ท.ณเมืองกาฬ
นาย ทรงศักดิ์ พิราบขาว ภูเก้าแก้ว

อาถรรพณ์เพชรซาอุ


คำสาปเพชรแบล็ก ออร์โลฟ

คำสาปเพชรแบล็ก ออร์โลฟ

 

 เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด (Prince Faisal Bin Fahd Bin Abdul Aziz)


   

                     ศาลสั่งประหารชีวิต...ชลอ

     ขึ้นชื่อว่าเพชร อัญมณีสูงค่าที่มีความแข็งแกร่งและแวววาวยากจะหาอัญมณีใดเสมอเหมือน แม้จะแฝงมาด้วยความอาถรรพณ์ที่ผู้เป็นเจ้าของต้องสะพรึงกลัว แต่ก็ไม่ได้บั่นทอนให้คุณค่าและความน่าหลงใหลของมันลดน้อยลงไป ในทางตรงข้ามกลับยิ่งเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้เพชรดูลึกลับน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้นไปอีก

   สำหรับ "แบล็ก ออร์โลฟ (Black Orlov)" หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "เนตรแห่งพรหม (Eye of Brahma)" ขนาด 67.5 กะรัต ซึ่งมีประวัติว่าผู้ที่เคยเป็นเจ้าของมันถึง 3 รายต้องพบจุดจบชีวิตที่น่าสยดสยอง จัดแสดงให้ชมเป็นขวัญตาครั้งแรกในนิทรรศการเพชร ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ


    ย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 2490 เจ้าหญิงนาเดีย เฟกิน-ออร์โลฟ (Princess Nadia Vyegin-Orlov) และเจ้าหญิงลีโอเนล กาลิตไซน์-บาเรียตินสกี้ (Princess Leonila Galitsine-Bariatinsky) ผู้เป็นเจ้าของแบล็ก ออร์โลฟ ถูกบันทึกว่าฆ่าตัวตายทั้งสองพระองค์

   กระทั่งสิบห้าปีก่อนหน้านี้ เจ ดับเบิลยู ปารีส (JW Paris) ผู้นำเข้าแบล็ก ออร์โลฟมาสู่สหรัฐอเมริกา กระโดดตึกฆ่าตัวตาย ปิดฉากชีวิตพ่อค้าอัญมณีที่ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในมหานครนิวยอร์ก หลังจากที่เพิ่งปิดการขายเพชรเม็ดงามนี้ได้หมาดๆ

   แบล็ก ออร์โลฟ จึงเลื่องลือว่าเป็นเพชรต้องคำสาปที่ผู้เป็นเจ้าของต้องหวาดกลัว

    ประวัติของเพชรเม็ดนี้คลุมเครือ ตามตำนานร่ำลือถึงนักบวชรูปหนึ่งที่ขโมยเพชรดั้งเดิมเม็ดมหึมาขนาด 195 กะรัต ออกจากดวงตาของพระพรหม เทวรูปศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูในวิหารแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองพอนดิเชอรี่ ในอินเดีย การกระทำที่เป็นการลบหลู่เทพเจ้านำพาคำสาปมาสู่ผู้เป็นเจ้าของหินเลอค่า

    ความพยายามในการล้างอาถรรพณ์ที่ติดมากับเพชร คือการเจียเพชรออกเป็นสามเม็ดย่อม จากนั้นเพชรถูกกระจายไปเป็นกรรมสิทธิ์ของบรรดามหาเศรษฐีและดูเหมือนว่าทุกคนจะรอดพ้นจากคำสาป

    สำหรับ เดนนิส เพติเมซัส เจ้าของเพชรดำคนปัจจุบันซึ่งไม่หวั่นกับอาถรรพณ์น่าสะพรึงกลัวในอัญมณีที่เขาครอบครอง บอกว่า "ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 สื่อให้สมญา แบล็ก ออร์โลฟ ว่า "เพชรยมทูต" แต่ผมไม่เคยรู้สึกหวั่นเกรงที่ได้เป็นเจ้าของมัน ผมใช้เวลาปีที่แล้วพยายามสืบประวัติเรื่องราวของเพชรทุกอย่างเท่าที่จะหาได้และผมก็เชื่อมั่นว่าคำสาปหมดไปแล้ว"

    ด้าน อลัน ฮาร์ต หัวหน้าผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ ซึ่งรับหน้าที่ดูแลการจัดนิทรรศการครั้งนี้ กล่าวว่า ตำนานอาถรรพ์ของแบล็ก ออร์โลฟ สะท้อนให้เห็นวิถีแห่งอำนาจของเพชรที่ครอบงำจินตนาการของมนุษย์มานานนับพันๆ ปี "ความงดงามและอาถรรพณ์ลึกลับของมัน ช่วยเสริมความน่าสนใจให้กับนิทรรศการเพชรที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ได้อย่างลงตัวจริงๆ ครับ"

แหล่งที่มา
http://www.manager.co.th
http://www.luxist.com/entry/1234000567059803/
http://news.bbc.co.uk/1/hi/england/london/4262862.stm

   "บลูไดมอนด์" เพชรอาถรรพ์ (เพชรซาอุ คดีประวัติศาสตร์)

ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)


"บลูไดมอนด์"

         เพชรล้ำค่าชุดนี้ทางเชื้อพระวงศ์ของซาอุฯ ต้องการได้คืนมากที่สุด เนื่องจากเป็น "เพชรอาถรรพณ์" แม้กระทั่งช่างที่เจียระไนก็ต้องมีอันเป็นไปสาบสูญไปจากโลก จึงเป็นเพียงเพชรชุดเดียวที่มีอยู่ในโลก และไม่ว่าจะตกไปอยู่ในมือใคร กษัตริย์ซาอุฯ ก็จะจำได้เสมอ เพราะมีการทำตำหนิไว้ด้วย "แสงอินฟราเรด" อยู่ภายในใจกลางของเม็ด แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครหาพบ!?
         แม้จะผ่านมาเป็นเวลานานกว่า 18 ปีแล้ว ทว่า คดีเพชรซาอุฯก็ยังถือเป็นคดีที่สำคัญคดีหนึ่งของไทย ที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างชนิดไม่มีใครคาดถึง ทั้งการที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศซาอุดิอาระเบียมีรอยร้าวลึกมาจนถึงปัจจุบัน ภาพลักษณ์ของประเทศที่เสียไป ความด่างพล่อยของวงการตำรวจไทย

 

 

 นายเกรียงไกร  เตชะโม่ง (เสื้อคลุมสีดำ) กำลังให้การกับตำรวจ

 

 

การตามหาเพชรเม็ดสำคัญ คือ บลูไดมอนด์ กลับมาตามที่ทางประเทศซาอุดิอาระเบียร้องขอ ก็เป็นเรื่องที่ยากพอๆกับการงมเข็มในมหาสมุทร


ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2532 นายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนงานไทยชาวลำปางที่ทำงานอยู่ในพระราชวังของ กษัตริย์ไฟซาล (King Faisal) แห่งซาอุดิอาระเบีย ได้ขโมยเครื่องเพชรของ เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด (Prince Faisal Bin Fahd Bin Abdul Aziz) มูลค่าหลายร้อยล้านบาทหนีกลับมาประเทศไทย ซึ่งนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรม "คดีเพชรซาอุฯ" อันลือลั่น

หลังจากนายเกรียงไกรกลับมาประเทศไทยก็ได้นำเพชรที่ได้มาไปกระจายขายตามที่ต่างๆ หลังจากนั้นทางการซาอุดิอาระเบียก็แจ้ง มายังรัฐบาลไทย โดยในระยะแรกให้การปฏิเสธ

จากนั้นจึงตั้งคณะกรรมการสืบสวนมอบหมายให้ พล.ต.ต. ชลอ เกิดเทศ เป็นหัวหน้า ขณะนั้นนายเกรียงไกรยังไม่ถูกจับกุม นสพ.ลงข่าวเพิ่มความกดดันให้กับผู้ต้องหาอย่างมาก เพราะถ้าถูกจับตัวส่งไปก็ถูกแขวนคอตายสถานเดียว นายเกรียงไกรเห็นตัวอย่างในประเทศซาอุฯมาแล้ว ขนาดลักทรัพย์ธรรมดายังถูกตัดมือ แต่นี่ลักในพระราชวังกษัตริย์ไฟซาลผู้มีอำนาจ ก็คงจะถูกประหารชีวิต

ดังนั้น นายเกรียงไกรจึงหนีสุดชีวิต ถึงขนาดพกยาไซยาไน้ท์ติดตัวตลอดเวลา ถ้าถูกจับตัวได้ก็จะรีบกินยาไซยาไน้ท์ฆ่าตัวตายทันที

ไม่นานตำรวจก็สามารถจับกุมตัวนายเกรียงไกรได้ พร้อมของกลางเป็นเพชรจำนวนหนึ่ง สำหรับส่วนที่หายไปทีมสืบสวนก็ต้องดำเนินการตามหาต่อ

ทางการไทยตัดสินใจไม่ส่งไปดำเนินการที่ซาอุฯ เนื่องจากเห็นว่ากฎหมายที่นั่นรุนแรงเกินไป โดยศาลได้พิพากษาตัดสินจำคุก นายเกรียงไกร เตชะโม่งในข้อหาลักทรัพย์ 7 ปี รับสารภาพลดโทษเหลือ 3 ปีครึ่ง สรุปติดจริงไม่ถึง 3 ปี

ในตอนนั้นกระแสสังคมส่วนหนึ่งเห็นว่า โทษที่ได้รับ ไม่สาสมกับสิ่งที่เขาได้กระทำไว้ แต่คดีถึงที่สุดแล้ว เหลือแค่การตามหาเพชรที่เหลือมาคืน คดีก็ควรจะจบลงแค่นั้น

แต่ต่อมา เรื่องมาแดงขึ้นอีกครั้งเมื่อทางซาอุดิอาระเบียพบว่าเพชรบางส่วนที่ถูกส่งคืนเป็นของปลอม สร้างความไม่พอใจให้ราชวงศ์ซาอุดิอารเบียเป็นอย่างมาก รัฐบาลไทยต้องเจรจาทางการทูต สถานการณ์ในตอนนั้นตรึงเครียดขนาดประเทศซาอุดิอาระเบียไม่รับแรงงานไทยเข้าประเทศ และไม่ยอมให้คนซาอุดิอาระเบียไปประเทศไทย

จากการไล่จับกุมผู้ที่รับซื้อเพชรจากนายเกรียงไกร เนื่องจากของกลางที่มีจำนวนมาก ทำให้ยากแก่การตรวจสอบว่ามีของกลางบางส่วนหายไปหรือมีการสับเปลี่ยนระหว่างการขนย้าย ซึ่งจากการสืบสวนในภายหลังพบว่า เพชรบางส่วนที่หายไป เป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในคดีนี้เองที่เป็นคนยักยอกไป


ทีมสืบสวนคดีเพชรซาอุฯที่นำโดยพล.ต.ต. ชลอ เกิดเทศถูกจับกุมและตั้งกรรมการสอบ แต่เนื่องจากทางการไทยต้องการที่จะนำเพชรที่เหลือกลับคืนมาให้ได้ตามที่ซาอุดิอาระเบียต้องการ โดยเฉพาะ เพชร บลูไดมอนด์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ มีความงาม และมีมูลค่ามากที่สุด เนื่องจากเป็นเพียงเพชรชุดเดียวที่มีอยู่ในโลก และไม่ว่าจะตกไปอยู่ในมือใคร "กษัตริย์ซาอุฯ" ก็จะจำได้เสมอ เพราะมีการทำตำหนิไว้ด้วย "แสงอินฟราเรด" อยู่ภายในใจกลางของเม็ด

จนถึงวันนี้ เพชรบลูไดมอนด์ ยังคงหายสาบสูญ

พล.ต.ต. ชลอ เกิดเทศจึงได้รับการปล่อยตัวเพื่อกลับมาทำคดีนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยทางการได้เปิดไฟเขียวถึงขนาดให้ใช้ได้ทุกวิถีทางในการนำเพชรที่เหลือกลับคืนมาให้ได้

จากคำให้การของนายเกรียงไกรที่บอกว่า ได้โจรกรรมเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาลแล้วนำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยขายให้ นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ เสี่ยเจ้าของร้านเพชร ซึ่งภายหลังถูกตำรวจในทีม พล.ต.ต. ชลอข่มขู่คุกคาม แต่นายสันติก็ไม่ยอมคืนเพชรให้

ในที่สุดพล.ต.ต. ชลอก็ตัดสินใจให้สมุนตั้งด่านหน้าซอยบ้านนายสันติ ระหว่างที่ภรรยาของนายสันติคือ นางดาราวดี กำลังจะไปส่งลูกชาย ด.ช.เสรี ศรีธนะขัณฑ์ ที่โรงเรียน ทีมของพล.ต.ต.ชละก็ได้จับทั้งคู่ไปกักขัง เพื่อบังคับให้นายสันตินำเพชรส่วนที่เหลือมาคืน ซึ่งนายสันติก็ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ ว่าลูกและเมียถูกอุ้ม

แต่ขังไว้นานเป็นเดือน ย้ายที่กบดานไปหลายแห่งก็ยังไม่ได้เพชรคืน ซ้ำตำรวจคนหนึ่งยังได้ข่มขืนภรรยาของนายสันติ ทีมตำรวจชุดนี้จึงฆ่าปิดปากสองแม่ลูก แล้วอำพรางคดีให้เป็นเหมือนกับเกิดอุบัติเหตุรถชน

ต่อมา ทีมสอบสวนชุดใหม่กลับสืบพบว่าเป็นการ อุ้มฆ่า จึงได้ทำการจับกุมตัว พล.ต.ต. ชลอ และลูกน้องทั้ง 9 คน มาดำเนินการทางกฎหมาย ในที่สุดศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษาให้ประหารชีวิต พล.ต.ต. ชลอ ซึ่งโทษที่ได้รับจริงๆคือการจำคุกตลอดชีวิต และคดีเพชรซาอุฯก็ถูกปิดลงอย่างเด็ดขาดในทางกฏหมาย


จนมาในปี 2551 คดีนี้กำลังจะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
รมว.กระทรวงยุติธรรมคนใหม่จึงทำการรื้อคดีเพชรซาอุฯขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีความมุ่งหวังว่าทางประเทศซาอุดิอาระเบียจะเห็นถึงจริงใจและความพยายามในการคลี่คลายคดีนี้ เพื่อที่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

พล. ต.ท.ชลอ เกิดเทศ กล่าวว่า "ได้ส่งข้อมูลให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)หมดแล้วและไม่อยากพูดอะไรมากกลัวเสียรูปคดี โดยผมพร้อมเป็นพยานในคดีนี้ให้ ที่ผ่านมาตนไม่แน่ใจในความจริงใจของรัฐบาล จึงไม่กล้าให้ข้อมูล แต่รัฐบาลนี้และนายสมพงษ์มีความจริงใจและกระตือรือร้นมาก นับเป็นครั้งแรกที่รมว.ยุติธรรมมาเยี่ยมตนถึงในคุก

การให้ข้อมูลครั้งนี้ ทำไปไม่ได้หวังผลตอบแทนและสิ่งแลกเปลี่ยน คิดว่าทำเพื่อประเทศชาติ รู้สึกว่ารัฐบาลนี้มีความจริงใจกับผมแตกต่างจากรัฐบาลที่ผ่านๆมา ถ้าผมไม่มั่นใจผมก็ไม่ออกมาให้ข้อมูล

ส่วนเรื่องความปลอดภัยในเรือนจำนั้น คงไม่มีอะไรต้องห่วง ตอนนี้ตนก็เหมือนคนตายแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว อีกทั้งกรมราชทัณฑ์ก็ให้การดูแลเป็นอย่างดี "

  

                    เวรกรรมมีจริง...

   กรรมใดใครก่อ       ไม่ต้องรอชาติหน้า

 

 

 

                                 อาถรรพณ์เพชรซาอุ

  ปิดตำนาน "มือปราบพระกาฬ

พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ


             ทั้งนี้ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ เจ้าของฉายาทั้ง "มือปราบพระกาฬ" และ "สิงห์เหนือ" เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2481 ปัจจุบันอายุ 71 ปี เป็นบุตรชายของ พ.ท.แช่ม และนางทองคำ เกิดเทศ เป็นชาวกรุงเทพฯ จบการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ จากนั้นเข้าโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 17 ก่อนแยกเหล่าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 15 ติดยศ ร.ต.ต. ที่ สน.นางเลิ้ง

          จากนั้น ร.ต.ต.ชลอ ย้ายไปอยู่ จ.หนองคาย และพระนครศรีอยุธยา และตระเวนภูธรแทบทุกจังหวัดในภาคกลาง เช่น สระบุรี ย้ายไปลพบุรี แล้วกลับไปสระบุรี ก่อนก้าวหน้าในตำแหน่งตามลำดับสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รองผู้บังคับการกองปราบปราม ผู้บังคับการตำรวจภูธร 8 พิษณุโลก ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธร 3 ลำปาง ผู้ช่วยผู้บัญชาการศึกษา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก่อนรับตำแหน่งผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ

          นอกเหนือจากงานในหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราชแล้ว พ.ศ. 2525-2538 พล.ต.ท.ชลอ ยังมีส่วนในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย โดยรับตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเป็นเวลากว่า 13 ปี ผลงานโดดเด่น คือ มีส่วนทำให้ฟุตบอลคิงส์คัฟกระหึ่มในระดับเอเชีย ส่วนเวลาว่างมักเก็บตัวอยู่กับทีมงานในคุ้มพระลอ ซึ่งกินพื้นที่กว้างขวางใน จ.ตาก

          ตลอดระยะเวลารับราชการ พล.ต.ท.ชลอมี ส่วนร่วมคลี่คลายคดีสำคัญมากมาย เช่น จับคนร้ายฆ่าอดีต ส.ส.กำธร ลาชโรจน์ คดีฆ่าเสี่ยปุ้ยที่เชียงใหม่ คดีฆ่าผู้จัดการของ ทูน หิรัญทรัพย์ จับมือปืนฆ่าอดีต บก.น.ส.พ.ตะวันสยาม วันดี ทองประภา คดี เสี่ยฮวด ที่ชลบุรี ฯลฯ ก่อนได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจคลี่คลายคดี เพชรซาอุฯ จนตกเป็นผู้ต้องหาพัวพันเกี่ยวกับการตายของ 2 แม่ลูกตระกูล ศรีธนะขัณฑ์ต้องออกจากราชการเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2537 และมีคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินให้ประหารชีวิตในที่สุด

 

ขนาดตัวอักษร : เพิ่มขนาด | ลดขนาด


     เพลง อาถรรพ์เพชรซาอุ   

                                    เพลิน  พรหมแดน     ขับร้อง


[เพลง] : เพชรซาอุ เป็นพันธุ์ดุจากตะวันออกกลาง เจ้าขโมยมันเก่งจัง อยู่ในวังยังไม่พ้นมือมัน เขาลือว่าอาถรรพ์ ใครครองนั้นจะมีอันตราย

[เพลิน] : ข้านายอั่มผู้รู้เรื่องเพชรซาอุ มันเป็นพันธุ์ดุใครสะเออะถือไว้ครอบครองอาจโดนเป่าขมองทะลุ ใครยักย้ายแอบซ่อนจะร้อนรนจนระอุ ใครอมให้รีบคายเดี๋ยวชะตาจะร้ายเหมือนโดนพายุ ใครได้มาหรือซื้อไว้ถือว่ารับของโจรจะเป็นชาวบ้านหรือนายพลเดี๋ยวก็โดนเข้ากรุ ประเทศชาติจะเสียหายอกไหม้ไส้ขมใครมีไว้โปรดคืนให้ผมจะได้ข่าวออกเชยชมไปตามชมรมวิทยุ ผมได้มาแล้วจะรีบส่งมุ่งตรงไปซาอุ

[ชาย1] : ซาอุอาราเบียเรอะ

[เพลิน] : หึ ซาอุดรเจียระไน

[ชาย2] :เอาไปแปลงโฉมใหม่ใช่มั้ยไอ้อั่ม

[เพลิน] : แต่งให้มันสวยก่อน แล้วค่อยส่ง

[ชาย3] : ส่งไปให้เจ้าของเดิม

[เพลิน] : ไม่ ส่งศูนย์การค้าตีราคาขายต่อ

[ชาย2] : ไอ้อั่ม เอ็งไม่กลัวอาถรรพ์เรอะ

[เพลิน] : อาถรรพ์ข้าไม่กลัว แต่ข้ากลัวอาก้า

[ชาย3] :ทั้งที่กลัวยังจะคิดอมอีกเรอะ

[เพลิน] : ก็อมไปกลัวไป

[ชาย1] :แน่ พูดจริงหรือพูดเล่นเนี่ย

[เพลิน] : แหะๆๆ ข้าพูดเล่นๆ แต่ถ้าใครไม่เห็นข้าก็ทำจริงๆ

[ชาย2] :เอ้อ ให้มันได้อย่างงั้น

[เพลิน] : ดีใช่มั้ย

[ชาย2] :เลวน่ะสิ

[เพลิน] : หว่าย...


[เพลง] : สองวันก่อน ฉันไปพักผ่อนอยู่ไม่ไกลไม่ไกล เจอเพชรมีมากมาย ตั้งเรียงรายเต็มถนนไปเลย แต่ผู้คนกลับเมินเฉย ไม่ใส่ใจเลยเฉยเมยกันทุกคน


[เพลิน] : เมื่อวานข้าเดินไปตามถนนแห่งหนึ่ง เห็นเพชรมากมายกลาดเกลื่อนเต็มถนนไปหมด ผู้คนทั้งเดินทั้งขับรถไปมาไปมาแต่ละคนไม่สนใจเพชรเลย ทั้งเหยียบทั้งย่ำเห็นเป็นของไร้ค่าพอๆกับไก่เห็นพลอย แปลกแท้ๆ

[ชาย2] : เพชรปลอมเพชรเก๊น่ะสิไอ้อั่ม

[เพลิน] : เพชรแท้ๆนี่แหละ เกลื่อนเต็มถนน ข้าจะงัดมาจำนำแต่มันงัดไม่ขึ้น เพชรอะไรไม่รู้เม็ดใหญ่ยาวโตมโหฬารเป็นล้านๆกะรัต

[ชาย1] : เพรชแท้ๆเต็มถนนแน่นะ

[เพลิน] : แน่ซี่

[ชาย1] : ถนนไหนน่ะ

[เพลิน] : ถนนเพชรบุรีตัดใหม่โยงใยกับถนนเพชรเกษม

[ชาย2] : ไอ้อั่มบ้า

[เพลิน] : ถึงบ้าก็บ้าเพชรนะ จะบอกให้

[ชาย2] : เออ เดี๋ยวข้าก็ทิ่มปากด้วยตะไกรหรอก เดี๋ยวหาว่าไม่บอก 

[เพลิน] : อูๆๆ


[เพลง] : เพรชของไทย เป็นเพรชยิ่งใหญ่ค่ามากมายเลิศล้น เพรชของไทยเป็นมงคล ทั่วโลกเขาสนอยากได้แทบตาย หวังทุ่มเงินขอซื้อไป แต่รัฐบาลไทยเราไม่โอเค


[เพลิน] : คนไทยอยู่เมืองไทยไม่เห็นคุณค่าเพรชไทย ไปสนใจแต่เพรชซาอุ เพรชไทยมีค่ามหาศาลสุดคนานัก เพรชอเมริกซาอุหรือเพรชที่ไหนๆก็ทาบไม่ติด ต่างชาติทุ่มเงินซื้อมากมายมหาศาลเท่าไหร่ๆ แต่รัฐบาลไทยก็ไม่ยอมขายบอกจะเก็บไว้ให้ลูกหลานต่อไปในวันข้างหน้า

[ชาย1] : มันมีค่ามากกว่าเพชรญี่ปุ่นอเมริกาซาอุเชียวเรอะ

[เพลิน] : เฮ่ย ไม่ต้องมาเทียบกันหรอกคุณค่ามันต่างกันเหมือนไม้จิ้มฟันกับสุริยันจันทรา

[ชาย3] : ขนาดญี่ปุ่นอเมริกาซาอุหรือชาติอื่นๆขอซื้อยังไม่ยอมขายเชียวเหรอ

[เพลิน] : ไม่ยอมเด็ดขาด แต่ขอเช่าล่ะก็พอได้ ยกไปเป็นกรรมสิทธิ์ทั้งหมดไม่มีทางให้

[ชาย2] : เพรชที่ว่าข้าไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยิน มันอยู่ที่ไหนล่ะไอ้อั่ม

[เพลิน] : อ่าว ก็เพรชพิมาย เพรชสมุทร เพรชบูรณ์ เพรชบุรี กิ่งเพรช เพรชพงษ์ เพรชเขื่อน เพรชโคกเพรช แล้วก็บึงบรเพรชไง

[ชาย2] : ไอ้อั่มเอ๊ย ปากดีนัก ขอยืมปากสักวันได้มั้ย

[เพลิน] : จะเอาไปโต้วาทีเรอะ

[ชาย2] : เปล่า จะเอาไปทำที่จอดรองเท้าซักวัน ปากดีนักไอ้นี่

[เพลิน] : แหะๆๆ แล้วรองเท้าที่จะเอามาจอดที่ปากข้านะ ฝังเพรชรึเปล่าล่ะ

[ชาย2] : ฝังสิ

[เพลิน] : ฝังเพรชซาอุเรอะ

[ชาย2] : ฝัเพรชเกือกม้า

[เพลิน] : โอย...อย่างนั้นไม่อนุญาต

[ชาย2] : งั้นยัดก่อนญาตซะดีมั้ย

[เพลิน] : ไม่ดี...


[เพลง] : เพรชซาอุ เป็นเพรชพันธุ์ดุทำให้คนไขว้เขว ถูกยักย้ายและถ่ายเท ปลอมปนเปสับสนพันละวัน ถูกลักพาไปฆ่าฟัน มันปวดกะบาลเพรชอาถรรพ์ซาอุ


[ชาย2] : แล้วแกรู้เรื่องความเป็นไปของเพรชซาอุมากน้อยแค่ไหนล่ะฮะ ไอ้อั่ม

[เพลิน] : รู้ละเอียดยิบอย่างกับแป้งบดเชียวล่ะ ขโมยมาได้ยังไง ออกจากสนามบินซาอุด้วยวิธีไหน ผ่านด่านดอนเมืองได้อย่างไร เอาไปฝังไว้ที่ไหน งัดเอาไปขายให้ใคร งวดแรกได้เงินเท่าไหร่ เพรชถูกสับเปลี่ยนไปที่ไหน ใครเกี่ยวข้องยังไงรู้หมด

[ชาย4] : แกไปขโมยกับเขาด้วยรึไง ถึงได้รู้เรื่องละเอียดลึกซึ้ง

[เพลิน] : ข้าร่วมไปกับมันทุกฝีก้าว จึงได้รู้เรื่องหมดทุกอย่าง

[ชาย1] : ตามไปกับเจ้าหัวขโมยน่ะเรอะ

[เพลิน] : เปล่า ตามไปกับข่าวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเลย

[ชาย2] : แหม เริ่มออกลายอีกแล้ว

[เพลิน] : นี่ พวกแกจะเชื่อมั้ย ข้ามีเพรชอยู่เม็ดนึงมีอาถรรพ์ประหลาดมาก ข้าพกติดตัวขับรถไปไหนมาไหน ไม่เคยมีอันตรายเลย ขนาดขับไปชนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไม่เป็นอะไรสักที

[ชาย2] : เฮ่ย คงชนเบาๆหรือแค่เฉี่ยวๆ ชนไม่จริง

[เพลิน] : ชนจริงๆจังๆนี่แหละ ขับไปชนแต่ละที เหยียบเป็นร้อยกิโลต่อชั่วโมงนะ

[ชาย1] : โอโห ไม่น่ารอด เหลือเชื่อจริงๆ

[ชาย2] : ไปชนกับเสาไฟฟ้าหรือรถบรรทุกนี่นะ

[เพลิน] : เปล่า

[ชาย2] : เอ้า แล้วขับไปชนอะไร

[เพลิน] : ชลบุรี

[ชายรวม] : ปัดโธ่เอ๊ย

[เพลิน] : ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า

 

 

 

http://writer.dek-d.com/Lonelyboy0/story/viewlongc.php?id=342133&chapter=7 (คลิก ฟังเพลง)

คำสำคัญ (Tags): #คำสาป
หมายเลขบันทึก: 306497เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2009 09:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 21:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ของใครใครก็รัก คิดเอากระเป๋าเงินหายใจยังไม่ดีไปหลายวันกว่าทำใจได้ นี่เล่นสะไม่กลัวคำสาปแช่ง มีไว้ก็ไม่ได้ใส่ ไม่รู้ไว้เก็บไว้ทำไม คนที่เอาไปมีความคิดไหมเนี้ย เหี้ยจิง.....มันต้องตายไม่ดีทั้งตระกูล...ตามคำสาปแช่ง เพชรบลูไดมอนด์ คนที่ไม่ใช้เจ้าของมีอันเป็นไปหลายคนแล้ว ตั้งแต่ ประชา พรหมนอก ตอนนี้ติดตะรางอยู่เลย ต่อไปก็...... ใกล้แล้ว( จะไม่มีแผ่นดินกลบหน้าเวลาตาย ) น่าสงสานจิงวุ้ย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท