วันนี้หนูมีสอบ Aseptic technique ตลอดเช้าพี่ให้เตรียมใจ แต่ไม่ให้ซ้อมอีกเพราะห้องต้อง เปิด Ozone เพื่อทำให้ห้องปราศจากเชื้อ หนูจึงนั่งทบทวนในตนเองว่า ที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไรบ้าง แล้วเขียนบันทึก ปกติเวลาหนูสอบ จะรู้สึกตื่นเต้นมาก ใจเต้น ตุ๊บ ๆ เหมือนจะกระโดดออกมาจากหน้าอก แต่วันนี้ความตื่นเต้นเบาลง แต่ไม่มากพอที่จะให้หนู เขียนงานได้จากใจ ความกังวลแวะมาเป็นระยะ ๆ ความคิดด้านลบขึ้นมาปรากฏเช่น “แกไม่ค่อยได้ซ้อม จะทำได้เหรอ” “จำได้แล้วเหรอว่าต้องทำยังไง” “ถ้าสอบไม่ผ่านแกจะทำยังไง” ทำให้หนูคร่ำครวญและคิดถึงคุณครู เอ่ยกับตนเองว่า “คุณครูขา หนูควรจะทำยังไง” แล้วก็มีเสียงปรากฏขึ้นมาในใจว่า
หนูค่อย ๆ ลากลมหายใจ ประคับประคองสติ แล้วค่อย ๆ เขียนบันทึก เขียนเสร็จแล้วย้อนอ่าน อ่านอย่างไรก็ไม่รู้สึกว่า เนื้อความที่เขียนมันคือความจริงใจ มันดูหวานเกินจริง เหมือนหลอกลวง เหมือนสร้างภาพให้ดูดี ใช้ถ้อยคำสวยหรู อ่านยังไงก็ขาดชีวิตชีวา ผิดธรรมชาติธรรมดา เพราะทุกครั้งที่ระลึกถึงเรื่องดี ๆ สิ่งที่ปรากฏในใจจะเป็นอิ่ม ๆ เต็ม ๆ สบาย ๆ ซาบซึ้ง แต่ตอนที่ลงมือเขียนบันทึกนั้นมันไม่ใช่ จึงพักบันทึกนั้นไว้ก่อน
เพราะครูสอนว่า
ตอนบ่ายมีสอบ Aseptic technique หนูก็มีรู้สึกตื่นเต้น แต่ไม่ถึงขนาดประสาทเสียเหมือนเมื่อก่อน จึงตั้งใจเดินไปมาเคลื่อนไหวช้า ๆ อย่างมีสติ ตอนสอบภาคปฏิบัติ หนูเห็นตนเองสั่น ลมหายใจขาดเป็นวรรค ๆ บางช่วงมีหยุดดูลมหายใจ พอสอบเสร็จ พี่ช่วยชี้แจงข้อบกพร่อง แล้วผลสอบก็จะดูจากอาหารเลี้ยง ซึ่งต้องรอลุ้นกันในวันพรุ่งนี้ สอบเสร็จรู้สึกใจสบายขึ้นกลับมาอ่านบันทึกที่เขียนไว้ จึงตั้งใจเขียนบันทึกนี้ขึ้นมา เพื่อเตือนตนเอง ให้หัดมีความจริงใจ
กราบขอบพระคุณครูที่ให้ยาวิเศษที่เป็นเครื่องช่วยชีวิตได้ตลอดเวลา หายใจสบาย เป็นวิธีที่แก้ไขปัญหาทุกอย่างได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าผลสอบจะเป็นเช่นใด แต่สิ่งที่หนูได้เรียนรู้ในวันนี้มันดีจริง ๆ ค่ะ
ขอขอบพระคุณพี่ที่ช่วยสอนงานและสอบ ทำให้หนูได้เรียนรู้ใจตนเองได้ชัดเจนขึ้น
สวัสดีค่ะ
ลอยกระทงอย่างมีความสุขนะคะ
ขอบพระคุณทั้งสองท่านค่ะ