ร้องไห้เพราะไม่ได้กินส้มตำปลาเผา


เวลากิเลสความอยากอาหารมันบีบคั้นนี่ มันแรงมาก ๆ ส่งแรงกระทบไปที่ครู มากมาย ทั้ง ๆ ที่มันบีบคั้นใจหนู แต่หนูก็สาดไปที่ครูเต็ม ท่านสอนหนูให้หัดเมตตาตนเอง แต่หลายครั้งหลายคราก็ยังหักหาญและทำร้ายตนเองอยู่ เพราะรู้ไม่ทัน โชคดีที่มีครูท่าน คอยตักเตือน

ครูตั้งใจจะเดินทางไปภาวนา ณ วัดแห่งหนึ่ง ครูเมตตาพาหนูไปด้วย

วัตถุประสงค์ของครูที่มา ณ วัดอันศักสิทธิ์แห่งนี้ เพราะท่านปรารถนาหาคำตอบบางสิ่งบางอย่างให้ตัวท่านเอง แต่ท่านเมตตาพาหนูมาเรียนรู้ด้วยอีกคน อันที่จริงครูท่านเมตตาสอนหนูให้รู้จักการภาวนามาปีกว่าแล้ว แต่การปฏิบัติภาวนาของหนูก็ยังกระท่อนกระแท่น มีหลุมหลอก หลุมลวงกี่หลุมของกิเลส หนูก็ดูจะ เต็มใจกระโจนลงไป ให้ครูเหนื่อยลากขึ้นมาแทบทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ลำพังตัวท่านเองที่เร่งเพียรก็ทุกข์แสนสาหัสแล้ว ในเส้นทางแห่งนี้ ท่านเคยเล่าว่า

กว่าจะผ่านได้แต่ละด่านนั้นต้องใช้ความอดทนและสติปัญญามาก เหลาะ ๆ แหละ ๆ มันไม่ไหวหรอก

แต่จิตชั่ว ๆ ของหนูมันก็ไม่ลงใจ แต่ก็น่าแปลก ไม่ลงใจทั้งหมด แต่หนูก็มากับครูนะคะ ไม่รู้ทำไม หนูรู้แต่ว่า ต้องไป และต้องไปกับท่าน รู้อยู่แค่นี้

          หนูนั่งรถประจำทางจาก กทม.มาขอนแก่น เพราะหนูอยากร่วมเดินทางกับครู กว่าหนูจะมาถึงขอนก็ประมาณ ตีสาม ตีสี่ได้ค่ะ ครูท่านก็จะขับรถออกมารับหนู คิดดูซิค่ะ คุณครูของหนูท่านเสียสละขนาดไหน

          การที่หนูไปจากขอนแก่นหลายเดือนก็จะคิดถึง ส้มตำปลาเผามาก ๆ เหมือนมันคิดมาตลอด ส้มตำ ปลาเผา  ส้มตำ ปลาเผา  พอมาถึงหอพักของครู ท่านก็นั่งทำงานต่อ ทั้ง ๆ ที่หนูก็หลับในรถสนิทดี แต่พอถึงบ้านครู เจ้าความขี้เกียจมันก็กระโดดเกาะ ทำให้หนูนอนหลับต่อ 

         ตื่นขึ้นมาครูพาไปวิ่งออกกำลังกาย พากลับมาบ้าน อาบน้ำแต่งตัว ตลอดเวลาท่านก็สอนหนูว่า "ทำไม ไม่เอาชนะความขี้เกียจ" หนูจ๋อย พอครูถามว่าทานข้าวไปก่อนเลยไหม หนูยิ้มดีใจตอบว่า “ค่ะ” ก่อนเลี้ยวออกจากบ้านบอกครูว่า “ทานส้มตำ ปลาเผาแถว ๆ หอพักครูได้ไหมค่ะ” ท่านขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “อะไรวะ จะไปวัด แต่จะมากินส้มตำปลาเผา” หนูจ๋อย

         แต่ครูก็พาไป ไปร้านแรก ปิดร้าน ไปร้านที่สอง มีแต่ส้มตำไม่มีปลาเผา เพราะยังเช้าเกินไป ขับไปเรื่อย ๆ เจอร้านที่เราไม่เคยเข้า หนูเริ่มจ๋อยหนักนั่งเงียบแต่อยากกินมาก ๆ งอน โกรธ รู้สึกว่า “ไม่กินก็ได้” อย่างขุ่นมัว แต่ครูก็พาไปร้านสุดท้ายครานี้หนูไม่ลง แต่ครูลงไปถามว่า มีส้มตำปลาเผาไหม แล้วคำตอบก็คือ “ไม่มีค่ะ”

หนูนั่งอยู่ในรถได้ยินเสียงตอบของแม่ค้ารู้สึกสะเทือนใจมาก ๆ น้ำตาทะลักออกมา แทบดูไม่ได้ ความอยากมันบีบคั้นมาก

เพราะมันมีความคิดขึ้นมาว่า ที่ผ่านมาตั้ง 2 เดือนทานถั่ว และผัก เคร่งกันตนเองมาตลอด แล้วมันก็มีความคิดว่า ถ้ากลับมาขอนแก่นขอทานส้มตำปลาเผาหน่อยเหอะ เท่านั้นแหละ หนูร้องไห้ ออกมา

"เพราะไม่ได้ทานส้มตำปลาเผา"

หนูรู้สึกอึ้งเหมือนกัน

ร้องไห้ทำไม”  

พอเห็นตนเองร้องไห้ ก็เหมือนรู้สึกตัว หายใจเข้าลึก ๆ แล้วบอกครูว่า

"ไม่เป็นไรค่ะ ไปทานอาหารมังสวิรัส กันเถอะ"

 แต่ครูบอกว่า "งั้นไปที่โรงอาหารก็ได้ ที่นั่นน่าจะมี" เห็นความเมตตาของครูไหมค่ะ คิด ๆ แล้วก็ขำ แค่ไม่ได้กินส้มตำก็ร้องไห้

ครูก็เปรย ๆ ของท่านขำ ๆ ว่า "อย่างนี้แหละเรามีบารมี ฮ่า ๆ"

          พอมาถึงโรงอาหารจากเดิมที่บอกครูว่า “ไม่ทาน” พอครูบอกว่า "ไปสั่งเลย" เท่านั้นแหละ มันก็เดินไปสั่งได้มา 1 จานกับข้าวราด ครูเดินมาทักก่อนไปสั่งว่า “ดูมันดีใจ” จริง ๆคือ หนูไม่รู้ตัวว่าตนเองดีใจ พอนั่งทานหนูก็รู้สึกว่า ก็งั้น ๆ แหละ ไม่อร่อยเลย เฮ้อ

          เวลากิเลสความอยากอาหารมันบีบคั้นนี่ มันแรงมาก ๆ ส่งแรงกระทบไปที่ครู มากมาย ทั้ง ๆ ที่มันบีบคั้นใจหนู แต่หนูก็สาดไปที่ครูเต็ม ท่านสอนหนูให้หัดเมตตาตนเอง แต่หลายครั้งหลายคราก็ยังหักหาญและทำร้ายตนเองอยู่ เพราะรู้ไม่ทัน โชคดีที่มีครูท่าน คอยตักเตือน

          กราบขอบพระคุณค่ะ

หมายเลขบันทึก: 315612เขียนเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2009 06:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท