ผลการดำเนินงานคลินิกสุขภาพดีโรงพยาบาลมโนรมย์

ผู้รับบริการในคลินิกสามารถลดน้ำหนัก ลดรอบเอว และมีค่าความดันโลหิต อยู่ในระดับที่ดีขึ้น

ผลการดำเนินงานคลินิกสุขภาพดีโรงพยาบาลมโนรมย์

เดือนมิถุนายน –กันยายน 2552

กลุ่มผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงเข้ารับบริการจำนวน 79 คน แต่มารับบริการต่อเนื่อง 2 ครั้ง

ขึ้นไปสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้จำนวน 39 คน

ตารางที่ 1 จำนวนผู้รับบริการแยกรายเดือน

เดือน	จำนวน	ร้อยละ
มิถุนายน 2552	3	3.80
กรกฎาคม 2552	2	2.53
สิงหาคม 2552	17	21.52
กันยายน 2552	57	72.15
รวม	79	100

ระยะแรกเป็นการทดลองทำให้ระบบเกิดความคล่องตัวจึงรับผู้ป่วยจำนวนจำกัด และการประสานงานกับคลินิกพิเศษยังไม่ลงตัว ผู้ป่วยจากคลินิกเบาหวานและความดันโลหิตสูงถูกส่งมารับบริการในคลินิกสุขภาพดีเดือนกันยายน 2552 มากที่สุด เพราะทีมงานมีความพร้อมให้บริการ

ตารางที่ 2 จำนวนผู้รับบริการแยกรายโรค

โรค	เพศ		รวม	ร้อยละ
โรค	ชาย	หญิง	รวม	ร้อยละ
กลุ่มเสี่ยง	0	20	20	25.32
โรคความดันโลหิตสูง	4	23	27	34.18
โรคเบาหวาน	1	10	11	13.92
โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง	2	17	19	24.05
โรคมะเร็งเต้านม	0	2	2	2.53
รวม	7	72	79	100

ผู้รับบริการส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่สมัครใจเข้าร่วมกิจกรรม การมารับบริการด้วยความสนใจจะมีผลต่อการมารับบริการตามนัด การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก และรอบเอว เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้ป่วยเป็นส่วนใหญ่การนัดหมายต้องสอดคล้องกับการมาตรวจตามแพทย์นัด

ตารางที่ 3 จำนวนผู้รับบริการแยกเพศ

เพศ	จำนวน	ร้อยละ
ชาย	7	8.86
หญิง	72	91.14
รวม	79	100

มีผู้ป่วยหญิงมากกว่าชายและผู้หญิงให้ความสนใจรูปร่างมากกว่าผู้ชาย แต่เมื่อมารับบริการให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามคำแนะนำ ได้ไม่แตกต่างกัน

ตารางที่ 4 ระดับความดันโลหิตแยกตามกลุ่มโรค

ค่าความดันโลหิต	ก่อนเข้าคลินิก		ในคลินิก
ค่าความดันโลหิต	จำนวน	ร้อยละ	จำนวน	ร้อยละ
<120/80mmHg	3	8.33	8	22.22
≥120-139/80-89mmHg	22	61.11	22	61.11
≥140/90mmHg	11	30.56	6	16.67
รวม	36	100	36	100

ตารางที่ 5 การเปลี่ยนระดับความดันโลหิตภายหลังเข้ารับบริการ

การเปลี่ยนระดับความดันโลหิต	จำนวน	ร้อยละ
ลดลง 1 ระดับ	13	36.11
ระดับคงที่	20	55.56
เพิ่มขึ้น 1 ระดับ	3	8.33

หลังเข้ารับบริการระดับความดันโลหิตมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงดีขึ้น มีการเปลี่ยนระดับความดันโลหิตแยกตามกลุ่มโรคไปสู่ระดับที่ดีขึ้น

ตาราง 6 การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก

น้ำหนัก	จำนวน	ร้อยละ
ลดลง 0-2 กิโลกรัม	15	38.46
ลดลง >2-3 กิโลกรัม	7	17.95
ลดลง >3-4 กิโลกรัม	3	7.69
ลดลง >4 กิโลกรัม	7	17.95
เพิ่มขึ้น	6	15.39
คงที่	1	2.56
รวม	39	100

ผู้รับบริการลดน้ำหนักได้ 4.4 กิโลกรัมใช้เวลา 1 เดือนจำนวน 1 คน รองลงมาลดน้ำหนักได้ 5.8กิโลกรัมใช้เวลา 1.5 เดือนจำนวน 1 คน

ตาราง7 การเปลี่ยนแปลงของเส้นรอบเอว

เส้นรอบเอว	จำนวน	ร้อยละ
ลดลง	21	53.85
เพิ่มขึ้น	6	15.38
คงที่	8	20.52
วัดไม่ครบ	4	10.25
รวม	39	100

ผู้รับบริการมีรอบเอวระหว่าง 82 -118 เซนติเมตร มีรอบเอวเกิน 100 เซนติเมตรจำนวน 12 คนคิดเป็นร้อยละ 30.77 รอบเอว 90-99 เซนติเมตร จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 35.90

ตาราง8 ขนาดเส้นรอบเอวที่ลดลง

ลดลง	จำนวน	ร้อยละ
1-4 เซนติเมตร	12	57.14
5-9 เซนติเมตร	8	38.10
≥10	1	4.76
รวม	21	100

ผู้รับบริการที่สามารถลดรอบเอวได้ 10 เซนติเมตรเป็นกลุ่มเสี่ยง มารับบริการ จำนวน 3 ครั้งในเวลาเดือนครึ่ง (82 ซม.เหลือ 72 ซม.) กลุ่มที่ลดได้ 1-4 เซนติเมตร มีค่าเฉลี่ย 2.33 เซนติเมตร ในระยะเวลาเฉลี่ย 1.8 เดือน กลุ่มที่ลดได้ 5-9 เซนติเมตร มีค่าเฉลี่ย 5.50 เซนติเมตร ในระยะเวลาเฉลี่ย 1.78 เดือน พบว่าระยะเวลา 1 เดือนสามารถลดรอบเอวได้ตั้งแต่ 2 -6 เซนติเมตร จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 28.57

จากข้อมูลข้างต้นเห็นได้ว่าการจัดบริการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพแก่กลุ่มผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง ในเบื้องต้นสามารถลดรอบเอว น้ำหนัก ระดับความดันโลหิต ได้ระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากระยะเวลาการมารับบริการแต่ละรายยังไม่ครบตามโปรแกรม การประเมินค่าระดับน้ำตาลในเลือด และไขมัน ต้องรอให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวตามคำแนะนำครบตามโปรแกรมที่กำหนด และจากผลงานข้างต้นคิดว่าทีมดูแลผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงของโรงพยาบาลมโนรมย์จะคัดกรองผู้ป่วยมารับบริการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ยินดีต้อนรับค่ะ

อังค์ริสา พินิจจันทร์

เขียนใน GotoKnow โดย manorom hospital
ใน สาระแนแชร์ความรู้

คำสำคัญ (Tags): #คลินิกสุขภาพดี#โรงพยาบาลมโนรมย์

หมายเลขบันทึก: 316638เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2009 23:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม 2012 22:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่าน