ฮัจญ์ ความเสมอภาคและภราดรภาพของมนุษย์.


ฮัจญ์ ความเสมอภาคและภราดรภาพของมนุษย์.

ฮัจญ์ ความเสมอภาคและภราดรภาพของมนุษย์.

 

ฮัจญ์ เป็นศาสนกิจสำคัญที่อิสลามกำหนดให้มุสลิมต้องปฏิบัติอย่างน้อยที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต หากมีความสามารถทางด้านร่างกายและเงิน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพสักการะและความศรัทธาต่อพระเจ้า ขณะเดียวกันในระหว่างพิธีการทำฮัจญ์ ผู้ทำฮัจญ์จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และเดินย้อนรอยจริยวัตรแห่งความศรัทธาของนบีคนสำคัญๆบางคน อย่างเช่น นบีอิบรอฮีม และนบีมุฮัมมัดด้วยตัวเอง พิธีฮัจญ์จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 8-13 เดือนซุลฮิจญะฮฺ เดือนสุดท้ายของปฏิทินอิสลาม ซึ่งมีจำนวนวันน้อยกว่าปฏิทินทางสุริยคติ 11 วัน พิธีฮัจญ์เป็นการเรียกร้องเชิญชวนผู้ศรัทธาของพระเจ้าผ่านทางนบีอิบรอฮีม (อับราฮัม) ผู้ได้รับคำบัญชาจากพระเจ้าให้สร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺ อาคารหินธรรมชาติทรงสี่เหลี่ยมกลางนครมักก๊ะฮฺ เพื่อเป็นสถานที่สักการะพระเจ้าองค์เดียวที่ชาวอาหรับเรียกว่าอัลลอฮฺและชาวฮิบรูเรียกว่า “ยะโฮวาห์” ดังนั้น ในช่วงเวลานี้มุสลิมผู้ศรัทธาจากทั่วทุกมุมโลกนับล้านๆคน ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ สีผิวใด กำลังมุ่งหน้าเดินทางไปสู่นครมักก๊ะฮฺเพื่อตอบรับคำเชิญชวนของพระองค์

มัลคอล์ม เอ๊กซ เป็นชาวอเมริกันผิวดำคนหนึ่งที่หันมารับนับถือ อิสลามโดยใช้ชื่อว่า “มาลิก เอลชับบาซ” และเป็นสมาชิกชั้นในขบวนการ “ชาติแห่งอิสลาม” (Nation of Islam) ในอเมริกา เขาใฝ่ฝันที่จะเห็นความเสมอภาคและภราดรภาพในหมู่มนุษย์ที่มีต่างสีผิวและเผ่าพันธุ์ วันหนึ่งเขาได้มีโอกาสเดินทางไปทำฮัจญ์ร่วมกับมุสลิมคนอื่นๆจากทั่วโลก ระหว่างที่อยู่ในมักก๊ะฮฺ เขาได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงผู้ช่วยของเขาในฮาร์เลม แหล่งอาศัยของชาวอเมริกันผิวดำโดยมีข้อความดังนี้ “ผมไม่เคยเห็นความโอบอ้อมอารีและจิตวิญญาณแห่งความเป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริงเหมือนกับที่ผู้คนทุกสีผิวและเผ่าพันธุ์ปฏิบัติกันในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่แห่งนี้มาก่อนเลย สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของอับราฮัม มุฮัมมัด และบรรดานบีอื่นๆ ในคัมภีร์ทางศาสนาทุกเล่ม สัปดาห์ที่แล้ว ผมพูดอะไรไม่ออกและต้องมนต์สะกดจากการที่ได้เห็นความเอื้ออาทรซึ่งกันและกันของคนต่างสีผิวรอบตัวๆผม ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าให้มาเยือนนครมักก๊ะฮฺอันศักด์สิทธิ์แห่งนี้ ผมได้เดินเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺ 7 รอบ โดยการนำของเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อมุฮัมมัด ผมได้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำซัมซัม ได้วิ่งเหยาะๆไปมาระหว่างเนินเขาเศาะฟาและมัรฺวะฮฺ 7 เที่ยว ผมได้ไปนมาซที่เมืองมินาอันเก่าแก่ และได้ไปวิงวอนขอพรต่อพระเจ้าที่ทุ่งอะเราะฟะฮฺมาแล้ว ผู้คนเดินทางมาทำฮัจญ์ครั้งนี้มีจำนวนนับล้านๆคนจากทั่วโลก มีทุกสีผิวตั้งแต่ผมสีทองตาสีฟ้าไปจนถึงชาวแอฟริกันผิวดำ แต่เราทั้งหมดก็มาร่วมในพิธีกรรมเดียวกัน แสดงออกถึงจิ ตวิญญาณแห่งความเป็นหนึ่งเดียวและความเป็นพี่น้องกัน ซึ่งประสบการณ์ของผมในอเมริกาทำให้ผมเชื่อว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในระหว่างคนผิวขาวกับคนที่มิใช่ผิวขาว

อเมริกาต้องเข้าใจอิสลาม เพราะอิสลามเป็นศาสนาที่ลบล้างปัญหาเรื่องชนชาติออกไปจากสังคมของตน ตลอดการเดินทางของผมในโลกมุสลิม ผมได้พบปะพูดคุยและกินอาหารร่วมกับคนที่ถือได้ว่าเป็นคนผิวขาวในอเมริกา แต่ทัศนคติความเป็นคนผิวขาวได้ถูกขจัดออกไปจากจิตใจของพวกเขาแล้วโดยศาสนาอิสลาม ผมไม่เคยเห็นความ เป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริงและจริงใจจากคนทุกสีผิวมาก่อนเลย คำพูดของผมอาจทำให้คุณประหลาดใจ แต่ในการทำฮัจญ์นี้สิ่งที่ผมได้เห็นและประสบมาทำให้ผมต้องจัดรูปแบบความคิดที่ผมยึดถือมาก่อนหน้านี้เสียใหม่ และต้องสลัดข้อสรุปเก่าๆบางอย่างของผมทิ้งไป นี่ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับผม ถึงแม้ผมจะมีความเชื่อมั่นอย่างแน่ว แน่ อย่างไรก็ตาม ผมก็เป็นคนที่พยายามจะเผชิญกับความจริงและยอมรับความจริงแห่งชีวิตเมื่อผมได้พบประสบการณ์ใหม่และความรู้ใหม่ ผมมักจะเปิดใจกว้างเสมอซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีควบคู่กันไปกับการค้นหาสัจธรรม

ในระหว่าง 11 วันที่ผ่านมาที่นี่ในโลกมุสลิม ผมได้กินอาหารจากจานเดียวกัน ดื่มน้ำจากถ้วยเดียวกัน และนอนบนพรมผืนเดียวกัน ในขณะที่นมาซแสดงความเคารพพระเจ้าองค์เดียวกันกับพี่น้องมุสลิมตาสีฟ้า ผมสีทองและผิวสีขาว ผมรู้สึกถึงความจริงใจทั้งในคำพูดและการกระทำของมุสลิมผิวขาวเช่นเดียวกับที่ผมรู้สึกจากในหมู่มุสลิมผิวดำจากไนจีเรีย ซูดาน และกานา เราเป็นพี่น้องเดียวกันทั้งหมดจริงๆ เพราะความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวของพวกเขาได้ขจัดความรู้สึกเป็นคนผิวขาว พฤติกรรมและทัศนคติของคนผิวขาวทั้งหมดออกไปจากจิตใจของพวกเขา จากที่กล่าวมานี้ ผมสามารถเห็นได้ว่าถ้าชาวอเมริกันผิวขาวยอมรับความเป็นหนึ่งเดียวของพระเจ้า บางทีพวกเขาอาจจะยอมรับความจริงในความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษย์และหยุดที่จะวัด กีดกันและทำร้ายคนอื่น เพราะความแตกต่างในเรื่องสีผิว ด้วยลัทธิเหยียดเผ่าพันธุ์ที่แพร่ระบาดในอเมริกาดุจดังมะเร็งร้ายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ หัวใจของชาวอเมริกันที่เรียกว่า “คริสเตียน” ควรจะยอมรับวิธีการที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลมาใช้ในการแก้ปัญหาทำลายล้างดังกล่าวมากขึ้น บางทีมันอาจจะช่วยอเมริกาให้รอดจากหายนภัยอันยิ่งใหญ่ได้ทันเวลา นั่นคือการทำลายที่เกิดขึ้นกับประเทศเยอรมันโดยลัทธิเหยียดเผ่าพันธุ์ที่ในที่สุดแล้วก็ทำลายคนเยอรมันเอง แต่ละชั่วโมงในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผมได้รับความรู้ทางด้านจิตวิญญาณในการมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอเมริการะหว่างคนผิวดำกับคนผิวขาว เราไม่อาจไปตำหนิชาวอเมริกันนิโกรที่มีความรู้สึกเป็นศัตรูทางด้านเผ่าพันธุ์ เขาเพียงแต่ตอบโต้ความรู้สึกเหยียดเผ่าพันธุ์ของชาวอเมริกันผิวขาวที่มีมากว่าสี่ร้อยปีแล้ว แต่ในขณะที่ลัทธิเหยียดเผ่าพันธุ์นำอเมริกาไปสู่หนทางแห่งการฆ่าตัวตาย ผมเชื่อเหลือเกินว่าจากประสบการณ์ที่มีผมมีกับพวกเขา คนผิวขาวรุ่นใหม่ในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยจะเห็นการเขียนลายมือบนกำแพงและหลายคนจะหันมาสู่หนทางแห่งสัจธรรมทางด้านจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่เหลือไว้สำหรับอเมริกาในการขจัดความหายนะอันเกิดจากลัทธิเหยียดเผ่าพันธุ์ ผมไม่เคยได้รับเกียรติอย่างสูงเช่นนี้มาก่อนเลย ไม่เคยเลยที่ผมถูกทำให้รู้สึกต้องถ่อมตนมากขึ้น ใครจะเชื่อในความดีงามที่ถูกนำมา กองไว้บนชาวอเมริกันนิโกร? สองสามคืนก่อนหน้านี้ คนผู้หนึ่งที่ในอเมริกาจะถูกเรียกว่าคนผิวขาว นักการทูตสหประชาชาติ ทูตคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของกษัตริย์ได้มอบห้องชุดในโรงแรมและเตียงนอนของเขาให้ผม ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดฝันว่าจะได้รับเกียรติเช่นนั้น เกียรติที่ในอเมริกาจะมอบให้แก่กษัตริย์เท่านั้น ไม่ใช่นิโกร บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ด้วยความจริงใจ อัลฮัจญ์ มาลิก เอลชับบาซ” (มัลคอล์ม เอ็กซ)


โดย อ.บรรจง บินกาซัน จากข้อเขียนของอัลฮัจญ์ มาลิก เอลชับบาซ” (มัลคอล์ม เอ็กซ)

 

หมายเลขบันทึก: 307919เขียนเมื่อ 23 ตุลาคม 2009 08:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท