พระราชดำรัสที่ว่าด้วย "จิตวิทยาแห่งธรรมะ"
รวบรวมโดย...รศ.ดร.โสรีช์ โพธิแก้ว
๑. จิตใจต่ำทรามนั้น คือ จิตใจที่อ่อนแอ ไม่กล้า และไม่อดทนที่จะประกอบความเพียรพยายามเพื่อความดี และความสำเร็จที่ถูกต้อง เป็นธรรม หากแต่เห็นแก่สะดวก เอาแต่ง่ายเข้าว่า โดยไม่คำนึงถึงคุณงามความดี จิตใจเช่นนี้ จึงทำให้บุคคลเป็นคนมักง่าย ยอมเกลือกลั้วอยุ่กับสิ่งเลวทราม และทุจริต
๒. ผู้ประสงค์ความเจริญก้าวหน้า ควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาเรื่องรากฐาน จะกล่าวถึงรากฐานก่อน รากฐานที่นับว่าสำคัญ คือ รากฐานทางจิตใจ อันได้แก่ ความหนักแน่น มั่นคงในสุจริตธรรม
๓. ขอให้เข้าใจว่า ปัญญา อันได้แก่ ความรู้ ความฉลาดที่เกิดขึ้นโดยความคิดพิจารณาตามเหตุผลอันถูกต้องแยบคาย เป็นทั้งรากฐาน และปัจจัยสำคัญแท้จริงของการงานทั้งปวง ถ้าประมาทปัญญา ไม่ใช้ปัญญาเป็นหลักทำงาน อคติความลุ่มหลง ความเพ้อฝันจะเข้ามาแทนที่ แล้วจะหวังอะไรได้ นอกจากความวิบัติเสียหาย
๔. ความมีปัญญานั้นอธิบายได้มาก แต่มีความหมายสำคัญรวบยอดอยู่ประการหนึ่ง คือ หมายถึงความสามารถเข้าใจอย่างถูกต้อง ถ่องแท้ และตรงจุด ไม่มีความลังเล สับสนหรือยึดติด อยู่กับสิ่งที่มิใช่สาระ ดังนี้ ผู้มีปัญญาหรือผู้มความเข้าใจ จะแก้ไขปัญหาอันใดก็ลุล่วงเรียบร้อย จะร่วมมือร่วมงาน กับผู้ใดก็ราบรื่น
๕. ความมีสตินั้นจะช่วยให้สามารถศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างละเอียดประณีต คือ เมื่อจะศึกษาสิ่งใด ก็จะพิจารณากลั่นกรองสิ่งที่มิใช่ความถูกต้องแท้จริงออกเสียก่อน เพื่อให้ได้มาแต่เนื้อแท้ที่ปราศจากโทษ
สวัสดีค่ะ..คุณน้องปัญญฎา ประดิษฐบาทุกา..มาเยี่ยม..และอ่านสาระที่มีข้อคิด..เพื่อนำไปปฏิบัติเกิดผลดีต่อตัวเองและผู้อื่น..ขอบคุณมากนะคะ
บรรยากาศยามนี้สงบเย็น
ขอน้อมรับพระราชดำรัสที่ว่าด้วย "จิตวิทยาแห่งธรรมะ" ยามค่อนคืนคะ
สวัสดีค่ะ มาร่วมเทอดไท้องค์ราชัณย์ด้วยคนค่ะ ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้น่ะค่ะทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
เรียน คุณพี่ Rinda คุณเพชรรัตน์ และคุณครูบันเทิง
ขอบคุณมากคะที่ร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และเจริญรอยตามคำพ่อสอน
ด้วยรักและความจริงใจ
หากคนเราทำตามพระราชดำรัชได้ทั้งหมด
คงดีกับตัวเองขึ้นเยอะเลยนะค่ะ
ขอบคุณค่ะสำหรับบทความดีดี
ขอน้อมรับพระราชดำรัสที่ว่าด้วย "จิตวิทยาแห่งธรรมะ" เพื่อนำไปปฏิบัติเกิดผลดีต่อตัวเองและผู้อื่นและร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และเจริญรอยตามคำพ่อสอน
จากใจ