คนที่ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณ People Live in Public Area
หลายคนคงสงสัยในคำว่า “ผู้ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะ” ซึ่งเป็นคำนิยามใหม่ ที่เราชาวอิสรชนให้เรียกคนที่มากินมานอนในพื้นที่สาธารณะ ว่า “ผู้ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะ” แทนคำว่า “คนเร่ร่อน จรจัด” เพราะคำว่า “คนเร่ร่อน จรจัด” เป็นคำที่ใช้เรียกในเชิงที่เป็นการเหยียบย่ำคนไร้บ้าน เหมือนเขาไม่มีตัวตน ทั้งเขาก็คือ เพื่อนมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน แต่ใช้คำเรียกเขาว่า “คนจรจัด” เหมือน “สุนัขจรจัด” แค่เพียงว่าเขาใส่เสื้อผ้าตัวเก่า มีกลิ่นตัว กลายเป็นว่าคนไร้บ้านต้องถูกมองอย่างด้อยค่าลงไปอีก ผลจากการไม่เข้าใจในวิถีชีวิตที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้ การที่อิสรชนเรียกคนเหล่านี้ว่า “ผู้ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะ” นั้นเพราะว่า เขาใช้ชีวิตกินอยู่หลับนอนในพื้นที่สาธารณะ เหมือนเช่นเราที่มักมีคนถามว่าเป็นคนที่ไหน เราก็จะบอกว่า เราเป็นคนสมุทรสาคร เช่นกัน คนไร้บ้านในพื้นที่สนามหลวง เวลามีคนถามเขาก็จะบอกว่าเขาเป็นคนสนามหลวง ไม่ใช่คนเร่รอน จรจัด เพราะเขาไม่ได้เร่ร่อนไปไหน “มีหลายคนเคยขอว่าอย่าเรียกเราเลยคนเร่ร่อน มันรู้สึกแย่ลงไปอีก ทำไมต้องเรียกทั้งที่เราไม่ได้เร่ร่อน เรามาใช้สนามหลวงในการหลับนอน บ้านของเราก็คือสนามหลวง”
ทำไมคนเหล่านี้ ไม่กลับบ้าน ทำไมไม่ไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ ??? และอีกหลากหลายคำถามที่สังคมสอบถาม แต่อยากจะย้อนถามกลับสังคมเช่นกันว่า คุณได้ลงมาเรียนรู้หรือเข้าใจในวิถีชีวิตของคนไร้บ้านเหล่านี้ปรือยัง หรือเพียงคุณสรุปเขาเพียงแต่การบอกเล่าต่อกันมา การมองเขาจากการแต่งตัวภายนอก ทั้งที่ไม่เคยรู้เลยว่าในชีวิตจริงของเขานั้นประสบพบเจอกับอะไรบ้าง และอะไรที่ทำให้เขาสู้อยู่ ทั้งที่ชีวิตเขาแทบถือว่าเป็นคนจนเมืองที่ไม่มีใครเหลียวแล แถมยังถูกตีตราจากสังคม คือแถบจะตกจากชายขอบด้วยซ้ำ แต่เขายังสู้ในฐานความคิดที่ว่า เขาก็มือสองมือ สองเท้า เหมือนเพื่อนมนุษย์ทั่วไป ยังทำมาหากินได้ แต่คนในสังคมอีกเยอะก็ยังมองว่าเขายังเป็นคนที่ขี้เกียจ บ้านมีไม่กลับ แต่บ้านที่มีของเขานี้ คุณรู้ไหมว่า มันเป็นบ้านจริง ๆ หรือเปล่า มีความอบอุ่นในบ้านหรือไม่
จากการทำงานมากว่า 5 ปี ของอิสรชน เราพบว่า คนไร้บ้านนั้น มาจากสาเหตุที่ซับซ้อน และหลากหลาย เป็นข้อถกเถียงที่ไม่ยุติ โดยในด้านปัจจัยส่วนบุคคล อาจมาจากสาเหตุหลัก 5 ประการ คือ
- ความเปราะบางของสถาบันครอบครัวคือการไม่ยอมรับจากคนในครอบครัว ครอบครัวไม่มีเวลา ไม่มีการพูดคุยหรือเจอหน้ากันในครอบครัว การถูกขับไล่ออกจากครอบครัว การแย่งชิงมรดก เป็นต้น
- ภาวะไม่มีงานทำ การถูกโกงจากนายจ้าง โดยเฉพาะ อาชีพ ยามและกรรมกรก่อสร้าง
- คนที่พ้นโทษจากเรือนจำและไม่มีที่ไป ไม่มีงานทำ สังคมยังไม่ได้ให้โอกาสเขาอย่างแท้จริง
- คนที่สุขภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ วิกลจริต พลัดหลงออกมาจากบ้าน ไม่มีที่ไป กลับบ้านไม่ถูก หรือคนในครอบครัวไม่ยอมรับ
- ผู้สมัครใจที่จะเป็นคนไร้บ้าน ซึ่งรวมถึงกลุ่มคนที่ติดสุราเรื้อรัง เพราะรักนความอิสระ สามารถไปไหนมาไหนได้ เขามีความเตรียมพร้อมในชีวิตระดับหนึ่ง หรือไม่มีภาระอะไรที่เหลืออยู่ ขอใช้ชีวิตที่เหลือตามอิสระที่ตนอยากมี
แต่คนไร้บ้านที่ออกมาอยู่ในพื้นที่สาธารณะ นั้นต้องดิ้นรนต่อสู้ด้วยตนเองที่จะมีชีวิตอยู่ในแต่ละวัน โดยการเก็บขวดขาย หาของเก่าขาย รับจ้างรายวัน ถ้าวันไหนที่ไม่มีกินจริง ๆ ก็คงต้องเป็นเศษอาหารที่เหลือกินตามถังขยะ หรือขอกินกับวัด โดยการทำงานช่วยพระกวาดลานวัด
การแก้ปัญหาคนไร้บ้านต้องมองอย่างจำแนกแยกแยะ และแต่ละคนก็แต่ละปัญหาที่แตกต่างกันออกไป บางคนสามารรถฟื้นฟูได้ในเวลาอันสั้น แต่บางคนต้องใช้เวลาที่ยาวนาน จากการทำงานของอิสรชนนั้น เราใช้เวลากับแต่ละคน ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป จนถึงเวลา 2 ปี กว่าที่เขาจะยอมกลับบ้านโดยไม่ย้อนกลับมาอีก อย่างเช่น กรณี พี่ชัย ที่ตอนนี้กลับไปอยู่ที่บ้านได้เกือบ 2 ปี โดยไม่ได้กลับมาสู่สนามหลวงอีกเลย เรารู้จักพี่ชัยในเวลาเกือบ 2 ปี ที่ผ่านการพูดคุยกันมา พี่ชัยมาแสวงหางานทำในเมืองหลวง แต่ถูกโกงจากนายจ้างสารพัด พี่ชัยเป็นคนมีฝีมือทางด้านช่าง เป็นกลุ่มคนที่ตอนที่วัดสังเวชไฟไหม้ อิสรชนขอความร่วมมือจากกลุ่มพี่ชัยประมาณ 4-5 คน ไปช่วยสร้างบ้านให้คนที่ถูกไฟไหม้ เมื่อปลายปี 50 พี่ชัยป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล เราตามญาติพี่ชัยลูกสาวขอร้องให้พ่อกลับบ้าน หลังจากออกจากโรงพยาบาลพี่ชัยกลับบ้านโดยอิสรชน แวะไปเยี่ยมทุกครั้งที่ไปตระเวนทำกิจกรรมที่ภาคอีสาน พี่ชัยยังดื่มเหล้าเหมือนเดิม ไม่ชอบนอกในบ้าน ชอบนอนในบริเวณรอบ ๆ บ้าน แต่ยังไงก็อยู่ในความดูแลของแม่และคนในครอบครัว และแกก็มีอาชีพรับจ้างในชุมชนไม่ไปไหนไกลจากบ้าน
ปัญหาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือการมองอย่างอคติ เหมารวมและไม่แยกแยะของสังคม ซึ่งไม่ยุติธรรมกับคนไร้บ้าน และเป็นอุปสรรคสำคัญที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ในที่สุด ปัญหาการจัดสวัสดิการของรัฐคือนอกจากตัวกฎหมายที่ไม่ครอบคลุม การจัดสวัสดิการที่ไม่สอดคล้อง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไร้บ้านไม่ได้รับการดูแล ซึ่งถือเป็นความจริงอีกด้านหนึ่งที่สังคมอาจไม่เคยรู้ให้เข้าสู่การยอมรับของสังคมมากขึ้น ว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจและหวาดระแวงไปเสียทุกคน แต่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือและโอกาสจากสังคมเช่นคนกลุ่มอื่นด้วยเช่นกัน เพียงแค่คุณมองเห็นเขาว่าเป็นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งอย่างเรา ๆ ทั่วไป และให้โอกาสเขาได้มีที่ยืนอีกครั้งในสังคม แค่นั้นเขาก็พร้อมที่จะพัฒนาตัวเขาเองได้ด้วยตัวเขาเอง โดยอิสรชนเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนสามารถพัฒนาตนเองด้วยตัวเอง
อัจฉรา อุดมศิลป์ : เขียน/เรียบเรียง