เมื่อ 40 -50 ปีที่แล้ว การเหยียดผิวระหว่างคนผิวขาวกับผิวดำ ยังคงมีอยู่มากในอเมริกา ทำให้สังคมอเมริกันไม่น่าอยู่นัก ในท่ามกลางความรู้สึกแบ่งแยกที่เลวร้ายนั้น น้ำใจเป็นสิ่งเดียวที่จะเยียวยาสังคมให้น่าอยู่ขึ้นมาได้
คืนหนึ่ง เวลา 23.30 น. สตรีผิวดำกลางคนเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่ง ยืนอยู่ริมทางหลวงสาย
อลาบามา เธอพยายามต้านสายฝนที่ตกหนัก รถของเธอเสียแต่เธอต้องการเดินทางต่อไปอย่างมาก
แม้จะเปียกโชกไปทั้งตัว เธอตัดสินใจโบกรถที่วิ่งผ่านมา ชายหนุ่มผิวขาวผู้หนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ในยุคที่มีความขัดแย้งเรื่องสีผิวอย่างรุนแรงเช่นนั้น ชายหนุ่มช่วยเหลือเธอให้ได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่
แม้ว่าเธอจะเร่งรีบมาก แต่ก็ยังพอมีเวลาขอบคุณและจดที่อยู่ของเขาไปด้วย เจ็ดวันหลังจากนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขาพร้อมกับโทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งและมีข้อความแนบมาด้วย ใจความว่า
" ขอบพระคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น ฝนไม่ได้ชะแต่เพียงเสื้อผ้าของฉันเท่านั้น แต่ชะเอากำลังใจของฉันจนหมดสิ้น แต่เมื่อคุณผ่านมา ฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่กำลัง
จะเสียชีวิต ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี ขอพระเจ้าอวยพรคุณ สำหรับการช่วยฉันและการช่วยเหลือผู้อื่น อย่างไม่เห็นแก่ตัว " ด้วยความจริงใจ -- นางแนท คิง โคล
เรื่องราวของเธอกับชายหนุ่มผิวขาว ถูกนำไปพูดคุยอย่างกว้างขวางในสังคมอเมริกัน และเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในเรื่องการแบ่งแยกสีผิว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในอีก 42 ปีต่อมาประเทศอเมริกา มีประธานาธิบดีผิวดำชื่อ บารัคโอบามา ที่คนอเมริกันทั้งผิวขาวและผิวดำต่างให้การยอมรับ
......น้ำใจสามารถทำให้โลกนี้เปลี่ยนแปลงได้ หากคนไทยมีน้ำใจและให้โอกาสแก่กัน
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากในอีก 20 ปี ข้างหน้าจะมีนายกชื่อ ไหนจิ่ง แซ่เล่า จากดอยตุง บักหำหล้า
จากทุ่งกุลาร้องไห้ โซ๊ะเจ๊ะมา จากพัทลุง หรือแม้แต่ หลินปิง จากเชียงใหม่.........
คัดมาจาก ในฟอร์วาดเมล์
*** น้ำใจสามารถทำให้โลกนี้เปลี่ยนแปลงได้ หากคนไทยมีน้ำใจและให้โอกาสแก่กัน
*** แวะมาทักทาย ด้วยความสนใจบันทึกนี้ค่ะ
ผมเห็นด้วยครับ
ว่า พลังน้ำใจสามารถ เปลี่ยนแปลงโลก
ผมได้แรงบันดาลใจมาจาก หนังเรื่อง pay it forword
ผมจึงได้ หาญกล้าทำ all in project ครับ
ด้วยความยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ