ผมว่าในวงการ Coaching ตอนนี้ที่น่าสนใจก็คือ NLP (Nuro Lingustic Programming) แต่ในมุมมองของผมเรื่องที่จะต่อยอดจาก NLP ก็คือ ทฤษฎีนิวรอนกระจก (Mirroring Nuron) ตัวนี้นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีค้นพบว่ามีผลต่อพฤษติกรรมคน ลองเคยสังเกตไหมครับทำไมเราอยู่ไกล้ๆคนประสาทเราจึงประสาทไปด้วย ในทางกลับกันการควบคุมตนเอง ความเชื่อมื่น ความคิดดีๆของเรากลับทำให้คนข้างเรารู้สึกดีๆ โดยที่เราก็ไม่ได้พูดอะไร เรื่อง Mirroring Nuron นี่ปรากฏในหนังสือพัฒนาตนเองหลายเล่มแล้วครับ ผมว่าน่าจะเป็น Trend ผมได้เริ่มลองผสมเข้ากับ Appreciative Coaching แล้วครับ ผมว่ามันใช้ได้ทีเดียว
http://content.digitalwell.washington.edu/msr/external_release_talks_12_05_2005/15918/lecture.htm
เห็นด้วยกับการที่อยู่กับคนที่มีพลังอะไรดีๆแล้ว เราจะมีพลังนั้นไปด้วย ค่ะอาจารย์
อ.โยครับ
ดีมากเลยครับ อาจารย์ได้นำเรื่องนี้มาเผยแพร่ เรื่องทฤษฎีนิวรอนกระจก
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ เรื่องนี้ คล้ายๆกับ ที่เรามักจะพูดกันว่าคนแต่ละคนจะมีรังสีแผ่ออกมา ที่มักจะสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกครับ
ที่ชอบพูดกันเล่นๆ (แต่เป็นจริง) คือ รังสีอำมหิต ครับ ทำนองว่า นาย ก ท่าทางภายนอก ดูเป็นคนมีเมตตา แต่เข้าไปสัมผัส จะมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมา ที่สัมผัสได้
ใช่เลยครับ ท่านอาจารย์ เวลาเราอยู่ไกล้คนเมตตา เราก็จะรู้สึกดี
จับจุดได้เลยครับ
ตัวที่จับกระแสนี้ได้ คือ นิวรอนกระจกเงานี่เองครับ ท่านอาจารย์
กราบขอบพรุณท่านอาจารย์ที่แวะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้นะครับ