วันที่ 27 พฤศจิกายน 2552
ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า "สวัสดี" กับท่านผู้อ่านที่รัก ทุกท่านนะคะ
เหตุที่ดิฉันเลือกตั้งชื่อบันทึกนี้ว่า "ถึงเวลาต้องมารู้จักกัน" นั้นก็เพราะมีเหตุปัจจัยหลายประการที่กระตุ้นและผลักดันให้ดิฉันต้องลุกขึ้นมาขอเขียนบล็อกนี้ในวันนี้
อันดับแรก ต้องขอขอบคุณ ครูจิ๋ว ทองพูล บัวศรี ผู้ประสานงานโครงการศูนย์เด็ก- ก่อสร้าง มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กัลยาณมิตรที่น่ารักที่ได้แนะนำให้ดิฉันเขียนบล็อก บอกเล่าเรื่องราวการทำงานวิจัยของตนเองแบ่งปันให้คนอื่นได้รับรู้บ้าง เมื่อเดือนที่แล้ว(ต.ค.) ในช่วงที่เราได้ทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้นในการเก็บข้อมูลภาคสนามโดยการสัมภาษณ์ระดับลึกและการสนทนากลุ่ม และลงพื้นที่เพื่อสัมผัสชีวิตของเด็กเร่ร่อนในจังหวัดต่างๆ ในโครงการถอดบทเรียนรูปแบบการช่วยเหลือเด็กเร่ร่อน : ในกรณีของครูข้างถนนและบ้านพักสำหรับเด็ก(เด็กเร่ร่อน) ซึ่งดิฉันก็เห็นด้วยนะแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ เพราะยังติดข้ออ้างสามัญประจำบ้าน คือ ไม่ค่อยมีเวลาน่ะ
จนมาถึงเช้าวันนี้ ในที่ประชุมภาคีเครือข่ายชุดโครงการพัฒนาการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสาธารณะด้านสิทธิที่เชื่อมโยงกับสุขภาวะ โรงแรมรามาการ์เด้น ซึ่งครูจิ๋วไปรายงานความคืบหน้าโครงการ มี นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ ผู้จัดการชุดโครงการฯ นายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขาฯ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ(มสช.) และทีมงานรับผิดชอบเว็บไซด์ชุดโครงการฯ คือ คุณบรรพต แก้วสว่าง และคุณจิระวัฒน์ แสงภักดี ก็ทำให้ดิฉันได้รับข้อมูลเพิ่มเติมถึงประโยชน์ของการเขียนบล็อกอีกว่าเราสามารถที่จะสื่อสารความคิดและผลงานไปสู่การรับรู้ของสังคมวงกว้างได้อย่างไม่ต้องเหนื่อยหนักกับการที่จะต้องรอให้ผลงานเข้าตาสื่อกระแสหลัก เช่น ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ เป็นต้น ดิฉันเริ่มปิ๊งไอเดีย และมีแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้นและบอกตัวเองว่าเราจะต้องหาเวลามาทำเรื่องนี้แล้วนะ แต่ว่าทำวันนี้เลยไหม ใจยังบอกว่า เอาไว้ก่อน ยังมีเรื่องอื่นที่ด่วนกว่านี้ต้องทำน่ะ (ดูสิคะว่าการผัดวันประกันพรุ่งยังมีอยู่ อิอิ)
แต่แล้วในที่สุดปัจจัยสุดท้ายที่น่าจะเรียกว่า "บุญถีบ" (ขออภัย ถ้าท่านคิดว่าเป็นคำไม่สุภาพนะคะ) ก็มาถึง โดยไม่คาดคิดว่าจะมีฤทธิ์แรงทำให้ดิฉันต้องลุกมาเขียน ก็คือ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในห้างไอทีซิติ้ (ซึ่งดิฉันแวะไปจ่ายค่าโทรศัพท์และเดินดูกระเป๋าเป้สำหรับใส่โน๊ตบุ๊ค) เสียงปลายสายเป็นเสียงของน้องรณ รณภูมิ สามัคคีคารมย์ นักวิจัยประจำศูนย์ศึกษานโยบายสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล โทรมาบอกว่า "พี่อ้วน ได้อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้ไหม ไทยรัฐกับผู้จัดการเขาลงข่าวเกี่ยวกับบทความที่พี่อ้วนกับไกด์นำเสนอในงานเพศวิถีศึกษาเมื่อวานนี้ด้วยนะ ไกด์โทรมาบอกว่ามันออกแนวเชิงลบหน่อยๆ น่ะ พี่อ้วนลองเช็คดูนะ" เมื่อลองเข้าเว็บไปอ่านข่าวก็เข้าใจนะว่าสื่อเขาต้องพลาดหัวข่าวให้มันดูหวือหวา น่าสนใจ แต่ก็ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นเหมือนกันว่า เออ คงถึงเวลาแล้วมั๊ง ที่เราคงต้องเขียนบล็อกของตัวเองบ้าง เพื่อให้ข้อมูลรอบด้านมากขึ้นและอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความเข้าใจกับสังคม และช่วยกันขยายข่าวดีให้มีที่ยืนบนพื้นที่สื่อบ้างบนพื้นฐานของความเป็นจริง ที่เปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้คิดวิเคราะห์และพิจารณาอย่างอิสระไม่ถูกชี้นำหรือกำหนดด้วย"เลนส์" บางสีหรือบางมุมมองที่อาจจะแคบเกินไป
ค่ะ ฉบับนี้ก็ขอแนะนำตัว ถึงที่มาที่ไปที่ทำให้เราได้มารู้จักกันก่อนนะคะ แล้วฉบับหน้าพบกันใหม่ค่ะ อ้อ ลืมบอกไปว่าบทความที่ดิฉันไปนำเสนอนั้นชื่อว่า "รักอย่างไร ที่วัยรุ่นต้องการ" ค่ะ มีโอกาสจะโพสต์ให้อ่านนะคะ
ด้วยความรัก
แววรุ้ง
น่าสนใจมากคะเรื่องราวที่คุณเกริ่นมาและจะติดตามอ่านผลงานของคุณคะ
เพราะเป็นเรื่องที่ทิพย์สนใจติดตามอยู่คะ
เคยลงพื้นที่ภาคประชาสังคมอยู่คะ
ขอบคุณมากค่ะ คุณทิพย์
ต้องขออภัยที่ตอบช้านะคะ มือใหม่หัดเขียนบล็อกน่ะค่ะ
ยังไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ ใครเก่งเรื่องนี้ช่วยแนะนำด้วยค่ะสนใจเรื่องการเขียนบล็อก โปรดพิจารณาที่ ครูอ้อยกับคอมพิวเตอร์
ขอบคุณมากค่ะ ครูอ้อยที่น่ารัก
สวัสดีครับพี่ อ้วน
ผมเข้าไปหาข้อมูลแล้วยังหาไม่พบครับ
ขอบคุณมากครับ
เตย