สืบสาวอารยธรรมบ้านถ้ำคีรีวงศ์ ตอน 2


บ้านถ้ำคีรีวงศ์

........ตำนานบ้านถ้ำคีรีวงศ์(ต่อค่ะ).............
ถ้ำคีรีวงศ์ หมู่ที่ 1 ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ถ้าดูตามแผนที่จะอยู่ตอนใต้ของภาคกลาง และอยู่ตอนเหนือของภาคใต้  พื้นที่ดังกล่าวนี้นักโบราณคดีที่ศึกษาเกี่ยวกับการก่อกำเนิด.."นครรัฐ"..ชายฝั่งภาคใต้ได้จัดให้อยู่ในกลุ่ม "แหล่งโบราณคดีเก่าแก่ชายฝั่งตะวันออก"..คือ ตั้งแต่ประจวบฯ ถึง นราธิวาส ซึ่งนักประวัติศาสตร์ไทยได้เริ่มหันมาสนใจพื้นที่นี้มากขึ้น  เนื่องจากมีเหตุหลายประการที่พอสันนิษฐานว่า แท้ที่จริงแล้ว .."เมืองสุวรรณภูมิ"..
หรือประเทศ.."กิมหลิน"..ตามที่กล่าวถึงในจดหมายเหตุของจีนนั้นตรงกับพื้นที่ตรงนี้นั่นเอง

เดิมสันนิษฐานว่า..สุวรรณภูมิ หรือ ประเทศกิมหลิน อาจอยู่ที่เมืองอู่ทอง สุพรรณบุรี เพราะค้นพบศิลปวัตถุโบราณต่างๆมากมาย  จำพวกอุเทสิกะเจดีย์ และต่อมานักประวัติศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าศิลปโบราณวัตถุเหล่านั้นมีอายุเก่าแก่ไม่เกินพุทธศตวรรษที่ 10  แต่อารยธรรมสุวรรณภูมิก่อกำเนิดมาก่อนนั้น ข้อสันนิษฐานดังกล่าวจึงยุติไป


นักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่สันนิษฐานกันว่า.."สุวรรณภูมิ"..หรือประเทศกิมหลิน น่าจะตั้งอยู่ระหว่างตอนเหนือของสุราษฎร์ธานี ถึงประจวบฯ แม้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ทรัพยากรธรรมชาติที่กล่าวถึงในคัมภีร์และจดหมายเหตุจีน
จะพูดถึงการแสวงหาโภคทรัพย์ แล่นเรือไปกิมหลินที่มีพื้นที่อุดมไปด้วยแร่ทองคำเนื้อดี มีบ่อเงิน ประเทศนี้มีประชากรหนาแน่น ชาวเมืองชอบจับช้างใหญ่มาทั้งเป็น เมื่อช้างตายจะถอดเอาเขางามัน ซึ่งก็น่าจะสันนิษฐานว่า..แร่ทองคำเนื้อดี บ่อเงิน และการจับช้างใหญ่..คือบริเวณ อ.ทับสะแก ถึงชุมพร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งแร่ทองคำเนื้อดีนี้ก็คือ.."ทองนพคุณ"..อยูที่ อ.บางสะพาน นั่นเอง  เพราะจาก ประจวบฯ ถึง นราธิวาส มีแร่ทองคำเพียง 2 แห่งเท่านั้นคือ บางสะพาน กับ ที่โต๊ะโม๊ะเท่านั้น แต่ที่บางสะพานจะมีความบริสุทธิ์กว่า  ส่วนการจับช้างใหญ่ คนเก่าแก่ที่เล่าสืบต่อกันมาว่าจะอยู่บริเวณป่าทึบเทือกเขาตะนาวศรี ตั้งแต่ กุยบุรี ถึงป่าเขาไชราช จ.ชุมพรเท่านั้น
และมีการจับช้างกันมาแต่โบราณ จึงพอสันนิษฐานว่า อ.บางสะพาน อ.ทับสะแก เป็นแหล่งอารยธรรมโบราณ  ซึ่งนักโบราณได้พบร่องรอยที่ผนังถ้ำคูหาที่ 2 ด้านทิศตะวันตกของถ้ำคีรีวงศ์ มีลักษณะจำหลักให้เห็นเป็นเค้าโครงพระพุทธรูปลึกเข้าไปในผนังถ้ำมีลักษณะภาพนูนต่ำ ตามลักษณะคติการสร้างพระพุทธรูปในถ้ำที่มีมาแต่โบราณกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัฒนธรรมทวาราวดี

ในสมัยครูเล็กยังเด็ก พ่อเคยเก็บพวกหินเพชรพลอยมาใส่ถังไว้เยอะแยะมากมาย  ในสมัยนั้นเราไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะมีค่ามากในปัจจุบัน แต่พ่อบอกว่า มันเป็นเพชรพลอยที่ยังไม่แกร่งพอ สีสันจะสวยงามระยิบระยับมาก
สีออกขาวกับชมพู เป็นเหลี่ยมงดงาม แต่ตอนนั้นพวกเราเอามาเล่น และทิ้งไปหมดแล้ว ปัจจุบันเรานึกเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่า น่าจะเก็บไว้ดู  และพ่อยังเล่าอีกว่า ชาวบ้านจะไปร่อนทองกันตามร่องน้ำที่ไหลออกมาจากภูเขา ประเภทลำธารนั่นเอง โดยเอาตะแกรงร่อนจะได้เม็ดหิน ดิน ทรายเป็นเม็ดเล็กๆสีดำๆ แล้วใส่ถุงปุ๋ยกลับมาแยกอีกครั้ง แต่พ่อบอกว่า การที่จะได้ทองกลับมาถือเป็นโชควาสนาของแต่ละบุคคล อย่างบางทีเคยมีคนเก่าแก่เล่าว่า เดินทางขึ้นไปบนเขาเต่า หัวหิน แล้วพบเข้ากับก้อนทองคำสุกปลั่ง พอเอื้อมมือไปจะเก็บทองที่เราเห็นก็จะหายวับไป เหมือนภาพลวงตา เพราะเกิดจากความโลภอยากได้ เพราะฉะนั้นเพื่อนบ้านมาชวนพ่อก็จะไม่ไป

ส่วนช้างป่านั้น..ช่วงที่ยังเด็กก็มีเหมือนกันที่ช้างจะหลงมาจากเทือกเขาตะนาวศรี  ส่วนเสือ..ครูเล็ก เคยได้เห็นตัวเป็นๆ แบบไม่ได้อยู่ในกรงด้วยค่ะ ตอนเด็กเราขึ้นไปทำไร่บนภูเขาหลังบ้าน ช่วงฤดูที่เราต้องเตรียมพื้นที่
ครูเล็ก กับพี่ 2 คนและน้อง 1 คน ได้ขึ้นไปถากหญ้าบนเขา เราต่างเร่งรีบก้มหน้าก้มตาถากหญ้าไม่พูดไม่คุยกันเพื่อให้เสร็จได้เร็วขึ้นจนกระทั่ง พี่ชายบอกว่า..รู้สึกเหมือนมีใครจ้องอยู่นานมากแล้ว..จะจ้องทำไม..ก็เลยเงยหน้าขึ้นดู โป๊ะเช๊ะเลยค่ะ..สบตาเข้ากับเจ้าเสือดาวตัวใหญ่มาก กำลังนั่งจ้องมาทางพวกเราเขม็งเลยค่ะ..พี่ชายตกใจ พูดไม่ออก ได้แต่กระซิบเรียกพี่ๆๆๆ"เสือ" พี่ก็.."ฮ่ะ..อะไรนะ".."เสือ" พอพวกเราเงยหน้าเท่านั้นแหละแหกปากเลย.."เสือ..เสือ..เสือ.."ลั่นไปเลยด้วยความตกใจ ทั้งเราทั้งเสือโดดกันไปคนละทางเลยค่ะ..ครูเล็กกับน้องไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ วิ่งรวดเดียวถึงบ้านเลยค่ะ  ส่วนพี่ชายกับพี่สาว ริอ่านวิ่งตามไปดูว่าเสือจะวิ่งไปทางไหน...สมัยก่อนบ้าน ครูเล็กไม่ได้อยู่แถบชายทะเล แต่อยู่ริมภูเขาบ้านถ้ำคีรีวงศ์นั่นเอง เราพี่ๆน้องๆอาศัยวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณวัดเป็นประจำ และทำอะไรๆหลายๆอย่างโดยไม่ให้พ่อกับแม่รู้ อย่างเช่นตอนเช้าเราจะไปดูว่า..วันนี้ไก่ไข่ไว้กี่ฟอง เราจะช่วยหลวงตาเก็บเองค่ะ แล้วแอบเอามาต้มกินที่บ้าน ทำแบบนี้จนรู้กันทั้งวัด  ช่วงเย็นๆ เราจะไปนั่งที่กุฎิหลวงพี่ รอหลวงพี่ต้มน้ำชงโอวัลติน เราก็อาศัยหลวงพี่ซักแก้ว พ่อกับแม่มักจะสงสัยเรื่อยๆ เอ๊ะ!!!..ทำไมโอวัลตินกับนมของหลวงพี่ทำไมหมดเร็วละท่าน..แม่จะเป็นคนซื้อไปถวายหลวงพี่ หรือบางทีเราก็ไปร้องลิเกบนโรงลิเกที่ปลูกไว้ถาวร  มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตัวต่อมาทำรังอยู่ใต้เวที เรากระโดดโลดเต้นกันจนมันหนวกหูละมั๊ง บินขึ้นมาเลยต่อยซะน้องชายหัวปูดเลย  คนอื่นๆตัวโตโดดลงเวทีหนีไปเลย แต่ ครูเล็ก กับน้องตัวเล็กลงไม่ได้ ต้องลงบันได มันก็ตามต่อยๆน้องคนเดียวเลย ครูเล็ก ก็ลากน้องลง  วิ่งไปหาหลวงตาบนกุฏิ ร้อนถึงหลวงตาต้องเอาสมุนไพรฝนกับพระผงอะไรไม่ทราบ ทาหัวให้ หายเลยค่ะ  หลวงตาที่ว่าคือ.."หลวงตาบุญ"..ค่ะ ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว เป็นเจ้าอาวาสที่ทรงศีลมากองค์หนึ่ง ปัจจุบันก็มีรูปปั้นท่านอยู่ในถ้ำเช่นกัน  และเหรียญหลวงปู่ม่วงสมัยใหม่ก็จะมี 2 หน้า คือหลวงปู่ม่วงกับหลวงตาบุญค่ะ

เรื่องราวต่างๆในวัยเด็กที่เกิดขึ้นมากมาย บ่งบอกให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตหลายอย่าง

บริเวณ..ถ้ำคีรีวงศ์..

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 308416เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 12:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มาเที่ยวถ้ำคีรีวงศ์ครับ  สวยงาม แปลกตา  ขอบคุณกับเรื่องราวที่นำมาให้อ่าน

 

 

สวัสดีค่ะ..นายก้ามกุ้ง

ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยมบล๊อกครูเล็ก เป็นเรื่องราวของบ้านเกิดเมืองนอนค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท