ข้อคิดดี ๆ จากอาจารย์สมชัย วัฒนการุญ
ในงานถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานด้านสถานะและสิทธิบุคคล
ของคลินิกกฎหมายชาวบ้าน (ด้านสถานะและสิทธิบุคคล)
อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ ๒
การที่เราจะพูดเรื่องเกี่ยวกับสถานะบุคคล ความเป็นมาเป็นอย่างไรบ้าง ?
ที่ผ่านมาได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอด โดยการแก้ไขกฎหมาย คือ พ.ร.บ.สัญชาติ และ พ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร
ส่วนมุมมองการเรียกร้อง การต่อสู้ของชาวบ้าน ได้มีจุดเปลี่ยนในแง่กฎหมาย เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน และในแง่ชาวบ้านที่หันมาเรียกร้องสิทธิโดยผ่านกระบวนการของกฎหมาย ณ ขณะนี้คุณภาพการต่อสู้ในการแก้ปัญหาสถานะบุคคลของชาวบ้าน เป็นอย่างไร ?
สูตร 5 x 6 ของการทำงานแม่อายอยู่บนพื้นฐานของกม. ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มทำงานต่างๆ ทั้งภาคองค์กรเอกชน และหน่วยงานรัฐ ซึ่งกระบวนการในการแก้ปัญหาสถานะไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของจุดเริ่มต้นจากกระบวนการของกฎหมาย
ถ้า 5 x 6 หรือตัวอย่าง รูปแบบการทำงานในแม่อายจะเป็นต้นแบบได้ ต้องขึ้นอยู่กับพื้นฐานอันสำคัญอันหนึ่ง นั่นก็คือ กฎหมาย และต้องเชื่อกระบวนการของกฎหมายด้วยเช่นกัน
การจำแนก 5 กลุ่ม จำแนกจากพื้นฐานของกฎหมาย และกระบวนการวิธีทำงาน 6 ขั้นตอนก็มาจากพื้นฐานของการจำแนกกฎหมายด้วย เพื่อนำไปสู่กระบวนการขอให้มีการเปลี่ยนแปลงในการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคล ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ปฏิบัติตาม ก็นำเข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐ กระบวนการทั้งหมดนี้แตกต่างจากกระบวนการในการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลของที่อื่น ๆ
กระบวนการทั้งหมดเป็นกระบวนการพื้นฐานที่อิงกฎหมาย และการจำแนกบุคคลออกเป็น 5 กลุ่มได้ ต้องเข้าสู่กระบวนการค้นหาข้อเท็จจริงจากชาวบ้านที่มีปัญหา เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อกม. ถ้าคนทำงานไม่เชื่อกระบวนการกฎหมาย การทำงานต่าง ๆ ก็ไม่ถึงเป้าหมาย แต่ถ้าคนทำงานเชื่อกระบวนการกฎหมายก็สามารถนำ 5 x 6 ไปใช้ได้ เพราะ 5 x 6 ก็มาจากกฎหมายเช่นกัน ถ้าหากว่าไม่ได้วางอยู่บนพื้นฐานกฎหมายก็จะมีปัญหาตามมา
ในกระบวนการการทำงานของแม่อายที่พบข้อดี คือ 5 ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายลอย ซึ่งเป็นข้อเด่น แต่เริ่มต้นจากพื้นฐานในการทำความเข้าใจของกฎหมายเกี่ยวกับสถานะบุคคลมาก่อน ไม่ได้คิดจากกฎหมายลอย ๆ ไม่ได้คิดจากระเบียบ นโยบาย แต่คิดจากพื้นฐานกฎหมายที่มีอยู่ แล้วค่อยนำปัญหาชาวบ้านที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์ว่ามีช่องทางไปอย่างไร ไม่ใช่เริ่มจากแบบแผนทางกฎหมาย คู่มือของเจ้าหน้าที่รัฐ และนำชาวบ้านเข้าไปปรับใช้ในกฎหมายแล้วนำชาวบ้านเข้าสู่แบบแผน
กระบวนการทำงานแม่อายสามารถนำปัญหาเฉพาะที่ประสบพบอยู่ ที่มีอยู่เป็นรูปธรรม นำมาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหา ถ้าเราแก้ปัญหาให้เป็นเคส เคสนั้นก็แก้ได้ ประสบความสำเร็จไปได้ แต่ถ้าพัฒนามาจากแบบการแก้ไขปัญหาแต่ละอัน และแก้ปัญหาในระดับชาติ ให้มีแบบเป็นไปในทางเดียวกัน ก็ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เข้าใจ และกระบวนการแก้ไขปัญหากฎหมายระดับรอง คือ กฎกระทนวง ก็จะได้รับการแก้ไข และส่งผลให้เป็นแนวทางเดียวกันได้
ถอดเทปและบันทึกโดย อัจฉรา สุทธิสุนทรินทร์
\
Ubi Societus Ibi Jus
ที่่ใดมีสังคม ที่นั่นมีกฎหมาย
ขอบใจที่พยายามถ่ายทอดมานะคะ
ยังมีอีกส่วนหนึ่งไหมคะ
คำกล่าวของอาจารย์ได้ตอบคำถาม...ต่อคนทำงานด้านนี้ขององค์กรพัฒนาเอกชนได้อย่างยอดเยี่ยมมากเลยครับ
คนทำงานที่ไม่ยึดหลักกฎหมาย ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำงานเพียงขอไปทีไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ซึ่งผลลัพธ์ก็คงจะทำได้แค่นั้น เพราะไม่สามมารถแก่ไขให้ลุล่วงไปได้ทั้งระบบ โดยปราศจากข้อกังขาได้ ดังเช่นตัวอย่าง เรื่องบัตรผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนในอำเภอแม่สาย หรือในอำเภอแม่จันที่ต้องได้รับการตรวจสอบอีกรอบเพราะมีผู้ร้องเรียนเข้าไปก็ตาม
สำหรับตัวผมที่เป็นเพียงฟันเฟืองหนึ่งในกระบวนของ องค์กรพัฒนาเอกชน อุดมการณ์ของผมคือการใช้หลักกฎหมาย เข้าไปช่วยเหลือ ชาวบ้านผู้มีปัญหาด้านสถานะบุคคล ซึ่งมันคงจะไปขัดต่อกระบวนการหรือวัฒนธรรมขององค์กร
ปัจจุบันนี้สิ่งที่ทำได้คือ ไม่ให้สิ่งต่างๆรอบข้างมากลืนกินอุดมการณ์นี้ ไปเสีย และพยายามทำในสิ่งที่มีหลักกฎหมายรองรับให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนได้รับการแก้ไขปัญหาต่อไป
และผมขอกล่าวได้เต็มปากว่า 5 x 6 นี้เป็นอะไรที่ดีมากๆและสำหรับผมแล้วถือว่านี่เป็นหลักสูตรที่คนทำงานด้านนี้ควรเรียนรู้ แต่ทั้งนี้ทัศนคติของเขาผู้นั้นต้องยึดหลักกฎหมายมาก่อนและเชื่อในหลักกฎหมาย ว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบ