ผลการ "ตรวจเช็คตนเอง" ของวันเมื่อวานที่ผ่านมา (วันที่ 7 ของการล้างพิษด้วยน้ำมะนาว) ผลปรากฎว่ามีอะไรต่ออะไรเกิดขึ้นเยอะ...
ในส่วนตอนเช้าที่แดดอ่อน ๆ และงานไม่ "ยุ่งเหยิงเปิงชัย" นั้นทุกอย่างก็ดูราบรื่น "สบาย ๆ..."
แต่อะไรต่ออะไรก็มา "ประเด ประดัง" เกิดขึ้นในช่วงบ่ายเพราะ "งานเข้า" มาเยอะน่าดู
สำหรับช่วงบ่ายนั้นนอกจากแสงแดดจะ "ร้อนแรง" แล้วงานที่เข้ามากันติด ๆ ติด ๆ ทำให้เราละมือมาหาพลังงานให้กับร่างกายไม่ได้...
ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำมะนาวแก้วสุดท้าย อาการ "หวิว" ก็เริ่มเกิดขึ้น
แต่คราวนี้นอกจากอาการหวิวแล้วยังมีอาการ "หายใจไม่สุด" เข้ามาร่วมด้วย คือ หายใจลึก ๆ ได้ไม่เต็มปอด ตอนนั้นก็พยายามจะหายใจ หายใจ แล้วก็ "หายใจ" ไว้รอให้งานและคนทั้งหลายที่มาผ่านพ้นไปแล้วจึงได้กลับเข้ามาพัก...
ตอนกลับเข้ามาพักก็ลองตัดสินใจว่าจะดื่มน้ำมะนาวอีกไหม หรือว่าจะหยุดไปเลย เพราะด้วยว่าดื่มได้ครบตามเป้าหมายของวันนี้แล้วคือ 100 cc
ตอนนั้นก็ตัดสินใจว่านอนพักเอาแล้วกัน เพราะว่าตอนนี้รู้สึก "พะอืด พะอม" มากกว่าที่จะนำอะไรใส่ลงไปในท้องได้...
ตอนนั้นจึงได้เอนกายลงพักสักประมาณ 15 นาที อาการต่าง ๆ ก็เริ่มดีขึ้น
อาการนี้มีผลสืบเนื่องมาจากร่างกายไม่สามารถเผาผลาญเซลต่าง ๆ โดยเฉพาะ "กล้ามเนื้อ" ให้ออกมาใช้ได้อย่างเพียงพอต่องานที่ "หนัก..."
สำหรับ "ไขมัน" ในร่างกายที่จะให้เผาผลาญ ตอนนี้นั้นเราก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว...
แต่เมื่อนอนพัก ร่างกายก็สามารถดึงสารอาหารจาก "กล้ามเนื้อ" ออกมาเป็นพลังงานได้อย่างพอใช้ "พอเพียง"
แต่ถ้าลุกขึ้นมาทำงานเมื่อไหร่ก็เริ่มรู้สึกได้ว่า ไม่ไหว ไม่พออีกแล้ว...
ดังนั้นปริมาณน้ำผึ้งที่เราดื่มเข้าไปปกติจะต้องดื่มประมาณวันละ 200 cc ซึ่งจะได้พลังงานประมาณ 750 กิโลแคลอรี่ ซึ่งเราดื่มน้อยกว่านั้น "ครึ่งหนึ่ง" ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าเราไม่มีพลังเพียงพอที่จะใช้ได้ในวันปกติ
แล้ววันของเราก็ไม่ค่อยปกติเหมือนคนอื่นเสียด้วย คือ ต้องทำงานกลางแดดและต้องใช้แรงแบกหามพอสมควร ดังนั้นพลังงานร่างกายได้รับนั้นจึง "น้อยเกินไป..."
ประกอบกับ "น้ำหนักตัว" ของเราไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน คือ "ไม่อ้วน" ถ้าพูดกันแบบง่าย ๆ
ดังนั้นจึงมีไขมันส่วนเกินน้อยมากที่จะให้ร่างกายเผาผลาญออกมาเป็น "พลังงาน"
ดังนั้นเมื่อสิ่งที่รับเข้าไปน้อย และสิ่งที่ข้างในไม่มีจึงส่งผลให้ชีวิตนี้ "ผิดปกติ"
ร่างกายดึงอะไรต่ออะไรออกมาใช้ได้ไม่มากเท่าที่ควร
แต่นั่นก็เถอะ นี่ก็เรียกว่าเป็น "สูตรโหด" ที่เราปรับแต่งขึ้นมาเอง เพราะระยะเวลาการล้างพิษด้วยน้ำมะนาวปกติแล้วก็จะทำกัน 14 วัน แต่เราทำลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง เราจึงพยายามจำกัดปริมาณพลังงานให้เหลือครึ่งหนึ่งด้วย (ต้องพิจารณาตนเองเป็นรายบุคคลแบบวันต่อวัน) เพื่อให้เซลล์ต่าง ๆ ที่เสื่อมสภาพถูกร่างกายดึงออกมาใช้ให้ได้นานที่สุด
แล้วเมื่อวานนี้ก็ถือว่าเป็นวันสุดท้ายสำหรับการตั้ง "สัจจะ" ในการอดอาหารเพื่อล้างพิษด้วยน้ำมะนาวนี้
เมื่อคืนจึงเริ่มวอร์มอัพระบบกระเพาะและลำไส้ โดยดื่ม "โกโก้ผสมน้ำผึ้ง" แบบอุ่น ๆ (หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่มีแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต) ไปสักประมาณ 100 CC เพื่อให้เช้าวันนี้ร่างกายสามารถที่ปรับตัวรับ "อาหาร" ที่จะต้องทานเข้าไปเพื่อให้พลังงานในการใช้ "ทำงาน" ทำ "ความดี..."
ตั้งใจจะมาตอบ ความคิดเห็นนี้
ตะกี้ไฟดับพรึ๊บ ต้องรีบวิ่งไปดู เครื่องที่สั่งงานทิ้งไว้
ความโกรธ พุ่งปรี๊ด เพราะงานที่ทำไปมันเสียหาย
แต่งานมันก็แค่งาน
เสียแล้วก็เสียไป ค่อยมาเริ่มกันใหม่จริงไมเจ้าค่ะ
ดี มีโอกาสได้ฝึกละความโกรธ จริงไหมเจ้าค่ะ
ความคิดตอนก่อนไฟดับ ก็เลยพลอยดับไปกับไฟด้วยเจ้าค่ะ
แต่อ่านจาก บันทึกนี้ คิดว่าท่านสุญญตาคงสบายดี
ขอบพระคุณนะคะ ที่เมตตาแลกเปลี่ยนผลการวิจัย
สาธุเจ้าค่ะ
อย่าเพิ่งดีใจไป ไอ้ที่พุ่งปรี๊ดไปนั้นก็เท่ากับทำ "กรรม" ไปแล้ว
อย่าประมาทนะ อย่าคิดว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นไม่สำคัญ
ไอ้เล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละสำคัญ
หยดน้ำทำให้แม่น้ำเต็มได้ฉันใด
กรรมเพียงเล็กน้อยก็ย่อมสะสม พอกพูนให้ผลได้ฉันนั้น
กรรมในที่นี่คือทำให้ "ใจกระเพื่อม"
สำหรับเรา วันนี้ความดันโลหิตเรายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ "ปรี๊ด" ไปนิด ก็ยังพอทน
แต่ถ้าวันใดเราอยู่ในสภาวะคนดันโลหิตสูง "ปรี๊ด" อีกนิดก็ "ตาย" ได้เลยนะ...
อย่าเพิ่งดีใจไป ไอ้ที่พุ่งปรี๊ดไปนั้นก็เท่ากับทำ "กรรม" ไปแล้ว
อย่าประมาทนะ อย่าคิดว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นไม่สำคัญ
ไอ้เล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละสำคัญ
หยดน้ำทำให้แม่น้ำเต็มได้ฉันใด
กรรมเพียงเล็กน้อยก็ย่อมสะสม พอกพูนให้ผลได้ฉันนั้น
กรรมในที่นี่คือทำให้ "ใจกระเพื่อม"
สำหรับเรา วันนี้ความดันโลหิตเรายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ "ปรี๊ด" ไปนิด ก็ยังพอทน
แต่ถ้าวันใดเราอยู่ในสภาวะคนดันโลหิตสูง "ปรี๊ด" อีกนิดก็ "ตาย" ได้เลยนะ...
เจ้าค่ะ จะทำความรู้ตัวให้มากขึ้น
ชักสติมาทำงานให้ทันการ
ขอบพระคุณเจ้าค่ะ