วันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่เรากับพี่นัวเนีย(ณัฐภูมินทร์ ภูครองผา) เป็นเจ้าของกลุ่มงานกิจกรรมโดยปริยาย เพราะต่างคนต่างมีพันธกิจและภาระของงานที่ต้องเดินทางไปคนละทิศละทาง และก็คงเป็นครั้งแรกเลยล่ะตั้งแต่เราเข้ามาทำงานที่นี่ ที่ต้องรับผิดชอบอย่างหนักหน่วงเพียงลำพัง ถึงแม้ว่าจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแต่เราก็รู้สึกได้ถึงความเป็นทีมว่ามีพลังมากแค่ไหน
เริ่มตั้งแต่ บอสส ของเราต้องเข้าสัมมนา ที่ขอนแก่นตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของกลุ่มงานเราที่ก้าวเข้ามาด้วย ทำให้รู้สึกว่ากลุ่มงานเรามีคนน้อยลงไปถนัดตา จาก 4 งาน เราเหลือเพียงงานกิจกรรมเพียงงานเดียวแล้ว จึงดูเหมือนว่าเราจะอบอุ่นมากขึ้นด้วยเขตพื้นที่ทางการปกครองในห้องสำนักงานเราน้อยลง แต่ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องเราก็ยังดูดีอยู่เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ ทุกเที่ยงที่มีโอกาสเรายังคงไปกินข้าวด้วยกันเสมอ เพียงแต่ภาระของงานเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป
อีกเพียงอาทิตย์ต่อมา เราเองก็เลยตกลงจัดโครงการ “จัดการความรู้สู่ผู้นำองค์กรนิสิต ครั้งที่ 4” หรือจะเรียกแบบชาวบ้านก็คือการ ปฐมนิเทศนิสิตก่อนออกค่ายในช่วงฤดูฝนนั่นแหล่ะ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้น แต่ยอมรับว่าแม้เราจะเป็นนิสิตที่อยู่เลียบเคียงกับวงการค่ายและกิจกรรมอยู่มากก็ไม่เคยได้ร่วมโครงการแบบนี้สักที จึงทำให้ครั้งแรกที่เราได้รับมอบหมายในการเขียนโครงการก็หวั่นอยู่เหมือนกัน เพราะเรายังมองงานไม่ได้แจ่มแจ้งเท่าไหร่ ในตอนนั้นให้กำใจตัวเองเพียงว่า “เอาน่า!!!!!งานอื่นเราก็ไม่เคยยังพอเรียนรู้ได้ งานนี้ก็ถือเป็นบทเรียนไปแล้วกัน” เช้าวันที่ 10 ตุลาคม 2552 ทั้งน้องและเพื่อนพี่ พร้อมที่จะเดินทางไปที่บ้านกุดร่องกันแล้ว และด้วยเหตุที่เร่งด่วนทางเวลาการเตรียมตัว และการเหมือนมือใหม่หัดขับของเราด้วย งานนนี้คนไม่เยอะเป็นสามสิบสี่สิบ มีเพียงแค่ยี่สิบกว่าๆเท่านั้น แต่ก็ยังดีที่เป็นบรรดาน้องที่เข้ามาติดต่องานกับเราอยู่บ่อยๆ งานนี้ไม่ได้อธิบายอะไรมาก แม้น้องที่มาร่วมค่ายกับเราครั้งนี้จะพยายามถามซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ตามที
ภายไต้ร่มไม้ที่รื่นรมณ์ เคียงข้างกับสายน้ำชีที่เอื่อท่วมเต็มฝั่ง หมู่ปลาตะเพียนแหวกว่ายอยู่ขวักไขว่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และฤดูกาลปลายฝนที่รวงข้าวเริ่มแก่ เวลาจวนจะสิบโมงเข้าแล้วที่เราเริ่มกระบวนการในการจัดการความรู้กันอย่างเป็นทางการ ที่ไม่ได้มีทางการเท่าไหร่ ด้วยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และถ่ายทอดความรู้ให้แก่กัน และการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากพี่ๆของกลุ่มงานกิจกรรมเราโดยตรง และนั่นเป็นความต้องการแรกของเราที่มองโครงการนี้ว่าจะให้เกิดขึ้น แต่ก็ยอมรับอย่างเต็มประตูว่าเราเองอาจจะวางแผนงานไม่ค่อยรอบคอบเท่าไหร่ แต่ก็พยายามเต็มที่แล้ว
สิ่งที่ปลื้มที่สุดในการจัดงานนี้ผ่านพ้นไปไม่ใช่ว่า ผ่านไปได้ดีหรือไม่ดี แต่ที่เรารู้สึกว่านี่เป็นมือใหม่ที่เราหัดขับรถทัวร์ ไม่ใช่รถมอเตอร์ไซด์ คือ สุดท้ายน้องๆต่างลงความเห็นในแบบประเมินความคาดหวัง เกือบทุกคนว่าได้แลกเปลี่ยนประสบการณืการทำค่ายกับเพื่อน ถึงแม้ว่าความสนุกสนานเราจะมีน้อยแต่ทุกคนก็ยังอิ่มเอมกับการได้อยู่ร่วมกัน
นี่ก็เป็นเพียงงานเขียนที่เราสาธยายไปเรื่อยตามความทรงจำที่มี และขอให้เป็นความทรงจำสำหรับเราในการบันทึกสิ่งที่ผ่านพ้นมาในชีวิต อย่างน้อยนี่ก็เป็นอีกก้าวที่เราพยายามก้าวให้เยือกเย็นและมั่นคงที่สุดแล้วกับอีกคนเล็กๆที่พยายามโต.......
สำหรับคนเล็กๆ ...
ที่พยายามจะโต ...
ทุกย่างก้าว ... ย่อมเป็นบทเรียนอันสำคัญ
^____^
จะกลัวอะไร ... ในเมื่อมีคนเดินเคียงข้าง ... มากมาย
หายไปนานมากๆสบายดีไหมครับ
หายไปอีกแล้ว นานมากๆๆๆ
ครับอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง พอดีว่าด้วยเหตุที่มุ่งทำงานหนักหน่วงไปหน่อยจนลืมจัดการตัวเองครับเลยหายหน้าไปนานเลยครับ..แต่ก็ยังคิดถึงเสมอครับ..
การได้ร่วมชะตากรรม...คือการแชร์/แบ่งปันประสบการณ์อันสำคัญของชีวิต..