ชื่อเรื่อง การศึกษาและการแก้ปัญหานักเรียนโรงเรียนศึกษานารีชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 6 กลุ่ม ก.
โดยใช้ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ผู้วิจัย นางทองสุข ทับเจริญ
ปีที่วิจัย 2548
วัตถุประสงค์การวิจัย
1. เพื่อศึกษาสถานภาพส่วนตัวด้านต่าง ๆ ของนักเรียนโรงเรียนศึกษานารี ชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 1 ห้อง 6 กลุ่ม ก.
2. เพื่อศึกษาผลการแก้ปัญหานักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 6 กลุ่ม ก.
วิธีการดำเนินการวิจัย
1. ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 6
กลุ่ม ก. จำนวน 29 คน
2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
2.1 แบบสำรวจสถานภาพส่วนตัวของนักเรียนด้านต่าง ๆ (ระเบียนสะสม)
2.2 แบบประเมินสุขภาพจิตและพฤติกรรมนักเรียน (SDQ)
2.3 แบบบันทึกสถิตินักเรียนจำแนกตามกลุ่มการช่วยเหลือ
2.4 แบบรายงานผลการช่วยเหลือนักเรียน
การเก็บรวบรวมข้อมูล
1 ผู้วิจัยให้นักเรียนกรอกข้อมูลสถานภาพส่วนตัวในระเบียนสะสม
2 แจกแบบ SDQ ให้นักเรียนประเมินในห้องเรียนและให้ผู้ปกครองประเมินในวัน
ประชุมผู้ปกครองและผู้วิจัยเป็นผู้ประเมิน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งเป็น 2 ชุดคือ
1. ระเบียนสะสม เป็นแบบบันทึกประวัตินักเรียน ประกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูล
ส่วนตัว ข้อมูลครอบครัว ข้อมูลด้านการศึกษาและข้อมูลด้านสุขภาพ
2. แบบประเมินสุขภาพจิตและพฤติกรรมนักเรียน(SDQ) จำนวน 21 ข้อ แบ่งเป็น
3 ฉบับคือนักเรียนประเมินตนเอง ครูและผู้ปกครองประเมินนักเรียน แบ่งเป็น 5 ด้านคือ
ด้านอารมณ์ ด้านความประพฤติ ด้านพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง ด้านบุคลิกภาพและความสัมพันธ์กับเพื่อน
และด้านสัมพันธภาพทางสังคม
การสร้างเครื่องมือสำหรับการวิจัย
ผู้วิจัยใช้เครื่องมือในการวิจัยซึ่งสร้างโดยกรมสุขภาพจิตและงานระบบดูแลช่วยเหลือ
นักเรียนโรงเรียนศึกษานารี
การวิเคราะห์ข้อมูล
1. นำระเบียนสะสมมาวิเคราะห์รายด้าน โดยใช้ค่าความถี่และร้อยละ
2. ข้อมูลด้านสุขภาพจิตที่วัดได้จาก SDQ นำมาตรวจให้คะแนนและแปลผลตามที่
กรมสุขภาพจิตกำหนดเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยงและมีปัญหา
3. การรายงานผลการแก้ปัญหานักเรียนเขียนรายงานในเชิงบรรยายผลการดำเนินการ
สรุปผลการวิจัย
ตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับตัวนักเรียน จำแนกเป็นรายด้านดังนี้
1. การศึกษาสถานภาพนักเรียนด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรมพบว่า กลุ่มปกติสูงสุด
ร้อยละ 100 คือด้านสารเสพติด สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงสุดได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ 31.03
และกลุ่มมีปัญหาสูงสุดได้แก่ ด้านการเรียน ร้อยละ 10.34
2. การศึกษาสถานภาพนักเรียนข้อมูลด้านส่วนตัวด้านอายุส่วนใหญ่นักเรียนจะมีอายุ
12 ปี ร้อยละ 86.20 ภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพสูงสุด ร้อยละ 82.75 ลักษณะการพักอาศัยสูงสุด
พักกับบิดา-มารดา ร้อยละ 79.31 และที่พักส่วนใหญ่เป็นบ้านพักส่วนตัว ร้อยละ 51.72 และ
จำนวนเงินที่ได้รับรายวันส่วนใหญ่ 50 – 100 บาท ร้อยละ 86.66
3. การศึกษาข้อมูลครอบครัวส่วนใหญ่บิดามีอายุ 30-40 ปี ร้อยละ 33.33 มารดามีอายุ
ส่วนใหญ่ 30 – 40 ปี ร้อยละ 41.37 ด้านการศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่บิดามีการศึกษาต่ำกว่ามัธยม
ศึกษาตอนต้น ร้อยละ 24.13 มารดาส่วนใหญ่มีการศึกษาต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 31.03 ด้านอาชีพของบิดาสูงสุดร้อยละ 41.37 มีอาชีพรับจ้าง สำหรับมารดาสูงสุดร้อยละ 24.14 ประกอบด้วย 2 อาชีพคือ รับจ้างและแม่บ้าน
4. การศึกษาสถานภาพส่วนตัวด้านเศรษฐกิจและจำนวนสมาชิกในครอบครัวพบว่า
ส่วนใหญ่ไม่มีหนี้สิน ร้อยละ 56.66 และส่วนใหญ่ ร้อยละ 26.66 มีสมาชิกในครอบครัว 4 คน
5. การศึกษาความถนัดและความสนใจทางด้านการเรียนพบว่า วิชาที่นักเรียนสนใจ
อันดับ 1 มากที่สุดร้อยละ 16.66 คือวิชาภาษาไทยและคณิตศาสตร์ นอกนั้นร้อยละ 50 ไม่ระบุ
ว่าชอบวิชาใดเป็นพิเศษ
6. การศึกษาข้อมูลด้านสุขภาพพบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ร้อยละ 51.72 มีเลือดหมู่ B
และร้อยละ 93.10 ไม่มีโรคประจำตัว ส่วนน้อยที่เป็นโรคภูมิแพ้คือ ร้อยละ 13.33 สำหรับ
ด้านสายตาพบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ร้อยละ 75.86 มีสายตาปกติ นักเรียนส่วนใหญ่ร้อยละ 24.14
สวมใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ นักเรียนร้อยละ 100 ไม่มีความบกพร่องทางการได้ยินและร้อยละ 96.56 ไม่มีความบกพร่องทางร่างกาย สำหรับนักเรียนร้อยละ 93.10 ไม่เคยป่วยหนักหรือได้รับอุบัติเหตุร้ายแรง
ตอนที่ 2 การรายงานการแก้ปัญหานักเรียนโดยใช้ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
1. การศึกษานักเรียนกลุ่มที่มีปัญหาพบว่า การแก้ปัญหานักเรียนต้องใช้วิธีหลากหลาย
นักเรียนกลุ่มที่ผู้วิจัยรับผิดชอบมีปัญหาด้านการเรียน 3 คนคือ โดยเฉพาะเลขที่ 9 นักเรียนเรียนช้าและทำงานไม่ทันจึงจัดกลุ่มเพื่อนให้ดูแลและเชิญผู้ปกครองเพื่อมาพบและพูดคุยหาทางแก้ปัญหา
สำหรับเลขที่ 28 มีปัญหาทุกด้านเนื่องจาก นักเรียนอยู่ในชุมชนแออัดหลังโรงพยาบาลตากสิน ผู้วิจัยเยี่ยมบ้านและพูดคุยกับผู้ปกครอง จัดกลุ่มนักเรียนให้ช่วยเหลือ ติดตามดูแลนักเรียนทุกวันและทุกครั้งที่เข้าสอน ภายหลังนักเรียนพัฒนาขึ้นทำงานและการบ้านทันทุกวิชา เลขที่ 30 มีปัญหาด้านการเรียนได้ดำเนินการเช่นเดียวกับเลขที่ 9 ให้ทำตารางส่งงานให้ที่ปรึกษาเซ็นรับทราบ
อภิปรายผล
จากการศึกษาข้อมูลทั่วไปของนักเรียนด้านต่าง ๆ เนื่องจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ห้อง 6 ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนค่อนข้างดีสอดคล้องกับการศึกษาที่พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่อยู่ใน
กลุ่มปกติ มีเพียงเล็กน้อยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีปัญหา กลุ่มที่เสี่ยงเป็นการเสี่ยงด้านการเรียน
ร้อยละ 24.3 ซึ่งภายหลังการแก้ปัญหานักเรียนกลุ่มนี้ได้รับความช่วยเหลือดูแลจากที่ปรึกษา
สามารถช่วยเหลือได้สอบผ่านทุกรายวิชา สำหรับกลุ่มเสี่ยงด้านเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่โรงเรียน
แก้ไขไม่ได้ แต่พอช่วยเหลือได้คือ ให้ทุนการศึกษากับนักเรียน แต่ช่วยได้ไม่มากเนื่องจากทุน
มีมูลค่าน้อยแต่พอทุเลาลงได้ สำหรับกลุ่มเสี่ยงด้านสุขภาพ ครูที่ปรึกษาได้พูดคุยกับผู้ปกครอง
และครูพยาบาล พร้อมทั้งให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติเรื่องลาโรงเรียนเมื่อต้องไปพบแพทย์และต้องลา
โรงเรียนหรือต้องมาโรงเรียนสาย ช่วยสังเกตและบันทึกพฤติกรรมให้กับแพทย์ที่ดูแลนักเรียน
มี 1 คนที่ได้ดำเนินการ และพบว่านักเรียนมีอาการที่ดีขึ้น นอกจากนั้นในขณะสอนได้จัดกิจกรรม
พัฒนานักเรียนโดยใช้คำถามและให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น ให้กำลังใจนักเรียนทั้งคำตอบที่ถูก
และผิด
ด้านอายุของผู้ปกครองทั้งบิดามารดาพบว่ามีอายุในช่วง 30 – 40 ปี แสดงให้เห็นว่าผู้ปกครองมีวุฒิภาวะพอที่จะอบรมสั่งสอนนักเรียน ด้านการศึกษาส่วนใหญ่ผู้ปกครองมีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นประมาณหนึ่งในสี่ของทั้งหมด และมีระดับปริญญาตรีบ้างเล็กน้อยซึ่งสอดคล้องกับที่ครูที่ปรึกษาได้ไปพบผู้ปกครองขณะเยี่ยมบ้านหรือพบในวันพบผู้ปกครองพบว่าผู้ปกครองบางครอบครัวไม่สามารถอบรมบุตรหลานได้ บางบ้านจะมีความเข้มงวดมากเกินไป บางครอบครัวไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่ จากการเยี่ยมบ้าน 29 หลังพบว่า ร้อยละ 70 ผู้ปกครองมีการดูแลนักเรียนอย่างเหมาะสม อีกร้อยละ 30 มีคุณภาพชีวิตไม่ดี อยู่ในสลัมและชุมชุนแออัด เช่นชุมชนแออัดหลังโรงพยาบาลตากสิน ชุมชนแออัดหลังวัดกัลยาณ์ ชุมชนแออัดมัสยิดในกฎีขาว ชุมชนแออัดมัสยิดต้นสน และชุมชนแออัดหลังบางใส่ไก่ นักเรียนเหล่านี้เมื่อใช้แบบประเมินสุขภาพจิตและพฤติกรรมนักเรียนรวมทั้ง ศ.น.คัดกรอง 3 แล้วส่วนใหญ่มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ มีเพียง 1 คนที่มีความเสี่ยงทุกด้านคือ นักเรียนที่อยู่ในชุมชุนแออัดหลังโรงพยาบาลตากสิน
ผลการแก้ปัญหานักเรียนทุกคนได้รับการแก้ปัญหาดีขึ้น ยกเว้นนักเรียนที่มีปัญหาด้าน
เศรษฐกิจจะต้องได้รับการช่วยเหลือด้านทุนการศึกษาในชั้นเรียนต่อไป สำหรับนักเรียนที่มีปัญหา
ด้านระเบียบวินัยจะต้องดูแลใกล้ชิดในชั้นเรียนต่อไป
เข้ามาเยี่ยมชมผลงานครับ
มาเยี่ยมชมผลงานครับ
ครูเเมว เป็นครูที่ดี ทาทางรักเด็กมากนะคะ
ครูเเมวคะ คิดถึงจังเลยคะ สบายดีหรือเปล่าคะ
เรียน คุณครูทองสุข ทับเจริญ
ดิฉันอ่านผลงานวิจัยของท่านแล้ว มีความเห็นว่าเป็นผลงานที่ดีน่าที่จะนำไปปฏบัติในโรงเรียนที่ดิฉันสอน จึงใคร่ขออนุญาติท่าน นำวิธีการดำเนินการวิจัยของท่านไปปรับใช้ในโรงเรียนของดิฉัน
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณครูทองสุข เจ้าของงานวิจัย และขอขอบคุณคุณครูจุลลดา ผู้เผยแพร่ มาณ.โอกาสนี้
จากครูบุ๋ม โรงเรียนบ้านเขาไม้เกวียน มวกเหล็ก
เรียน คุณครูทองสุข ทับเจริญ
ดิฉันอ่านผลงานวิจัยของท่านแล้ว มีความเห็นว่าเป็นผลงานที่ดีน่าที่จะนำไปปฏบัติในโรงเรียนที่ดิฉันสอน จึงใคร่ขออนุญาติท่าน นำวิธีการดำเนินการวิจัยของท่านไปปรับใช้ในโรงเรียนของดิฉัน
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณครูทองสุข เจ้าของงานวิจัย และขอขอบคุณคุณครูจุลลดา ผู้เผยแพร่ มาณ.โอกาสนี้
จากครูบุ๋ม โรงเรียนบ้านเขาไม้เกวียน มวกเหล็ก