อิ่มท้องแล้ว ก็นำสาหร่ายใบสีน้ำตาลที่ติดมือมาจากสุสานหอยตั้งกะเมื่อวานนี้มาลองเรียน อีกเรื่อง สงสัยที่ได้ยินคำบอกว่า ลวกแล้วสีน้ำตาลนั้นมันจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และรสชาดเวลากินมันอร่อยนัก
ลองดูแล้วได้ผลเป็นอย่างนี้ ยืนยันว่าจริงนะที่ชาวบ้านบอก ใบโดนน้ำร้อนลวกแล้วเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวจริงๆด้วย น่าทึ่งจริง ไม่เห็นสีมาก่อนจะลวกจะไม่เชื่อเลย
ภายใต้สิ่งที่ชาวบ้านเขาบอกมานั้นมีภูมิปัญญาซ่อนอยู่ด้วยนะ เขาบอกว่า "ลวก แล้วใบมันจะเปลี่ยนสี ลวกนะไม่ใช่ทำให้สุก"
ก่อนจะลองก็ทบทวนความเข้าใจนะ ว่าอะไรที่เขาย้ำนั้น ต่างอะไรไปจากที่เราเคยเข้าใจบ้าง
อ้อ ตรงนี้เอง "ลวก" มีความหมายนะ เอ๋ แล้วทุกทีเราลวกอย่างไร
ถ้าหากลวกและต้มต่างกันที่อุณหภูมิน้ำ แปลว่าการเปลี่ยนสี มีเรื่องของอุณหภูมิที่แสดงถึงระดับความร้อนเข้ามาเกี่ยวซิ
การลองคราวนี้จึงเป็นแช่ในน้ำร้อนที่ยกลงจากเตาใหม่ แล้วลองดูผล ก็ได้เห็นผลอย่างในภาพค่ะ
ลองดึงสักส่วนมาเข้าปากเพื่อชิมรสชาด โห เหนียวเชียว ดึงอยู่นานกว่าจะขาดออกจากกันได้ เหนียวขนาดดึงเชือกกล้วยสดๆให้ขาดจากกันนั่นแหละค่ะ
ใส่ปากเคี้ยว อืม หนึบๆ เหนียวๆ หยุ่นๆ ความรู้สึกเหมือนกับตอนได้เคี้ยวเห็ดหูหนูขาวที่เกือบจะสุกยังไงยังงั้น
ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสหวานแทรก ถือว่าเป็นผักที่อร่อยอีกชนิดหนึ่งทีเดียวเชียว
เรื่องนี้มาบันทึกไว้ ด้วยว่ามันเป็นความรู้ใหม่ที่ได้รู้ครั้งแรกด้วยตัวเอง ถือเป็นการทำการบ้านให้ใจที่อยากจะรู้เปลี่ยนสียังไงค่ะ
18 ตค.2552
พี่หมอเจ๊คะ
ส่งมาให้ทางเหนือลองชิมบ้างนะคะ
เห็นแล้วอยากลองบ้างค่ะ...อิอิ
ขอบคุณค่ะ
น่าสนใจนะคะ ลวกผักจากสีน้ำตาลเป็นเขียว
สวัสดีครับคุณหมอเจ๊ แซ่เฮคนงาม
ท่านอัยการส่งคนพิดโลกกลับบ้าน
ส่วนคนพัดลุงก็มาทำหน้าที่ของงานหลวงตามปกติ พอให้มีรายได้ ไปหาความรู้ตามเวทีต่างๆครับ
หมอครับเห็นสายที่ชาวบ้านนำมาแล้ว ผมนึกถึงอาหารอีกชนิด นอกจากที่คุยกับหมอเรื่องเคยจี ที่เกาะหมุยแล้ว
นั้นคือพร้าวปิ้ง พร้าวขูดซาวเครื่องแกงห่อใบตองเอามาปิ้ง (ห่อเหมือนเหนียวเป้าหล่างปิ้ง)สามสิบปีกว่าแล้วที่ห่างลิ้นไปครับ น่าจะเป็นอาหารที่มีคุณค่าลดเบาหวานได้ เพราะมันออกตอนปิ้งครับ