หลากความรู้สึกจากงานมหกรรมหนังสือ ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๔


 

     สวัสดีค่ะ..เพื่อนๆทุกท่าน หวังว่าคงสบายดีกับอากาศที่ค่อนข้างแปรปรวนในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้นะคะ  เมื่อสองวันก่อนผู้เขียนมีโอกาสได้ร่วมงานมหกรรมหนังสือ ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๔  ที่จัดระหว่างวันที่ ๑๕-๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  กรุงเทพฯ (วันนี้เป็นวันสุดท้ายของงาน)   ปีนี้นับเป็นปีที่ ๙ ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสร่วมงาน  แม้จะอยู่ไกลถึงเชียงใหม่ หากไม่มีงานใดที่สำคัญมาตัดหน้าตัดตาชิงเวลาไปเสียก่อน ก็จะไม่พลาดเทียวค่ะ

 

อยากบอกกล่าวเล่าขาน..ถึงความรู้สึกต่องานนี้

งานสำคัญยิ่ง&งานที่จัดสรรอาหารบำรุงสมองให้ผู้คนในชาติบ้านเมือง

หนึ่งชอบ...ชอบจริงจริง ชอบหลายอย่าง

สองสงสาร...สงสารยิ่งกว่าสิ่งใดใด

 

 

 

ความรู้สึกแรก "ชอบค่ะ..ชอบมาก..ชอบจริงๆ" 

(๑)ชอบสถานที่จัดงาน   "ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์" ชอบเพราะเป็นศูนย์กลางระดับประเทศ รถราไปมาสะดวก  ความกว้างใหญ่โอ่อ่าของตัวอาคาร  ความเย็นฉ่ำของแอร์คอร์ดิชั่นที่ช่วยส่งเสริมบรรยากาศการเลือกพิจารณาหนังสือที่ต้องใช้สมาธิก่อนการตัดสินใจซื้อ  ชอบการบริการที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งร้านอาหาร  ห้องน้ำ ที่มีหลายจุดอย่างเพียงพอ   มีห้องนู้น   ห้องนี้  ห้องประชุมใหญ่ ห้องประชุมเล็ก แม้กระทั่งการให้บริการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ  ชอบมากค่ะ..

(๒)ชอบบรรยากาศของงาน  ชอบความสวยงามน่าสนใจของบูธร้านหนังสือแต่ละร้าน ชอบเทคนิคการดึงลูกค้าของแต่ละร้าน ตั้งแต่ประกาศลดราคาหน้าร้าน ด้วยตัวหนังสือใหญ่เบ้อเริ่ม ลดราคาตั้งแต่ ๘๐ % ลงมา ..เป็นราคาที่ลดสูงสุดได้กระมัง จากการเดินทั่วงาน..  การทำโบชัวร์ไปวางไว้ที่จุดประชาสัมพันธ์  การเดินเชิญชวนเข้าร้านด้วยการใช้เด็กๆแต่งตัวประหลาดๆให้น่าสนใจถือป้ายเดินรอบบริเวณงาน เพื่อดึงดูดหนอนตัวเล็กๆที่มาพร้อมคุณพ่อคุณแม่   ชอบการให้บริการจัดส่งของไปรษณีย์ไทยที่ดึงเอากลยุทธ์มากมายมาบอกกล่าวและดึงลูกค้าให้อยากส่งหนังสือด้วยบริการของไปรษณีย์     ชอบการจัดที่นั่งสำหรับหนอนหนังสือผู้รักการอ่านทั้งหลายที่เพลียจากการเลือกหนังสือได้พักได้นั่งก็ "เก้าอี้โอริงามิ" ไงคะ     บางช่วงเวลาที่มีลูกค้าคับคั่งก็นั่งแถวๆพรมปูพื้นบ้าง  ทางเดินบ้าง  นั่งที่ไหนก็ได้ เพราะค่อนข้างสะอาด ดูดี ที่สำคัญคืออากาศเย็นสบาย  ชอบอีกค่ะ..

(๓)ชอบซื้อหนังสือที่ลดราคา    ชอบมาก..ข้อนี้ และก่อให้เกิดความรู้สึกต่อมาคือสงสารผู้จัดทำหนังสือ   ปีนี้ได้กำหนดเงื่อนไขและเกณฑ์สำหรับ "ใจ" ของตัวเองก่อนเข้างาน ๓ ข้อ ข้อหนึ่งจะไม่ซื้อหนังสือเกินสิบเล่ม เพราะของเก่าปีที่แล้วยังอ่านไม่หมด     ข้อสองจะไม่ซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับการศึกษาเพราะมีมากแล้ว อยากซื้อประเภทอื่นบ้าง  ข้อสามจะไม่ซื้อหนังสือชุด หมายถึงทำหลายๆเล่มในเรื่องเดียวกัน อาทิ สี่แผ่นดิน หรือ กัลลิเวอร์ผจญภัย เพราะไม่มีเวลาอ่าน (ต้องใช้เวลามาเขียนบันทึกใน G2K..ค่ะ)   ฮือๆ..ทำได้เฉพาะข้อสามค่ะ    เข้าร้านไหนแล้วออกไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ติดมือหนึ่งเล่ม แต่ที่ถูกใจก็คือ ได้หนังสือแปล รวม ๔ เล่ม..ปลาเล็กกินปลาใหญ่   รู้เขารู้เราเท่าๆกัน    รวยได้ไม่ต้องโกง   และกลยุทธ์รู้ใจคน   ราคาถูกอย่างน่าใจหาย  หน้าปกราคา ๓๖๐ ซื้อจริง ๙๙ บาท หน้าปกราคา ๓๔๐ ซื้อจริง ๔๕ บาท ราคา ๑๘๐ บาท ซื้อจริง ๓๓ บาท ซื้อสามเล่มแถม ๑ เล่ม ฮูว์.. ได้หนังสือการศึกษา ๔ เล่ม ชอบๆทั้งนั้น กลุ่มนี้ลดไม่เยอะ ๒๐ % แถมท้ายเป็นหนังสือกลุ่มข้อคิดชีวิต ปรัชญา และศาสนา อีก ๘ เล่ม ชอบๆทั้งนั้น..เอาไว้ฝากเพื่อนๆ  โอย! ยังไม่หมด...แถมท้ายหนังสือราคาถูกกว่าก๋วยเตี๋ยวครึ่งชามอีก ๖ เล่ม ก็ต่วยตูนไงคะ..เอาไว้อ่านเวลาขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ อ่านแล้วอ่านเลย แบบฮาขำกลิ้งแถมทำให้สมองบรรเจิดเพริดพราวอีกตั้งพะเรอเกวียนอีกแน่ะ..รวมแล้ว ๒๔ เล่ม ลงทุนไม่ถึง ๒,๐๐๐ บาทเองค่ะ  

 

ความรู้สึกที่สองที่ตามมาติดๆ  

"สงสารหลายคน..หลายอย่าง..และสงสารประเทศไทย" 

(๑)สงสารผู้เกี่ยวข้องในการจัดทำหนังสือ   สงสาร..การกลั่นความคิดออกสู่งานเขียนของนักเขียนนักแปลทุกท่านทุกคน  สงสาร..สำนักพิมพ์ที่ทำหนังสือออกมามากมาย แล้วขายไม่ได้ตามเป้า สงสาร..สงสาร..ร้านค้าต่างๆที่นำหนังสือจากสำนักพิมพ์มาจำหน่ายแข่งขันกับร้านค้าเพื่อนบ้านเรือนเคียง  ต้องใช้กลยุทธ์ไม้เด็ดแพรวพราวและมากมายในการดึงลูกค้า  ไหนจะค่าจ้างค่าออนอีกสารพัน  ลองคิดดูสิคะ..ราคาหน้าปก ๓๖๐  ขายจริง ๔๕  บาท  ลดราคาตั้ง ๙๕.๘๓ % เทียวค่ะ...  เฮ้อ ! ช่างเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มเอาซะเลยยยย...

(๒)สงสารประเทศไทย   สงสาร..ที่ประเทศออกแรงในการลุ้น.. กระตุ้น..ส่งเสริม  สนับสนุน..ให้คนในชาติรักการอ่านได้ไม่เป็นผล    หากคิดเทียบสัดส่วนร้อยละของผู้คนที่มีโอกาสไปเดินในงาน น่าจะไม่เกินร้อยละ ๕ ของประเทศ  หรือ สามแสนกว่าคนในช่วง ๑๑ วันตั้งแต่เปิดงานจนปิดงาน  หากคิดโดยละเอียดไม่น่าจะถึงเสียด้วยซ้ำ เบาะๆวันละหนึ่งหมื่นคน ๑๑ วันก็แสนกว่าต้นๆเอง    เฮ้อ..ถึงสงสารประเทศไทยไงคะ ..มัวแต่เอาเวลาไปทะเลาะเบาะแว้งกัน   เรื่องสำคัญแท้ๆกลับไม่ให้ความสำคัญ ...

 

 

อีกประเด็นหนึ่งของความรู้สึกสงสารประเทศไทย..

จากการเกี่ยวข้องกับเรื่องของหนังสือ เรื่องของการรักการอ่าน เรื่องของการใช้งบประมาณของประเทศชาติบ้านเมืองในเรื่องการจัดซื้อหนังสือสำหรับห้องสมุด  ..หากมีการปรับบ้าง เคลื่อนบ้าง ขยับบ้าง ..ชาติไปไกลค่ะ ไม่ต้องให้ชาติอื่นที่อยู่ใกล้เคียงแซงหน้าไปหลายช่วงก้าวเป็นประเด็นแรก  แถมไม่ต้องสูญเปล่ากับงบประมาณที่ดั่งละลายลงแม่น้ำปิง วัง ยม  น่าน  และ เจ้าพระยาอีกต่างหากเป็นประเด็นที่สอง ..

ปรับ-เลื่อน-เคลื่อน..ระยะเวลาของการจัดสรรงบประมาณประจำปีทุกปีงบประมาณ พร้อมทั้งโอกาสของโรงเรียนในการใช้งบประมาณจัดซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดให้อิสระเสรียิ่งขึ้น  โรงเรียนมีสิทธิ์ในการเลือกซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดได้ตามความต้องการ   โห..หากเป็นได้ดั่งนี้ ดั่งสวรรค์เลยทีเดียว   คุณครูบรรณารักษ์กับนักเรียนมาเลือกซื้อหนังสือจากงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ..หรือระดับภูมิภาค(หากจัดตรง)ได้หนังสือตามต้องการ  แถมได้ในราคาลดอีกตั้งมากกว่า ๒๐-๗๐ %อีกแน่ะ  อะไรจะได้กำไรปานนี้  ..หนึ่งได้หนังสือตามต้องการ สองได้ในราคาลดแต่คุณภาพดังเดิม  สามส่วนลดยังเอาไปซื้อหนังสือได้เพิ่มอีก  มีให้เลือกเยอะแยะมากมายบานตะไท     ..เชื่อไหมคะ..ว่าหากทำได้ประเทศไทยได้กำไรอีกโขเชียวค่ะ  ..พูดไปสองไพเบี้ย..

(๓)สงสารตัวเองค่ะ..(อิอิ) เพราะต้องแบกหนังสือกลับทั้งบ่าซ้ายและขวา  อ่านไม่ทันก็เก็บไว้อ่านตอนเกษียณก็แล้วกัน ..แถมสงสารที่ต้องเป็นคนคิดมากคอยแต่สงสารประเทศที่ไม่มีชีวิตจิตใจ  แต่ดิ้นได้ก็เพราะคนไทยด้วยกันทั้งนั้นที่กระทำ

 นี่แหละค่ะ..เทคนิคการดึงลูกค้า..น่ารักดี

 

 

หมายเลขบันทึก: 308405เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 11:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
  • สวัสดีค่ะ
  • ครูส้มเอง..
  • อ่านบันทึกแล้วเข้าใจ ค่ะ  เข้าใจความรู้สึก..จากสภาพจริงที่ปรากฏ..
  • จะพยายามปลูกฝังนิสัยรักการอ่านกับตัวเด็กให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
  •      

       

 

  • สวัสดีค่ะ พี่ ศน.อ้วน
  • เขาไม่มีบริการส่งหนังสือทางไปรษณีย์ หรือคะ
  • อยากไปเห็นบรรยากาศบ้าง แต่เกรงจะเป็นลมอ่ะค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับบนทึกและรูปถ่ายบรรยากาศค่ะ

ดีจังที่พี่อ้วนได้ไปงานปีนี้ค่ะ ปีนี้ที่ทำงานจัดให้ไปศึกษาดูงานการบริหารจัดการงานมหกรรมหนังสือ เพื่อจะนำมาพัฒนาต่อยอดการทำงานหนังสือในส่วนของภูมิภาค แต่ขออนุญาตบอกบายโควต้าการเดินทางเที่ยวแรกนี้ เพราะไม่ค่อยสบายค่ะ ถึงแม้ว่างานมหึมามหกรรมหนังสือจะมีที่ กทม แต่ดาวลูกไก่ก็เข้าออกร้านหนังสือในเชียงใหม่ ทุกสัปดาห์เหมือนกัน สองคนแม่ลูก พาหนังสือออกจากร้านคนละเกินสิบเล่มเช่นกันค่ะ

ทั้งชอบการจัดงานและสงสารตามไปด้วยค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ เราทำเท่าที่ทำได้ ช่วยกันซื้อคนละเล่มสองเล่มก็พอและช่วยกันบอกต่อ ๆ ไป สงสารนักเขียนและผู้จัดพิมพ์ สิ่งที่ทำนี้ ก็ถือว่าดีที่สุดแล้วค่ะ น่ายกย่องมากเลยค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • น้องซิลเวียวางแผนว่าจะไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปค่ะ เพราะวันนี้วันสุดท้ายแล้วด้วย
  • อยากซื้อหนังสือหลายเล่ม ที่ราคาต่ำกว่าปกติ ที่สำคัญอยากเจอนักเขียนในดวงใจด้วยค่ะ
  • บอกได้อย่างเดียวว่าเสียดายมากค่ะ
  • แวะมาเยี่ยมอาจารย์ด้วยความเคารพค่ะ

ขอบคุณ..ครูส้มมากค่ะที่มาเยือนและเข้าใจสภาพปัจจุบัน

และพร้อมเป็นหนึ่งแรงในการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน

ดีใจมากค่ะ

ป้าแดงขา..มีค่ะมี บริการของไปรษณีย์ไทย

ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ

ใครซื้อมากน้อยแค่ไหนก็นำมาบรรจุกล่องส่งได้เลยค่ะ 

มีคนใช้บริการเยอะค่ะ..ได้แอบเก็บภาพไว้อยู่ค่ะ

ปีหน้าป้าแดงไปเที่ยวนะคะ

สวัสดีค่ะ..น้องดาว

ดีใจค่ะที่มาเยือนพี่อ้วน

ตอนนี้หายหรือยังคะ..ที่ไม่สบาย  รักษาสุขภาพด้วยเยอะๆนะคะ

ยิ่งต้องขึ้นล่องกรุงเทพเชียงใหม่บ่อยๆด้วย..

เดือนธันวา น้องดาวก็เตรียมงาน CMU Book Fair อีกเช่นทุกปีนะคะ

เป็นงานที่เชิดหน้าชูตาของเชียงใหม่งานหนึ่งเชียวค่ะ  

พี่อ้วนก็ได้แต่ประชาสัมพันธ์ให้คุณครูไปเที่ยวและซื้อหนังสือ 

แต่ส่วนมากคุณครูก็จะบอกว่าเสียดายที่ไม่ใช่ช่วงเงินงบประมาณเข้า  ก็จะได้ซื้อหนังสือดีๆที่ลดราคาเยอะๆ   

นอกจากโรงเรียนใหญ่ๆที่มีเงินพร้อม  หรือโรงเรียนเอกชนค่ะที่พร้อมตลอดเวลาในเรื่องนี้

พี่อ้วนก็เป็นนักท่องเที่ยวอีกเช่นเคย..แฟนคลับตัวจริงค่ะ

รักษาสุขภาพนะคะ..

คิดถึงเสมอค่ะ

พี่อ้วน

สวัสดีค่ะน้องซิลเวีย

ดีใจค่ะ..ที่พบคนรักการอ่านเพิ่มอีกและมีนักเขียนในดวงใจด้วย

ไม่เป็นไรค่ะ..ปีหน้าไปนะคะ

แต่เดี๋ยวนี้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป แม้แต่บิ๊กซี โลตัส ก็จะมีร้านขายหนังสือแบบลดราคาไปจัดจำหน่ายบ่อยๆ  อย่างน้อยเราก็ได้อุดหนุน และช่วยกันสร้างสังคมแห่งการอ่านแล้ว..นะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ..อาจารย์ศิลา

ดีใจค่ะ..ที่มาเยือนพี่อ้วน  สบายดีนะคะ ไม่ได้ทักทายกันเสียนาน

และก็ขอบพระคุณค่ะ ที่เข้าใจ

พี่อ้วนคงตั้งความหวังไว้เยอะ  ในเรื่องการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านค่ะ

และก็เสียดายการสูญเปล่าของประเทศ ทั้งๆที่รู้และก็สามารถแก้ไขได้ด้วย หากมีการพลิกฟื้นและร่วมมือกันอย่างจริงจังของทุกฝ่าย

ไม่ได้กำหนดเป็นเพียงนโยบายที่เป็นเพียงฝันลมๆแล้งๆเท่านั้น

สำหรับพี่อ้วนก็พยายามทำอย่างที่สุดค่ะ..ที่พึงจะกระทำได้

ทั้งในบทบาทหน้าที่และโดยส่วนตัว

จากที่เห็น..การจัดงานระดับชาติเช่นนี้  ก็รู้สึกดีค่ะ เพราะชอบอยู่แล้ว

แต่จะทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่ในทุกภูมิภาคของประเทศได้เข้าถึงงาน..เข้าถึงความรู้ที่ดีๆเช่นนี้

ภาครัฐควรเข้ามาจับมือเล่นด้วยให้เป็นเรื่องเป็นราว-ให้ต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่

พี่อ้วนชอบนโยบายการส่งเสริมการอ่านของประเทศนิวซีแลนด์จังค่ะ

๑) ทุกหนึ่งตารางกิโลเมตรในประเทศ จะต้องมีบริเวณสำหรับการอ่านหนังสือ

๒) ทุก ๑๐ ร้านจะต้องมีร้านหนังสือ ๑ ร้าน

๓) ทุกๆ ๑๐ วันจะต้องมีวันหนังสือหนึ่งวัน

หากประเทศไทยทำได้จะๆเช่นนี้..คงแจ๋วไปเลยนะคะ

กินครูเป็นอาหารวันละบท

เล่นล้ออรรถรสวันละหน

อ่านเขียนวันละครั้งอย่างแยบยล

ผลิดอกออกผลจากต้นรัก

"ครูกานท์"

ขอเป็นแรงใจให้ความรักการอ่านผลิบานเหมือนดอกหญ้าทุกหย่อมย่านลานชีวิต

สวัสดีค่ะ  ท่านศน.อ้วน

  • กำลังจะปิดเครื่องเข้านอนแล้ว 
  • ศน.อ้วนเข้ามาพอดี
  • ก้อเลยแวะมาทักทายจ้า  .....
  • ครูตาไปหาซื้อหนังหนังสือโอริงามิ(เรียกถูกมั้ยเนี่ย)ของ ดร.ชิว ทั่วลป.ยังไม่เจอเลย
  • อยากพับกระดาษเป็นบ้างอ่ะ ...
  • ท่าต้องไปเรียนข้ามจังหวัดกับท่านศน.แล้วกระมั้งค่ะ  อิอิ 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท