ใบขับขี่: มีไว้ทำไม
ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการ Road Safety ทุกคนย่อมรู้ดีว่าการสอบใบขับขี่ที่ง่ายเกินไปนั้น ย่อมมีผลต่อจำนวนและความรุนแรงของอุบัติเหตุจราจรบ้างไม่มากก็น้อย
เจอบันทึกที่เกี่ยวข้องกับใบขับขี่นี้มาโดยบังเอิญ ขอยกมาทั้งดุ้นโดยมิได้ Edit แต่อย่างใด
-
หัดขับรถ 4 วัน กับใบขับขี่รถเก๋ง
-
หลังจากที่หัดขับรถเก๋งมาได้ 4 วัน แต่แม่ยังไม่อยากให้ขับรถ เพราะยังไม่มีใบขับขี่
-
บวกกับถามชาวบ้านร้านช่องมา ว่าสอบใบขับขี่ ยากหนักหนา
-
แล้วเรามันก็พวก ยิ่งห้ามยิ่งยุ หรือพวกชอบลองดีซะด้วย
-
เลยไปสอบซะ
-
ใช้เวลาช่วงเช้าของวันที่ 12 เมษายน 2549 วันแรก หนเดียว
-
ผ่าน
-
ไม่รู้จะพูดยังไงดีอ่ะ คือ ภูมิใจ แต่ครึ่งเดียว เสียใจอีกครึ่งนึง
-
ภูมิใจคือ ขับ 4 วัน สอบหนเดียวผ่าน
-
เสียใจคือ ทำไม การสอบใบขับขี่เมืองไทย มันง่ายขนาดนี้
-
อันนี้ เป็นความคิด และความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆนะ
-
เพราะเมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่ผมไปสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ครั้งแรก มันสอบยากกว่านี้เยอะเลย ทั้งรถเก่ง และมอเตอร์ไซค์
-
เอาสมัยก่อนนะ การสอบ ทั้งรถเก๋ง และมอเตอร์ไซค์ ต้องให้สัญญาณมือ และไฟเลี้ยวทุกครั้ง ก่อนจะเลี้ยว หรือหยุด
-
สมัยนี้ ไม่เห็นมีใครให้สัญญาณกันเลย
-
รถเก๋ง เกียร์กระปุกล้วนๆ สภาพแต่ละคัน เรียกว่า วัตถุโบราณวิ่งได้ จะเหมาะกว่า เป็นรถขับมือเดียวทุกคัน เพราะอีกมือ ต้องคอยให้สัญญาณ และคอยจับประตู กันมันเปิด โอกาสเครื่องดับมีสูง โอกาสสอบตก จึงสูงตาม
-
การสอบ ก็มี 4 ขั้น
1 เดินหน้า และถอยหลังให้ตรงแนว
2 ถอยหลังเข้าซอง
3 จอดชิดขอบทาง
4 เลี้ยงคลัช รอขึ้นเนิน -
สมัยนั้น ที่ยากคือ ถอยหลัง กับ ขึ้นเนิน
-
สมัยนี้ การขึ้นเนิน ยกเลิกไปแล้ว!!
-
รถก็ใหม่เอี่ยม เงาวับ แต่มีรอบเจิมแล้ว
-
ตอนที่ไปสอบ ก็กลัวๆว่าจะไม่ผ่าน
-
แต่ด้วยความที่ไม่ซีเรียส เพราะคิดมาตลอดว่า ถ้าขับแค่ 4 วันแล้วผ่านเลย คงแปลก
-
แต่ดันผ่านเนี่ยดิ
-
แล้วที่สำคัญ ด่านถอยรถเข้าซองเนี่ย ผมไม่เคยหัดมาก่อนเลย เพราะไม่มีที่หัด และไม่มีคนคอยดู เลยกะไปตายเอาดาบหน้า คือ ไปหัดกันตอนสอบนั่นแหล่ะ
-
ส่วนขับขึ้นเนิน ก็เสียวๆ แต่ยกเลิกไปซะงั้น
-
ตอนสอบก็ ง่ายมากเลย
-
ขับรถเข้าซองไปตรงๆ แล้วก็ถอยหลังออกมา ถ้าเดินหน้าเข้าไปตรง ถอยออก มันก็ต้องตรงอยู่แล้ว
-
ยังมีคนขับชนเสาแฮะ
-
ถอยเข้าซอง ก็นึกว่าจะยาก
-
โห ช่องเบ้อเริ่ม ถอยจากด่านแรกมา ครึ่งคัน ก็หักพวงมาลัยไปซ้ายสุดรอเลย แล้วค่อยเคลื่อนรถถอยหลัง พอล้อหลังเข้าเส้น ก็หยุด แล้วหักพวงมาลัยไปขวาสุด แล้วถอยเข้าไปจนสุด หักพวงมาลัย มาซ้ายสุดอีกที เดินหน้า รถก็เข้าที่พอดีแล้ว
-
ง่ายชิหายเลย เอามอไซไปจอดตามห้าง ยังยากกว่านั้นเลย
-
ออกจากซอง ก็แค่ถอยหลังมาสุด หักพวงมาลัยขวาหมด ก็ออกพ้นแล้ว ไปจอดรอด่านเทียบฟุตพาตได้เลย
-
เทียบฟุตพาต จะบอกว่า ถ้าเข้าไปจอดในกรอบสีเหลืองตรงที่เขียนว่าหยุดได้พอดีนะ ไม่ต้องหักพวงมาลัยเลย ขับตรงไป ก็ห่างขอบแค่นิดเดียวพอดี
-
สามด่าน 5 นาที ผ่านหมด
-
ทีนี้ก็เลยเชื่อแล้ว ว่าทำไมพวกขับรถห่วยๆแม่งเต็มถนน กะโหลกกะลาล้วนๆเลย
-
แถมตอนเข้าไปยื่นเรื่องขอสอบใบขับขี่ ก็เจอพวกขายใบขับขี่ มอเตอร์ไซค์ 1500 รถเก่ง 2000
-
ผมว่านะ มันสอบกันง่ายขนาดนี้แล้ว ถ้าพี่ถึงกับต้องซื้อใบขับขี่กัน พี่อย่าขับรถเลย มันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับคนดีๆที่เขาขับรถดีๆน่ะ
-
ผมหัดขับรถได้แค่ 4 วันจริงๆ และก็ไม่เคยหัดถอยหลังมาก่อนจริงๆ
-
ขออภัย ถ้าแสดงความคิดเห็นแบบนี้ เป็นความคิดของผมเองล้วนๆครับ
Last Update : 13 เมษายน 2549 22:15:03 น.
ที่มา:http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sepultura-from-hell&group=3
ความเห็น
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในชนบท
ผู้ใหญ่ถามลูกบ้านว่า "ทำไมเราต้องมีใบขับขี่เวลาขี่รถด้วย"
"มีเอาไว้กันตำรวจจับคับ...ผู้ใหญ่" ลูกบ้านตอบ
คราวนี้ผู้ใหญ่ชมบ้าง
"ขี่รถเครื่องในหมู่บ้าน ไม่มีใครใส่หมวกกันน๊อกกันซักคน แต่เวลาออกไปถนนใหญ่เข้าเมือง ใส่กันเป็นแถว"
"ก็ยังดี ที่ห่วงชีวิตตัวเอง เกิดอุบัติเหตุจะได้ไม่เจ็บตัวมากนัก"
"ป่าวคับ ใส่เพราะกลัวตำรวจจับ" ลูกบ้านอีกคนตอบ
-------------------------------------------------------------
ก็เป็นเรื่องที่นายอำเภอพูดกันเล่นๆ กับลูกบ้านแห่งหนึ่งน่ะครับ ผมได้ไปฟังเขาเล่ากันตอนนั้นพอดี
แล้วถ้าหากต่อไปขับขี่ได้ ต้องเสียปีละ 100 บาทใช่มั๊ยคะ เห็นพี่เค้าเคยไปทำมาแล้ว เค้าบอกว่าต่อได้เลย ไม่ต้องสอบใหม่ ถ้าทำ 5 ปี ก็เสีย 500 บาท ไม่ทราบดิฉันเข้าใจถูกต้องมั๊ยคะ ช่วยตอบหน่อยค่ะ
ที่แสดงความคิดเห็นนี่ เป็นความคิดเห็นของดิฉันล้วน ๆ นะคะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนอื่น ถ้าคิดผิดก็ขออภัยด้วยนะคะ คือได้ยินได้ฟังมาแบบนั้นจิง ๆ คะ
ตอบคำถามคุณ hnunuch
เข้าใจว่าต้องสอบใหม่ครับ
อย่างไรก็ตามดูรายละเอียดที่นี่ดีกว่าครับ
http://www.dlt.go.th/driving_hp/index.php
กรมการขนส่งทางบก
คิดผิดคับ บางที่ยากมาก บางคนไป 4-5 รอบยังไม่ผ่าน
เดินหน้าถอยหลังเค้าจับเวลาด้วยนะ ต้องขับไม่ต่ำกว่า 30 ในระยะ 10 เมตร
ถอยหลังก็ด้วย แล้วตอนจอดเข้าซองนี่ที่เลี้ยวแทบไม่มีเลย บางที่โหดมาก
ที่ๆคุณไปสอบคงง่ายแหละครับ
มีความเห็นด้วยคน เราทำงานสาธารณสุข ก็มีจิตมุ่งหวังอยากให้คนทั้งหลาย รวมทั้งคนในครอบครัวเรา และตัวเราเอง อยู่ในวิถีชีวิตที่ปลอดภัย แต่ ใครจะรู้บ้างว่าทุกคนอยู่บนความเสี่ยง เราทำงานด้านป้องกันควบคุม ไม่ให้คนเจ็บป่วย แต่พูดยาก เพราะอะไร เพราะมันเป็นพฤติกรรม ของคนล้วนๆ ที่ก่อให้เกิดสาเหตุของความเจ็บป่วยเรื่องอื่นๆ ๆเช่นกรรมพันธุ์ เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ ก็ป่วย ได้มรดกตกทอด อย่างนี้ไม่ว่ากัน แต่ส่วนใหญ่ เกิดจากทำเอง กันทั้งนั้น แต่บางคนดันไปโทษ ว่าเป็นเรื่องเวรกรรม จะคงคล้ายๆกับกรรมพันธุ์นั่นแหละ เพราะเขาว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ป้องกันไม่ได้ อย่างไรเสียที่เกิดขึ้นมา เจ็บ ป่วย ตาย พิการ เป็นเพราะเวรกรรม + กรรมพันธุ์ แต่ไม่เคยบอกว่า ก็เพราะมันขาดสติ มีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เลย อาทิ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ขับขี่ไม่สวมหมวกนิรภัย เมาแล้วมาขับรถ ซิ่ง วิ่งแรงแซงโค้ง แบบเบรกไม่มี (ประมาท) และก็ยังเป็นเด็กๆ อายุยังไม่ถึงที่เขาจะอนุญาตให้มาขับขี่ ก็มาขับขี่กันแล้ว ภาคอีสานนี่เจอแยอะ วันเด็ก ต่อวัยรุ่น 9- 15 ปี ขายังเหยียบเรกไม่ถึงเลย พ่อแม่ กลัวลูกจะลำบาก ต้องไปดาวน์มอไซค์ ให้ ลูกรัก เป็นรางวัล (ค่านิยม) จ้างให้ลูกไปเรียน ไม่งั้นลูกจะน้อยหน้า เพื่อนๆเขาใครๆ ก็มีกัน เดี๋ยวลูกไม่เรียนให้ ออกรถให้ 1 คัน เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่ บอกว่าหมดห่วง ลูกรักได้ไปเรียนให้แม่หวังอนาคตจะได้เป็นเจ้าเป็นนาย แถมช่วยตัวเองได้ตั้งแต่ยังเด็กพ่อแม่พ้นภาระ ไม่ต้องไปส่งลูกที่โรงเรียน นั่นเป็นวิถีชีวิตหนึ่งของคนในสังคมส่วนใหญ่ในปัจจุบัน แต่ในมัมมองของเรา เกลับเห็นว่านั้นเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เด็กยังขาดวุฒิภาวะ ขาดทักษะ การตัดสินใจการขับขี่ที่ระมัดระวัง ยังไม่เคยอบรม ไม่มีใบขับขี่ ในที่สุด หลายครอบครัวต้องสูญเสียลูกไป ในวัยไร้เดียงสา ผ่อนส่งงวดรถยังไม่หมดลูกมาตาย จากไป พ่อแม่บอกว่านี่มันเป็นเวรกรรม แต่หารู้ไม่ว่า หากเราตระหนักดีว่าอันตรายจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ป้องกันซะลดโอกาสในการขับขี่ ไม่อนุญาตให้ขับขี่ กฎหมายเข้มงวด ก็น่าจะดีกว่านี้