1. การศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลิปปินส์
1.1 ด้านการบริหารงานองค์กรนิสิต
1.1.1 การบริหารงานด้านองค์กรนิสิต
ลักษณะรูปแบบการบริหารงานจะมีลักษณคล้าย ๆ กับรัฐสภา โดยมีตัวแทนคณะมาประชุมเป็นวาระเพื่อทำกิจกรรม หรือมีการประชุมเพื่อปรึกษาหารือแก้ไขปัญหาในการทำกิจกรรมนั้น ๆ ส่วนกิจกรรมจะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับประเพณีการรับน้อง และมีการเลี้ยงส่งนิสิตที่จบการศึกษา เช่นเดียวกันกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
1.1.2 การบริหารงานด้านสภานิสิต
ณะกรรมการบริหารสภานิสิต ได้มาจากการเลือกตั้งจากคณะ คณะละ 1 คน ถ้าสมาชิกของคณะมีจำนวนมาก ก็จะได้เป็นตัวแทนในการบริหารงาน คณะละไม่เกิน 2 คน เข้ามาบริหารงานในส่วนกลาง จุดเด่นของสภานิสิตที่ฟิลิปปินส์คือ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อสภามหาวิทยาลัยโดยตรง
1.1.3 การบริหารงานด้านกิจกรรมขององค์กรและชมรม
องค์กรและชมรม ดำเนินงานภายใต้การบริหารงานของเจ้าหน้าที่ ในมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกันกับทางมหาวิทยาลัยมหาสารคาม อาทิ ชมรมดนตรี ชมรมบริดจ์ เป็นต้นส่วนลักษณะของการทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็มีลักษณะคล้ายกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่จะมีจุดเด่นในเรื่องของการรวมตัวกันของนิสิต ซึ่งนิสิตของมหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลิปปินส์ ส่วนใหญ่หลังจากไม่มีการเรียนการสอนจะมารวมตัวกันอยู่ที่ตึกกิจกรรมเพื่อทำกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ หรืออาคารเรียนรวมตลอดเวลาเพื่อพบปะพูดคุยในการดำเนินงานของชมรม หรือติววิชาที่เรียน
1.2 ด้านศิลปวัฒนธรรม
ฟิลิปปินส์เป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตกก่อนจะได้มีโอกาสพัฒนาวัฒนธรรมของตัวเอง วัฒนธรรมฟิลิปปินส์จะมีส่วนคล้ายกับประเทศในละตินอเมริกา ประชาชนแบ่งออกเป็นชุมชนทางเชื้อชาติและภาษาที่แตกต่างกันออกไป
ส่วนวัฒนธรรมขององค์กรคือ ทุกคนต้องผ่านกิจกรรมนันทนาการทุกคน ด้วยความเชื่อที่ว่าทำให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้ได้ดี และสร้างเสริมความสามัคคีในหมู่คณะ และทุกปีในวันครบรอบสถาปนามหาวิทยาลัยนิสิตชายทุกคนจะต้องวิ่งแก้ผ้ารอบมหาวิทยาลัย
1.3 ศึกษาสถานที่ภายในมหาวิทยาลัย
หลังจากที่ได้ที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการทำกิจกรรมของนิสิตและการบริหารงานด้านองค์กรนิสิตเสร็จแล้ว คณะมหาวิทยาลัยมหาสารคามได้เดินชมคณะต่าง ๆ และสถานที่ในการทำกิจกรรม ซึ่งที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลิปปินส์ได้มีสถานที่สำหรับทำกิจกรรมให้นิสิตเป็นสัดส่วน และมีการรวมตัวของนักกิจกรรมมากมายร่วมกันทำกิจกรรม ติวหนังสือ ส่วนบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยจะมีต้นไม้เยอะ บรรยากาศที่ร่มรื่นส่วนวัฒนธรรมในการแต่งกายมาเรียนค่อนข้างเป็นอิสระ คือจะเน้นเรื่องการเรียนเป็นหลักโดยเฉพาะเรื่องของภาษาอังกฤษ จะมีการเรียนการสอนมาตั้งแต่ชั้นเล็ก ๆ จึงทำให้นักศึกษาพูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี
ศึกษาแหล่งประวัติศาสตร์
2.1 สุสานทหารอเมริกัน (Manila American Cemetery and Memorial)
สุสานทหารอเมริกันที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 บนพื้นที่ 615,000 ตรม.สลักชื่อทหารผู้เสียชีวิต 36,282 รายชื่อ เป็นสุสาน คล้าย ๆ กับที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นที่เงียบสงบและอลังการ มีระฆังตีเพื่อสรรเสริญทหารที่เสียชีวิต ภายในสุสานมีที่สวดมนต์เล็ก ๆ และมีสมุดให้บันทึกไว้อาลัยสำหรับผู้มาเยือน โดยไม่เสียค่าเข้าชมแต่กลับไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว สุสานเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 9.00-17.00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันคริตมาส 25 ธ.ค. และวันหยุดตามประกาศของรัฐบาลฟิลิปปินส์ สุสานมีหลุมศพทหารที่เสียชีวิต 17,202 หลุม และมีรายชื่อผู้สูญหายอีกมากมาย 36,282 รายห่างจากสุสานไม่ไกลนักเป็นกองบัญชาการกองทัพบกของประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งปัจจุบันผู้บัญชาการทหารบกคือ VICTOR S IBRADO ไทยและฟิลิปปินส์มีความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างกันค่อนข้างยาวนาน เนื่องจากเป็นสมาชิกในสนธิสัญญาป้องกันร่วมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATO) และต่างมีสนธิสัญญาป้องกันร่วมกับสหรัฐฯ จึงมีการซ้อมรบระหว่างทหารไทย -สหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์ ในประเทศฟิลิปปินส์ (สมัยที่ SEATO ยังมีบทบาทอยู่)
ทัศนศึกษาภูเขาไฟ ทะไกไต
ทางตอนบนของมะนิลา มีสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่นิยมมากอยู่แห่งหนึ่งเรียกว่าทะไกไต หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ตะกายตาย ที่นั่นมีทะเลสาบขนาดใหญ่ มีเทือกเขาล้อมรอบ ในทะเลสาบก็มีเกาะเล็กๆ สองสามเกาะ และที่สำคัญที่สุดคือมี ภูเขาไฟที่เล็กที่สุดและอันตรายที่สุด ชื่อว่า TAAL volcano ภูเขาไฟนี้ยังไม่ดับสนิทเพราะฉะนั้นจึงมีโอกาสระเบิดขึ้นมาได้ทุกเมื่อ นี่แหละอาจเรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์แบบสวยประหารของภูเขาไฟลูกนี้ส่วนเมือง Tagaytay อยู่ห่างจากมะนิลา ประมาณ 60 กม. (ไปทางใต้) ซึ่งก็ถือว่าไม่ไกล ใช้เวลาขับรถไปประมาณ ชั่วโมงครึ่ง จึงเป็นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนฟิลิปปินส์ช่วงสาร์- อาทิตย์ เมือง Tagaytay เป็นที่ตั้งของภูเขาไฟ Taal (ตา-อาล) ซึ่งถือเป็นภูเขาไฟที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ที่ยังคงประทุ (active) อยู่ ซึ่งภูเขาไฟ Taal นี้เป็นเกาะอยู่ในทะเลสาบ Taal (ชื่อเดียวกัน)
จุดชมวิวที่มีประวัติ คือ มากอสพาเลส ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่เห็นได้ชัดที่สุด การเดินทางไปยังจุดชมวิวต้องนั่งรถจิ๊ปขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง ค่าโดยสารคนละประมาณ 5 เปโซ ได้รับการบอกเล่าว่าสมัยก่อนมากอสพาเลสเป็นสถานที่สวยงามมาก และเป็นสมบัติส่วนตัวของประธานาธิบดีมากอส แต่ภายหลังรัฐบาลยึดมาเป็นของรัฐแต่ขาดเงินดูแลจึงปล่อยให้ทรุดโทรม ตอนนี้จึงไม่มีแม้แต่หลังคา มีแต่โครงเหล็กที่สนิม อย่างไรก็ตามเป็นทำเลที่ดีในการมองวิวที่สวยงามของทะไกไต Ming’s garden เป็นสวนอาหารที่คณะศึกษาดูงานจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามใช้เป็นจุดชมวิวและใช้พักผ่อนและรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ จากการมองภูเขาไฟ ทะไกไต ด้วยตาซึ่งมองเห็นได้ไม่ชัดมากเพราะวันที่เดินทางเข้าชมเป็นวันที่หมอกลงจึงเห็นภูเขาไฟภูเขาไฟ ทะไกไตแค่ลาง ๆ
เพิ่งมีเวลาได้แวะมาอ่าน จริงๆ ต้องยอมรับว่า การศึกษาดูงาน คือกระบวนการที่ช่วยพัฒนานิสิตได้เป็นอย่างดี แต่การถอดบทเรียนจากการศึกษาดูงานนั้น เป็นเรื่องสำคัญมาก รวมถึงถอดบทเรียนแล้วต้องมีการสื่อสารไปยังคนอื่น หรือองค์กรอื่นๆ
ขอบคุณครับ