชาติตามมาตรา23
ได้คุยกะฟองจันทร์ฟองจันทร์เกิดที่บ้านห้วยห้อม อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ฟองจันทร์พูดภาษาไทยได้ชัดเจนมากครับ อาจารย์ เบญยังงง เลยแต่หน้าฝรั่งมาก นอกกจากนี้เค้าก็พูดอังกฤษและภาษาของชนเผ่าได้เช่นกัน ฟองจันทร์เล่าให้ฟังว่าเค้าเรียกร้องสัญชาติตั้งแต่เล็กๆตั้งแต่อยู่แพร่แล้ว ตำรวจปฏิเสธเค้าตลอดจนเข้ามาเรียนที่ กทม เค้าโดนตำรวจที่กทม.ตอนเรียกร้องสัญชาติขณะเรียนที่ธรรมศาสตร์ด่าว่า"คุณเรียกร้องมากเกินไปแล้ว คุณจะเอาอะไรอีก และจะปรับเงินเค้าเป็นแสน เค้าเรียกร้องจนได้มาครับเค้ากล้าที่จะเรียกร้องและภาคภูมิในความเป็นไทยอย่างภาคภูมิใจ
เค้าบอกให้ดูรายการพลเมืองคนกล้านะครับ วันที่9มกราคม ช่องไทย pbs 4โมงครับ
อาจารย์ หรือ คนที่เข้ามาดูบล็อกนี้ติดตามนะครับลองดูย้อนหลังนะครับ ผมดูมาแล้วภาคภูมิใจในความเป็นไทยยอย่างยิ่งครับ
ปล.มีบทสัมภาษณ์ อาจารย์พันทิพย์ด้วย(ชอบเป็นการส่วนตัวครับ)
ด้วยความเครพ ผมมีคำถามครับ อาจารย์ เอาตรงๆเลยนะครับ
เจ้าหน้าที่รัฐ ที่อำเภอ หรือที่สำนักงานตำรวจ เค้าไมรู้กฎหมายหรือยังไงครับหรือเค้าขี้เกียจหรือเค้า........
ผมไม่เข้าใจทำไมเค้าไม่รีบพิจารณาอย่างกรณีฟองจันฟองจันอธิบายได้ยกหลักกฎหมายได้ พิสูจได้ พร้อมที่จะทำสัญชาติ
ต้องรออะไรอีกครับ เหมือนหน่วยงานรัฐกะนักกฎหมายเข้ากันและปรับใช้ไม่ได้เลยนะครับ แล้วถ้าจะยื่นสัญชาติซักคนหนึ่งนี่อะจำเป็นมั้ยครับที่ต้องมีคนมีความรู้ไปอธิบาย ถ้าไม่มีใครไปอธิบายชาวบ้านไปเองเค้าจะไม่ทำให้
ด้วยความเคารพครับ เบญ
เรื่องนี้ผมขอยกให้อาจารย์อุ๋มตอบนะครับ คงตอบได้ดีกว่าผม
ขอบคุณทุกความเห็นและสวัสดีปีใหม่ครับ
เปิดบล็อกตัวเองได้แล้วนะอาจารย์อุ๋มครับ