บ่ายเมื่อวานนี้หนูมีโอกาสได้เรียนเทคนิคการเพาะเลี้ยงเซลล์มะเร็งลำไส้ (Caco-2) เพื่อการทดลอง ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับหนูมาก ๆ พี่เลี้ยงท่านตั้งใจสอนมาก ๆ สอนทีละขั้นตอน ตั้งแต่สอน บรรยายใหเข้าใจภาพรวมก่อน แล้วก็มาลองปฏิบัติการ โดยท่านทำให้ดูว่า การเพาะเลี้ยงเซลล์ชนิดนี้ต้องทำอย่างไร มีเทคนิคพิเศษหรือข้อควรระวังอะไรบ้าง
พอถึงตอนนับเซลล์ท่านก็ดูดสารละลายเซลล์ลงถาดหลุม แล้วก็จัดการย้อมสี ตามความเข้มข้นต่าง ๆ แล้วดูดไปวางใน สไลด์ ที่มีตารางเพื่อนับจำนวนเซลล์ต่อพื้นที่ ซึ่งท่านเคยอธิบายก่อนหน้านี้ว่า ทำไมจึงใช้คำนวนความเข้มข้นได้ พอดูสไลด์ผ่านกล้องที่มีกำลังขยาย แล้วพี่ถามหนูว่า "เคยทำมาก่อนไหม" หนูบอก "ไม่ค่ะ" ท่านจึงอธิบายว่า
“ให้นับเซลล์ตามช่องจากทั้งหมด 9 ช่อง ให้นับ 5 ช่องแล้วนำมาหาค่าเฉลี่ย โดยเซลล์ที่มีชีวิตจะใส แต่เซลล์ที่ตายแล้วจะติดสีน้ำเงิน จะปรับกำลังขยายก็ได้ตามสะดวก”
แล้วพี่ท่านก็หันไปเก็บของ ให้หนูนับตามสะดวก
พอหนูจะเริ่มดู รู้สึกกลัวมากค่ะ กลัวว่าจะนับผิด ว่าจะปรับกำลังขยายก็เงอะ ๆ งะ ๆ ส่องกล้องสองตาก็ไม่ชัดสักที
แล้วพี่ก็หันมาอีกที แล้วเอ่ยว่า
“อ้าว ไม่รู้เหรอว่ามีเครื่องช่วยนับ ไม่น่าฉันก็แปลกใจว่าทำไมเป็นเงียบ ๆ ใช้เป็นไหม”
หนูทำหน้าจ๋อย แล้วตอบว่า “ไม่เป็นค่ะ” อย่างรู้สึกกังวล
แล้วท่านก็ทำให้ดู จริง ๆ แค่กดเฉย ๆ ท่านก็เอ่ยติดตลกว่า
“เหมือนเขานับจำนวนคนเข้าห้างไง ก็ใช้อันนี้แหละยืนกดได้”
แล้วหนูก็เริ่มนับโดยไม่ปรับกำลังขยาย ก็จะเห็นเป็นภาพกว้าง ๆ พร้อมกันทั้ง 9 ช่อง แต่จะไม่ชัด นับตามที่มองเห็น นับ ๆ ไป ก็งง ๆ หลง ว่า อันนี้นับรึยังนะ แต่ก็เขียนไปอย่างที่นับได้ หนูนับอยู่นานมาก จนพี่ท่านเก็บของเสร็จ แล้วมาแซวว่า
“นับช้ามากกกกกก”
หนูหายใจเข้าลึก ๆรู้สึกเสียความมั่นใจ แล้วก็นึกถึงคำสอนครูว่า
“ต้องตั้งใจและอดทน”
พอหนูนับเสร็จได้ (43,35,47,46,47) แล้วพี่เขาก็ให้ลอง
สังเกตข้อมูลที่ได้ ว่าแต่ละช่องเท่า ๆ กัน แสดงว่า เราเกลี่ย cell ได้ดี
พี่เลี้ยงท่านก็จะมานับซึ่งเพื่อตรวจสอบ ท่านบอกว่า
“ห๊าเธอนับที่กำลังขยายนี้เหรอ แล้วจะรู้ได้ไงว่าอันไหน ฟองอากาศ อันไหน เศษเซลล์”
หนูฟังแล้วก็จ๋อย แล้วก็มีเสียงว่า “ต้องพลาดเยอะแน่ ๆ เลย เฮอะ ๆ”
ท่านจึงเรียกหนูไปดูว่าการปรับกล้องที่เหมาะคือทำอย่างไร คือปรับให้เห็นช่องเล็กที่เราจะนับเพียง 1 ช่อง แล้วค่อย ๆ เลื่อนไป ให้ครบ 5 พอท่านนับเสร็จ (ท่านนับรวดเร็วมาก ๆค่ะ จนหนูรู้สึกทึ่งและบอกตนเองว่า นี่แหละคือ ทักษะที่ได้จากการช่างสังเกตและฝึกฝนของท่าน)
จากทั้งหมด 5 ช่อง (29,33,38,37,47) หนูนับตรงกับพี่เขาแค่ 1 ช่อง ที่เหลือมากกว่ามาก ๆ แล้วพี่ก็อธิบายว่า
“การที่แต่ละคนนับไม่เท่ากันก็ถือว่าเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา จะเห็นว่าจะผิดพลาดแบบเป็นชุด ๆ เวลาทำงานวิจัยก็จะลดความผิดพลาดนี้โดยให้นับคนเดียว” หนูถึงค่อยรู้สึกผ่อนคลายแต่ก็ยังจ๋อยเพราะรู้เลยว่านับผิดเยอะแน่ ๆ เลย
พออธิบายเสร็จพี่เขาก็มาตรวจสอบว่าเทคนิคที่หนูใช้นับคืออะไร ตรวจสอบไปทีละช่อง อืม ไม่ใช่ซิค่ะ ต้องบอกว่า ทีละเซลล์ ทีละเซลล์ ท่านจะตั้งกล้องขึ้นมาก่อน แล้วก็วาดภาพออกมา เรียกหนูไปดู แล้วตอบท่านว่า นับได้กี่เซลล์ ตอนแรกหนูก็ อึ้ง ๆ งง ๆ กลัว ๆ ตอบ แบบกล้า ๆ กลัว แล้วยังบอกท่านอีกว่าก่อนหน้านี้ นับแบบนี้ ท่านเอ่ยขึ้นมาว่า
“อะไร เอาตอนนี้นับได้เท่าไหร่”
ทำให้หนูนึถึงคำสอนครูว่า “ให้อยู่กับปัจจุบัน ที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมัน”
หนูหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็ตอบท่านไปตามความเข้าใจตอนนั้น แล้วพี่เลี้ยงท่านก็สอนว่า
อันนี้ถูกอันนี้ผิด แล้วอธิบายว่า ถูกเพราะอะไร ผิดเพราะอะไร แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มความยากขึ้นเรื่อย ๆ โดยให้ดูช่องที่มีเศษเซลล์ที่คล้ายกับเซลล์มาก แต่ท่านก็บอกว่า ฝึก ๆ ไป แล้วก็จะชำนาญ หรือไม่ก็ให้ดูเซลล์ที่เกลี่ยไม่ดี มีหลาย ๆ อันเกาะกันจนแยกไม่ออกว่าต้องนับอย่างไร วิธีการสอนของพี่ทำให้หนูนึกถึงวิธีการสอนของครู
“ว่าอันนี้ใช่ อันนี้ไม่ใช่ แล้วก็อธิบายด้วยว่า ใช่เพราะอะไรและไม่ใช่เพราะอะไร”
“คิดถึงตอนท่านชี้ให้เห็นว่า “เออ อันนี้เข้าใจ อันนี้จำมา ให้ระวังประมาณนี้ค่ะ”
รู้สึกขอบคุณครูที่สอน
"เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนโดนชี้ว่านับผิดแบบนี้ หนูจะรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ ปิดกั้น เครียด ไม่อยากเรียน แต่ครานี้รู้สึกว่าเป็นโอกาสในการแก้ไข รู้สึกว่าใจหนูต่างไปค่ะ ยิ่งการที่พี่เลี้ยงค่อย ๆ ชี้เซลล์ที่หนูนับผิด ทีละเซลล์ และอธิบายเหตุผลว่า ทำไมใช่เซลล์ยิ่งทำให้หนูกระจ่าง เข้าใจด้วยการปฏิบัติจริง ๆ มันใจในการตอบ”
แล้วหนูก็ได้เรียนรู้ว่า
“การมองอะไรในภาพกว้างก็จะเห็นรายละเอียดในภาพใหญ่ ซึ่งโอกาสผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้เยอะ แต่ถ้าเรามองอะไรให้ชัดเจน ให้เห็นชัด ๆ ว่าเป็นอย่างไร เราจะเข้าใจและมั่นใจในสิ่งที่ทำมากขึ้น อย่างไม่มีข้อสงสัย เหมือนการมองผ่านกล้องในกำลังขยายต่าง ๆ ค่ะ
“กำลังขยายน้อยเห็นกว้างแต่ไม่ชัด กำลังขยายมากเห็นแคบแต่ชัด ต้องเลือกกำลังขยายให้เหมาะกับหน้าที่”
พอน้อมคำสอนครูมาปฏิบัติแล้วทำให้หนู มีพัฒนาการมากขึ้น ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากขึ้นค่ะ เห็นโลกใบเดิมในมุมต่าง ๆ ที่กว้างขึ้น กราบขอบพระคุณครู และพี่เลี้ยงที่สอนงานนับเซลล์ค่ะ
Note;ตอนท้ายท่านก็เตือนหนูด้วยว่า ตอนเก็บล้างสไลด์ว่า "ระวังอย่าให้แตกหรือบาดมือ อย่าลืมว่าที่เราทำงานอยู่คือ cell มะเร็ง หากเข้าไปในร่างกาย หรือ กระแสเลือดเราตอบไม่ได้ว่าร่างกายเราจะเป็นอันตรายหรือไม่เพราะฉะนั้นให้ มีสติ อย่าประมาท"
การเขียน Note; ตอนท้าย ครูชี้ว่า ลอกครูมา อย่าทำ ใหไปหารูปแบบของตนเอง
กราบขอบพระคุณครูที่เตือนสติค่ะ
ตกลงครูบอก หรือว่าเราได้ตระหนัก...?
หากว่าเราตระหนักนั่นน่ะ คือ ...เราลอกครูมาจริง แต่หากเพียงแค่เชื่อว่าครูชี้ว่า...นั่นน่ะเธอหาลงใจไม่ในหนทางที่ครูนำพา...กลับปรักปรำลงไปที่ใจและกล่าวหาว่า "ครูว่าให้เธอ" ว่าเธอลอกครูมา...
ตกลงเป็นเช่นไร...กันนา...
กราบขอบพระคุณครูจริงเหรอ?
หรือว่าอย่างไร...
โอ้มันลึกลับซับซ้อน หนูสารภาพว่าตอนแรกหนู ดูไม่ทันค่ะ พี่ปุ๋ม
อ่านความคิดเห็นที่ 2 ของพี่ปุ๋มหนูก็ยัง งง ๆ แล้วก็เห็นว่าตนเองพยายามไปหาว่า
ไปลอกครูมาจากตรงไหน เพื่อจะเอามา แย้ง
ถึงได้รู้สึกว่ายัง โต้แย้งและไม่ยอมรับอยู่ค่ะ
แต่ตอนนี้ตระหนักแล้วค่ะ ว่าลอกมาจริง ๆ ค่ะ เต็ม ๆ
กราบขอบพระคุณพี่ปุ๋มมาก ๆค่ะ
หนูนี่น่าตี จริง ๆ เฮอะ ๆ
จริงเหรอ...?
ค่ะ หนูชอบลอก ชอบเลียนแบบ ทำจนเคยชิน จนไม่รู้สึกผิด บางทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ทำอยู่คืดการลอก จนบางทีก็รู้สึกว่า อ้าวแล้วจริง ๆ ฉันเป็นแบบไหนกันแน่ งง สับสนค่ะ หนูเสียใจ แต่ก็จะพัฒนาตัวเองต่อไปค่ะ
จริงเหรอ...? พิจารณาใหม่...ซิ
แว๊บแรก ไม่สำนึกค่ะ ยังเถียงในใจอีกและพยายามหาเหตุผลมาแย้ง และก็รู้สึกไม่พอใจ ที่โดนตักเตือน
แต่พอครูให้มองใหม่ หนูรู้สึก จ๋อย มึน ๆ งง ๆ ค่ะ จึงวางลง หายใจแล้วมาพิจารณาใหม่ ความเศร้าเข้ามาครอบงำใจ รู้สึกว่า ทำผิด รู้สึกผิดที่เพ่งโทษครูและหมดแรง
แต่พอได้คุยกับครูก็รูสึก ผ่อนคลายมากขึ้น
พอมาพิจารณาอีกรอบ หนูยังรู้สึกงงอยู่ค่ะ
แต่เมื่อไหร่ที่รู้ตัวว่าตนเองใช้วิธีของคนอื่น โดยลืมอ้างอิง
ตอนนี้มีอาการ ผวาค่ะ พอรู้สึกตัวหนูก็จะรีบแก้ไข และอ้างอิงทันที
ตอนนี้มันเป็นอย่างนี้ค่ะ
กราบขอบพระคุณค่ะ