อ่านบทความ “มะเร็งตับ รอให้มีอาการก็สายเสียแล้ว” จาก มติชน วันที่ 12 ธ.ค. 52 แล้วมองตัวเองก็นับว่าเป็นเรื่องที่ห่างกันแค่องคุลีเองนะ จึงอยากสรุปความรู้ที่ได้รับมาสอนตัวเองและแบ่งปันคนอื่น ๆ บ้างครับ
ความรู้ที่ได้คือ รู้ว่า มะเร็งตับ จะหมายถึง มะเร็งของเซลล์ตับเป็นหลัก ทั้งนี้ เพราะใน "ตับ" นั้น ประกอบด้วยเซลล์ที่เป็นองค์ประกอบหลักมี 2 ชนิด คือ เซลล์ตับ เซลล์ท่อน้ำดี
อาการและการแสดงของโรคมะเร็งเซลล์ตับและมะเร็งเซลล์ท่อน้ำดีจะมีความแตกต่างกันพอสมควร ที่นี้อธิบายเฉพาะมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ตับเท่านั้น
น.พ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ (รอง ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ) แนะนำให้รู้จัก “ตับ” “โดยลองนึกภาพชุมชนที่อยู่ได้ด้วยการพึ่งพาผลผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในชุมชนนั้น โดยทำการผลิตทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นปัจจัย 4 รวมทั้งสารพัดผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของคนในชุมชน ผลิตเสร็จจะส่งออกไปสู่ร้านรวงต่างๆ ในชุมชน และจะมีโกดังในโรงงานเป็นสต๊อคสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในชุมชน และในโรงงานนี้มีระบบกำจัดขยะและของเสียที่ใหญ่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในชุมชน ทำหน้าที่กำจัดของเสียของโรงงานของตัวเองและรับหน้าที่เทศบาลกำจัดของเสียให้ทุกครัวเรือนในชุมชนนั้นอีกด้วย”
ชุมชนนั้นคือ ร่างกายของเรา ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ว่า ก็คือ "ตับ" นั่นเอง
สรุปว่าโรงงานนี้มีหน้าที่หลัก 3 อย่าง คือ "ผลิต" "จัดเก็บ" และ "ทำลาย"
การทำงานของโรงงานมีประสิทธิภาพสูง อาจมีเครื่องจักรกลชำรุดเสียหายบ้าง แต่ก็แก้ไขกันไปได้ ชุมชนภายนอกอาจไม่รู้สึกหรือไม่รับรู้ถึงความผิดปกติต่างๆ แต่เมื่อความเสียหายทวีความรุนแรงมากขึ้นร่างกายของเราจึงเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
กรณีมะเร็งของเซลล์ตับ ส่วนใหญ่จะเริ่มแสดงอาการ เมื่อก้อนมีขนาดใหญ่หรือเซลล์มะเร็งมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ จนรบกวนการทำงานของเซลล์ตับปกติที่มีปริมาณลดลงโดยลำดับ
อาการยอดนิยมของมะเร็งเซลล์ตับ
1. เบื่ออาหาร
2. น้ำหนักลด
3. ปวดหรือแน่ท้องใต้ชายโครงขวาหรือแน่นทั่วๆ ท้องกรณีมีภาวะท้องมานร่วมด้วย
การเกิดมะเร็งตับ แบ่งเป็น 2 แบบ
1. แบบแรกจากการกลายของเซลล์ตับปกติ
2. แบบที่สองเกิดจากการกลายของเซลล์ตับที่อักเสบเรื้อรัง มีกระบวนการอักเสบของเซลล์ซ้ำๆ บ่อยๆ เช่น จากเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรังชนิดบีหรือชนิดซี
การปฏิบัติตัวให้ห่างไกลจากโรคนี้
1. "รู้เขา" หมายถึง พวกเขาที่เราต้องอยู่ห่างๆ ชอบมาทำร้ายตับของเราและเป็นมะเร็งเซลล์ตับในที่สุด อันได้แก่
1.1 อาหารที่มีการปนเปื้อนของสารพิษชนิดหนึ่งที่ชื่อ อะฟลาทอกซิน (Afatoxin) ที่เกิดจากเชื้อราในสารพัดอาหารแห้งทั้งหลายภายใต้สภาพภูมิอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา เช่น ถั่ว พริกป่น พริกแห้ง หอมแดง และอื่นๆ อีกมาก
1.2 เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
1.3 ไวรัสตับอักเสบเรื้อรังชนิดบีและชนิดซีที่เข้าสู่ร่างกายเราทางเพศสัมพันธ์และทางเลือด
2. "รู้เรา"
2.1 ต้องรู้ว่าเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเซลล์ตับหรือไม่ ได้แก่
- กลุ่มที่เป็นพาหนะของโรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรังชนิดบีและชนิดซี
- บุคคลที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นมะเร็งเซลล์ตับ ผู้ป่วยโรคตับแข็ง
- พวกกลุ่มเสี่ยงที่ลืมไม่ได้เลยคือบรรดานักดื่ม ตับเหล็กคอทองแดงทั้งหลาย
2.2 ต้องดูแลเอาใจใส่ตัวเรา รักษาสุขภาพ จะใช้หลัก "3 อ." คือ อาหาร อากาศ ออกกำลังกาย หรือ "5 ทำ" ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ คือ ออกกำลังกายเป็นนิจ ทำจิตแจ่มใส กินผักผลไม้ ตรวจร่างกายเป็นประจำ ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ประการสุดท้ายที่ว่า ตรวจร่างกายเป็นประจำ โดยต้องเจาะลึกเรื่องการค้นหามะเร็งในระยะเริ่มต้น ในกรณีที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อมะเร็งนั้นๆ
การตรวจเลือดหาระดับสารบ่งชี้มะเร็งตับที่เรียกว่า อัลฟา-ฟีโตโปรตีน (Alpha-fetoprotein หรือ AFP) เพิ่มอีกหนึ่งรายการ ถ้าเจ้าค่า AFP มีค่าปกติ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เป็นมะเร็งตับ ณ เวลานั้นเพราะอาจเป็น 3 ใน 10 รายที่เป็นมะเร็งตับชนิดนี้ โดยที่มีค่า AFP อยู่ในระดับปกติ
การตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นทางรังสีวิทยาที่สามารถเห็นภาพตับ เป็นการตรวจโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงหรืออัลตราซาวด์ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความละเอียดถี่ถ้วนของรังสีแพทย์ผู้ทำการตรวจ (Operator dependent) มากพอสมควร ความถี่ก็แล้วแต่ตกลงกับแพทย์ อยู่ในช่วงทุก 3-6 เดือนอย่างสม่ำเสมอ
ยินดีครับคุณ
ขอบคุณครับ คุณ
ขอบคุณครับ ที่แวะมาอ่านและกำลังใจครับ