ระวังภัยคนใช้รถ


เดลินิวส์หนังสือพิมพ์คุณภาพ 5 พฤศจิกายน 2552 ท่านอาจารย์ประจำคอลัมน์ "สกู๊ปหน้า 1" ตีพิมพ์เรื่อง "กลางวันแสกๆก็เสี่ยง 'ภัยคนใช้รถ' " ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง

ถ้าท่านได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ ขอความกรุณาแวะไปเยี่ยมเยียนเว็บไซต์ "เดลินิวส์" กันครับ

... 

ติดไฟแดงก็ 'ถูกปล้น'

สถานการณ์ภัยอาชญากรรมลักวิ่งชิงปล้นในเมืองไทยนับวันจะยิ่งดุ-ยิ่งร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกับคนที่มี “รถยนต์ส่วนตัว” ใช้ ที่ในอดีตถือว่าค่อนข้างจะปลอดภัย

เพราะไม่ต้องไปไหนมาไหนท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตาที่ไม่รู้จักมักคุ้น ซึ่งอาจมี “มิจฉาชีพ” ปะปนอยู่ด้วย ระยะหลัง ๆ ความไม่ปลอดภัยก็คุกคามมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่จอดรถไว้แล้ว “ถูกขโมยรถ” หรือ “ถูกทุบกระจกรถฉกทรัพย์”

...
    
และปัจจุบัน “ภัยคนใช้รถ” ก็ดุ-ก็ร้ายยิ่งขึ้นอีก แม้แต่กลางวันแสก ๆ กำลังขับรถอยู่...ก็ “เสี่ยง”
    
ทั้งนี้ ยุคนี้มีทั้งเสียงเล่าขานกันปากต่อปาก และมีทั้งการส่งต่อข้อความทางอินเทอร์เน็ต เพื่อ “เตือนภัยคนใช้รถ” อันเนื่องจากมิจฉาชีพ “จี้-ปล้น” ซึ่งดูจากพฤติกรรมของคนร้ายแล้ว...ถือว่าน่ากลัว !!

...
    
ตัวอย่างแรก... ผู้ใช้รถที่เป็นชายรายหนึ่ง จอดรถไว้ที่ชั้น  ใต้ดินห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ระหว่างออกจากห้างกลับไปที่รถก็สังเกตเห็นว่ามีชายคนหนึ่งเดินตาม แต่ตอนแรกเจ้าของรถรายนี้ก็ไม่ได้คิดอะไร

และเผอิญถือแก้วน้ำติดมืออยู่ จึงเดินเลยรถของตนเองเพื่อหาที่ทิ้งแก้ว จนสังเกตเห็นพิรุธของชายที่เดินตาม จึงแกล้งทำท่าจะไขเข้ารถคันหนึ่ง แล้วรีบทำเป็นเปลี่ยนใจจะหาที่ทิ้งแก้วให้ได้ก่อน

... 

รีบเดินย้อนกลับไปที่รถของตนเองจริง ๆ แล้วรีบขึ้นรถ-ล็อกรถ รีบขับออกจากลานจอดทันที แล้วเจ้าของรถรายนี้ก็เห็นชายต้องสงสัยยืน ซุ่มอยู่แถวรถคันแรกที่ตนเองทำท่าจะไข จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ห้างไปตรวจสอบ แล้วก็พบว่าชายต้องสงสัยรายนี้ พกมีด !!
    
ตัวอย่างที่สอง... เจ้าของรถที่เป็นหญิงรายหนึ่ง ขับรถกลับบ้านคนเดียวประมาณ 2 ทุ่มกว่า พอเลี้ยวเข้าซอยก็มีรถมอเตอร์ไซค์ขับตาม

... 

พอจอดรถหน้าบ้านคนขี่มอเตอร์ไซค์ก็จู่โจมเข้ามาเปิดประตูรถข้างคนขับ แต่เจ้าของรถรายนี้ระวังตัวอยู่แล้วจึงล็อกรถไว้ เจ้าคนที่ คาดว่าจะเป็นคนร้ายก็ทำท่าเหมือนจะขอถามอะไร ขอให้เปิดประตูรถ หน่อย แต่เจ้าของรถไม่เปิด พร้อมบีบแตรรถเสียงดังจนคนในบ้านออก มาดู มันจึงรีบเผ่นหนีไป
    
ตัวอย่างที่สาม... เจ้าของรถรายหนึ่งจอดรถติดไฟแดงอยู่   จู่ ๆ ก็มีชายสองคนจู่โจมจะเปิดประตูรถส่วนหลังทั้ง 2 ข้าง แต่ประตูล็อกอยู่ ชายทั้งคู่จึงรีบเดินปะปนกับฝูงชนหายไป ซึ่งถ้ามันเปิดได้...อะไรจะเกิดขึ้น ?

...
    
ตัวอย่างที่สี่... คล้ายตัวอย่างที่สาม ซ้ำเป็นกลางวันแสก ๆ เจ้าของรถเป็นผู้หญิงกับลูก คนที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายลงจากรถยนต์คันใกล้ ๆ มาเปิดรถ พอเปิดไม่ได้ก็กลับขึ้นรถ พอไฟเขียวก็ขับไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    
ตัวอย่างที่ห้า... รถก็จอดติดไฟแดง คนที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์ มาจอดประกบแล้วก็พยายามมองจ้องในรถบริเวณประตู แล้วก็ขับออกไป พร้อมกับพูดกันว่า “รถมันล็อกหมด”

...
    
ตัวอย่างที่หก... รถจอดติดไฟแดง แต่รถไม่ได้ล็อก จู่ ๆ ก็มี ชายสองคนเปิดประตูรถขึ้นนั่งที่เบาะหลัง แต่เจ้าของรถรีบปลดเข็ม ขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจรถแล้วเปิดประตูไปยืนนอกรถ แล้ว ตะโกนเสียงดัง

เจ้าสองคนที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายเลยเหวอ ทำเป็นอ้างว่า ขึ้นรถผิดคัน แล้วก็มีรถอีกคันรีบขับมารับพวกมันไป

...
    
กรณีตัวอย่างเหล่านี้ถูกส่งต่อ ๆ เตือนกันทางอินเทอร์เน็ต และทุกรายเชื่อว่ารอดจากการถูก “จี้-ปล้น” หวุดหวิด !!
    
ทั้งนี้ จากกรณีตัวอย่าง-จากเสียงเตือนปากต่อปาก ใครจะเชื่อ-ไม่เชื่ออย่างไรก็ว่ากันไป แต่กับ “ภัยจี้ปล้นคนใช้รถ” นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่านับวันจะมีรูปแบบใหม่ ๆ มากขึ้นจริง ๆ

... 

อย่าง พ.ต.ท.พิพัฒน์ บุญพิทักษ์ สว.จร.สน.พลับพลาไชย 1 ก็บอกผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... “ทุกวันนี้พวกมิจฉาชีพได้พัฒนาวิธี การเรื่อย ๆ บางครั้ง บางสิ่งบางอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ ก็เป็นไปแล้ว”
    
พ.ต.ท.พิพัฒน์ยังบอกอีกว่า... การป้องกันตัวเองในขณะใช้ รถ โดยเฉพาะยามค่ำคืน คือไม่ควรจอดรถหรือไปตามสถานที่เปลี่ยว ไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียวตอนกลางคืน โดยเฉพาะที่เป็นผู้หญิง

... 

หากจำเป็นจริง ๆ ก็ควรมีเพื่อนไปด้วย และอยู่ในรถก็ควรปิดกระจกและล็อกประตูรถ ตามบริเวณแยกไฟแดงก็ควรต้องระวัง มีใคร-มีเด็กมาขายพวงมาลัยหรือสินค้าอะไรก็ไม่ควรเปิดซื้อ

รวมทั้งพวกเช็ดกระจกรถก็ไม่ควรไปใจดีเปิดรถให้เงิน เพราะนี่ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้พวกมิจฉาชีพ มีคนใช้รถถูกจี้-ถูกทำร้ายโดยคาดไม่ถึงมา นักต่อนักแล้ว

...
    
“ขณะจอดรถติดไฟแดง ถ้ามีคนแปลกหน้ามาเคาะให้เปิดประตูรถ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ห้ามเปิด ซึ่ง ปัจจุบันคนร้ายจะแฝงตัวมาในหลายรูปแบบ เช่น ขอเงิน ขายของ ทำทีว่าถูกรถเราเฉี่ยวชน หรืออื่น ๆ เพื่อจะให้เราเปิดประตูรถ

เราต้องใจแข็ง ตั้งสติให้ ดี ไม่เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพ และ การจอดรถตามห้างสรรพสินค้า ปัจจุบันก็ยังจำเป็นต้องระวังให้มาก ๆ ซึ่งที่สำคัญควรมีเบอร์โทรฯแจ้งตำรวจพื้นที่ หรือโทรฯ แจ้ง 191 ทันทีที่พบเหตุการณ์ผิดปกติ” ...พ.ต.ท.พิพัฒน์ให้คำแนะนำ พร้อมกันนี้ก็ยังฝากเตือนไว้ด้วยว่า.....

...

“ภัยสังคมสังคมเหล่านี้จะแอบแฝงเข้ามาในรูปแบบและกลอุบายต่าง ๆ ที่มีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ประสบเหตุ จนต้องเสียทรัพย์สิน เสียรถ เจ็บตัว รวมถึงเสียชีวิต ไปแล้วจำนวนไม่น้อย

[ ขอขอบพระคุณ เดลินิวส์ ]

หมายเลขบันทึก: 311552เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2009 12:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

น่ากลัวจริงๆ ยิ่งรถยนต์ ๔ ประตู เปิดล็อคเซ็นทรัลพร้อมกันทีเดียว ๔ ประตู ต้องระวังให้มาก

ขอบคุณมากนะคะที่มีสิ่งดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง

พี่ชายผมเคยเสนอว่า รีโมตควรจะมีทั้งแบบเปิดประตูเดียว และแบบ 4 ประตู เพื่อป้องกันคนแปลกหน้าเข้าไปในรถ....... แบบนี้คงจะดีครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท