หนูเดินทางไปร่วมงานทำบุญให้พี่นก ซึ่งมีน้อง ๆ ในศูนย์ฟื้นฟูฯเป็นเจ้าภาพ โดยพี่เขยขับรถจากบ้านไปส่งที่ อำเภอเสลภูมิ แล้วหนูขอนั่งรถประจำทางต่อไปที่จังหวัดยโสธร ด้วยความไม่รู้หนูจึงเดินไปถามว่ารถคันไหนที่ไปยโสธรบ้าง เจ้าของร้านขายของชำบอกหนูว่า “ไม่นานหรอกเดี๋ยวก็มา” หนูจึงเลือกม้าหินอ่อนใกล้ ๆ เพื่อนั่งรอ สักพักมีรถหกล้อสีส้ม สภาพกลางเก่ากลางใหม่ หนูจึงเดินไปถามว่า “รถคันนี้ไปไหนเหรอค่ะ” ลุงคนขับรถตอบอย่างใจดีว่า “ไปยโสครับ” หนูจึงขออนุญาตนั่งข้าง ๆ คนขับ พอได้เวลารถออกลุงคนขับหันมายิ้มให้หนูพร้อมกับออกรถ ท่านเอ่ยถามหนูอย่างเอ็นดูว่า
“ทานข้าวรึยัง ลุงมีห่อข้าวนะ เมื่อเช้าเอามาใส่บาตร แต่พอดี พระวัดป่าท่านขึ้นไปก่อน ทานได้ ๆ”
หนูรู้สึกดี ยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณท่าน หนูถามท่านต่ออีกว่า
“คือว่าหนูจะไปวัดป่าหนองไคร้หน่ะค่ะ หนูควรจะไปยังไงดี”
ลุงเอ่ยว่า
“ไม่ยาก ไม่ยาก เดี๋ยวลุงวิ่งเข้าไปส่งถึงปากทางเลย ลุงเป็นลูกศิษย์วัดนี้เหมือนกัน ไปวัดนี้ตั้งแต่เจ้าอาวาสองค์แรกเลย จนเดี๋ยวนี้”
หนูรู้สึกดีใจและกล่าวขอบคุณในความเมตตาของท่าน ท่านชวนคุยอีกว่า “หนูแต่งงานรึยัง”
หนูยิ้มแล้วตอบสั้น ๆ ว่า "ยังค่ะ"
“ดีแล้ว ๆ ลุงหน่ะ กว่าจะรู้จักวัด เจอพระก็ปาไปลูกคนที่ 4 แล้ว ตอนนั้นอยากจะออกบวช แต่หลวงปู่ท่านบอกว่า ลูกเรายังเล็กอยู่อายุแค่เดือนเดียวเอง ต้องรับผิดชอบเขาก่อน ทำให้เขาเกิดมาแล้ว”
“หลังจากนั้นลุงก็ออกมาทำมาหากิน แต่ก็รักษาศีล พระท่านบอกว่า เอาศีล 5 นี่แหละ ศีลจะกี่ข้อ กี่ข้อ ก็มาจากศีล 5 ข้อนี่แหละ”
พอลุงพูดประโยคนี้ทำให้หนูระลึกถึงครู ท่านพูดประโยคนี้กับหนูบ่อย ๆ แล้วลุงพูดต่อว่า
“จะให้ลุงไปทำร้ายใคร ไปเอาเปรียบใคร ลุงก็ไม่เอา เหล้าลุงก็ไม่กิน ทุกเช้าก็ตื่นขึ้นมานึ่งเข้าเอาใส่ถุง ส่วนหนึ่งใส่พระวัดบ้าน ส่วนหนึ่งก็เอามาใส่บาตรพระวัดป่า ลุงจะเจอบ่อย ๆ ลุงทำแบบนี้แหละทำมาหลายปี ลุงเป็นคนเชื่อเรื่องเวรกรรม บุญ บาป เราทำอะไรไว้ มันก็ได้อย่างนั้น”
หนูหันไปชื่นชมและขอบพระคุณท่านในใจ
“แม้ถึงตอนนี้ลุงยังไม่ได้บวช แต่ก็นึกถึงตอนไปปฏิบัติภาวนากับหลวงปู่วัดป่า ท่านบอกว่า "บวชไม่บวชไม่สำคัญ สำคัญที่ภาวนา เป็นโยมก็ทำเอา ไม่ต้องบวชก็ได้"
ตอนนี้ลุงก็อยู่แบบสบาย ๆ พออยู่พอกิน ทำมาหากินไป พอได้กิน พอได้ทาน ป้าก็เหมือนกันตื่นมาตีสามสวดมนต์ทำวัตรทุกวัน แล้วก็ไปวัด นาน ๆ จะไปถึงศีลที่วัดครั้งละ 9 วัน 10 วัน กับเขาสักที”
ตลอดเส้นทางเสลภูมิ ยโสธร ลุงสอนเรื่องต่าง ๆ เล่าประสบการณ์ชีวิตของท่าน เกี่ยวกับการไปปฏิบัติภาวนา กับหลวงปู่หลวงตา หลาย ๆ ท่าน ลุงเล่าด้วยแรงศรัทธา และมีความสุขที่ได้เล่า และอยากจะแบ่งปันความรู้สึกดี ๆ สิ่งดี ๆเหล่านี้กับหนู
ลุงได้ผู้โดยสารเยอะมาก หนูว่าจะแซวท่านว่า “รายได้ดีเหมือนกันนะคะ คนเดินทางไม่น้อยทีเดียว” ท่านก็เอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “วันนี้ท่าทางจะเป็นวันดี ผู้โดยสารเยอะกว่าปกติ” ระหว่างเดินทางพี่ปุ๋มโทรเข้ามาถามพอดีว่าถึงไหนแล้ว ติ๋วจึงบอกท่านว่า อีกประมาณ 10 กิโลเมตรจะถึงยโสธร ท่านจึงบอกว่า เดี๋ยวพระอาจารย์และเด็กที่ศูนย์จะออกมำทำธุระพอดี ท่านจะได้แวะรับ รู้สึกขอบพระคุณในความเมตตาของพระอาจารย์และพี่กะปุ๋มมาก
การเดินทางครั้งนั้น หนูได้เรียนรู้ว่า ธรรมะอยู่ในทุกที่ เรียนรู้ได้ทุกคน ไม่เลือกอายุ ไม่เลือกอาชีพ อยู่ที่ว่า แต่ละคนจะเรียนรู้เป็นหรือไม่ อย่างที่ครูท่านเคยสอนไว้ว่า
“ธรรมะ คือ ธรรมชาติ ให้รู้จักน้อมมาสู่ตน”
ก่อนจะแยกจากกันลุง ท่านได้บอกเส้นทางการเดินทางทั้งไปและก็กลับ ในรูปแบบต่าง ๆ จากบ้านหนูไปยโสธร และจากยโสธรไปบ้านหนู แล้วท่านก็ให้เบอร์โทรศัพย์ท่านไว้บอกว่าถ้ามีอะไรก็โทรถามทางท่านได้นะ ลุงบอกว่าลุงชื่อ “พุทธ”
การที่หนูได้รับน้ำใจของลุงทั้งการเรียกทานอาหารและการบอกทางในครั้งนี้ ทำให้หนูรู้สึกประทับใจในความเมตตาของท่านมาก ๆ ค่ะ
การเดินทางในครั้งนี้ หนูเลือกเดินทางตามคำแนะนำของครูท่านให้หนูเบียดเบียนผู้อื่นน้อยที่สุด จึงทำให้หนูมีโอกาสได้เรียนรู้ระหว่างทาง ได้รู้ได้เห็น ได้สัมผัส คนมีเมตตาที่อยู่รายล้อมอย่างมากมาย
กราบขอบพระคุณครูค่ะ
และกราบขอบพระคุณคุณลุงพุทธมาก ๆ ค่ะ ที่เมตตา พาหนูมาส่งถึงยโสธรและยังเมตตาให้ธรรมะดี ดี
ได้เรียนรู้กับคนเล็ก ๆ แต่ใจใหญ่มาก
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านพระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
เป็นการเดินทางที่น่าประทับใจค่ะ ^-^
ใช่แล้วจ๊ะหมอดาว blue_star ถ้าติ๋วเลือกที่จะขับรถมาเอง คงอดที่จะได้เจอลุงที่มีน้ำใจขนาดนี้ ตอนที่ท่านเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ท่านดูมีความสุขมาก ๆ ค่ะ รู้สึกได้ถึงแรงศรัทธา แถมตลอดระยะทาง ผู้โดยสารหลายท่าน ทักทายกับลุงอย่างเป็นกันเองและดูคุ้นเคยชอบพอในอัทธยาศัยของท่าน เป็นการเดินทางที่รู้สึกประทับใจจริง ๆ ค่ะ