วันที่สองในมาเลย์และการเยี่ยมชม Temasek Polytechnic


การเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนจะช่วยเปิดโลกทัศน์ และทักษะชีวิตให้กับนักเรียนได้อย่างดี

 

       วันที่สอง...เราเดินทางจากที่พักในมาเลเซีย..ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซียและสิงค์โปร์...มุ่งหน้าไปยังโรงเรียน Temasek Polytechnic

"ฟังบรรยาย...ก่อนเดินชมรอบๆสถาบัน"

       โรงเรียนนี้เน้นการสอนด้านประกาศนียบัตรทางด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ประยุกต์ ธุรกิจ การออกแบบเสื้อผ้า การทำอาหาร และการโรงแรม โดยมีการจัดการเรียนการสอนให้กับผู้ที่ทำงานแล้วในตอนเย็นด้วยในช่วงที่เราไปเป็นช่วงปิดภาคเรียนของที่นี่ เลยมีนักศึกษาบางตา (ครูนกเสียดายตรงจุดนี้ตรงที่ว่า ตอนวางแผนเราคุยกับบริษัทเป็นอย่างดีว่า ต้องการไปโรงเรียนลักษณะใด และในช่วงเวลาที่มีการเรียนการ
สอน...แต่ก็ผิดผลาดทางเทคนิค...ซึ่งต้องยอมรับและแก้ไขให้เป็นไปในระดับนี้)

       อาคารเรียนที่นี่โดดเด่น เป็นบริเวณที่นับว่ากว้างใหญ่ไพศาลเมื่อเทียบกับพื้นที่ของประเทศสิงค์โปร์ทั้งหมด แต่การบริหารจัดการพื้นที่น่าทึ่งมากตรงที่มีอาคารบริหาร อาคารเรียนของแต่ละสาขาวิชา มีสนามกีฬาทั้งว่ายน้ำ ฟุตบอล ยิงธนู(พวกเราได้มีโอกาสดูชมรมยิงธนูซ้อมกันได้ค่ะ) เปตอง วอลเลย์บอล และบาสเกตบอล และจะมี Food Court ของแต่ละคณะ อีกทั้งยังมีอาคารที่พักของอาจารย์และบุคลากรด้วย

"ชมรมยิงธนู...ที่ซ้อมกันอย่างเข้มแข็ง"

"กองเชียร์ต่างชาติ...ที่ส่งเสียงทักทายลั่นสนาม"

      พวกเราเริ่มต้นจากอาคารบริหาร ฟังการบรรยายแนะนำภาพรวมของสถาบันแห่งนี้ จากนั้นเราก็เดินชมสาขาวิชาต่างๆ ตลอดจนไปเยี่ยมชมสถานกีฬา และหลังจากที่พวกเราเดินกันเหนื่อยพอสมควร ไกด์สิงค์โปรซึ่งทำหน้าที่เฉพาะวันนี้จัดให้เด็กๆ และครูได้เล่นเกม...ไกด์จากกระดาษเกมเป็นภาษาอังกฤษแล้วให้ครูประจำทีมแต่ละทีมชี้แจงให้นักเรียนเข้าใจ....ก็เริ่มแข่งขันกัน..มีรางวัลด้วยละค่ะ  สร้างความสนุกและความครื้นเครงให้กับเด็กๆ ...ซึ่งเขาสนุกและวิ่งเล่นราวกับว่า...นี่คือโรงเรียนของฉัน

"เตรียมเล่นเกม...ระหว่างรอมื้อกลางวัน"

"เกม..ลำเลียง Rubber ring"

"นร.บัส2....หลังจากออกจากพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง"

"ครูและศิษย์ต่างก็จับจ้อง....รอคอยนาทีแห่งโลกจินตนาการริมทะเล"

     ออกจากโรงเรียนในเวลาเกือบบ่ายโมงไปแวะทานข้าว...ซึ่งนร.เริ่มคุ้นเคยกับการทานอาหารในลักษณะโต๊ะจีน และการต้องดูแลเพื่อน การบริการตักข้าว เสิร์ฟน้ำ หมุนอาหารให้ได้กันทั่วถึง...

"เด็กๆเขาอวดครูว่า...เขาทานผักสีเขียว"

     จากนั้นเราไปนั่งรถ Monorail ไปที่เกาะSentosa เพื่อชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแสดงความเป็นมาของสิงค์โปร์ และการแสดงแสงสีเสียง"Song of the Sea" (สิงค์โปร์ทำได้ดีมาก...เปลี่ยนเป็นระยะทำให้ไปแล้วไปอีกได้ค่ะ) หลังจากนั้นพวกเราไปทานอาหารค่ำ...พร้อมเดินทางออกจากสิงค์โปร์เพื่อกลับไปพักที่ยะโฮห์ของมาเลเซียเช่นเดิม (ปีก่อนๆ เราจะนอนกันที่สิงค์โปร์ แต่มีข้อแสดงความคิดเห็นว่าราคาสูง และห้องพักแคบ..ก็มีผู้เสนอแนะให้เดินทางไปกลับคือ เที่ยวสิงค์โปร์แล้วมานอนมาเลเซีย...ซึ่งครูนกขอให้ข้อมูลว่า...นอนสิงค์โปร์ดีกว่าค่ะ..ใช้เวลาในการเดินทางเกือบสองชั่วโมงไม่สนุกเท่าไหร่...แต่ถ้ามองอีกแง่...เด็กๆจะคล่องเรื่องการใช้พาสปอร์ตผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง)

     ก่อนบัสจะถึงโรงแรมครูนกได้เน้นย้ำเรื่องเวลาตื่นนอนเพราะเราต้องตื่นกันตั้งแต่เวลา 04.30 น. (เวลาไทย) แล้วออกเดินทางจากโรงแรมในเวลา 05.30 น....เพื่อไปทำกิจกรรมที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สิงค์โปร์...ซึ่งครูนกมองว่านี้ละคือหัวใจของการเดินทางครั้งนี้เพราะเราได้ติดต่อให้นักเรียนได้เข้าทำการทดลองประมาณสองชั่วโมง...เป็นการทดลองเกี่ยวกับเทคนิค Eletrophoresis  ซึ่งก่อนเดินทางมาครูนกได้ชี้แจงให้ข้อมูลพื้นฐาน....แต่ครูนกอยากให้เขาได้ลงมือทำกันด้วยตนเองมากกว่า...มาติดตามวันพรุ่งนี้ของเรานะค่ะ

     ปล.วันนี้ครูนก..บอกให้เขาปรับปรุงการใช้บันไดเลื่อนค่ะ...เพราะพวกเราติดนิสัยสบายๆ ยืนเต็มไปหมดทำให้ผู้คนที่เขาต้องเร่งรีบไปไม่ได้...ก็เลยต้องสอนมารยาทการใช้บันไดเลื่อนกันอีก

     

หมายเลขบันทึก: 306423เขียนเมื่อ 16 ตุลาคม 2009 21:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

ขอบคุณที่ข้าไปเยี่ยม "พืชปลอดพิษ ชีวิตปลอดภัย" นะครับ

พริกกระเหรี่ยง อาจเผ็ดร้อน และทำให้เสียน้ำตาได้จริงๆแหละครับ

แต่ก็ไม่เคยขาดได้เสียที แฮ่

สบายดีนะครับ

มีเทมาเส็กโพลีเทคนิคเลยนะคะ องค์กรธุรกิจตอบแทนคืนสังคม

จะรออ่านตอนต่อไปคะครูพี่นกทะเล ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณเจษฎา

ขอบคุณที่แวะมาวงการศึกษาค่ะ...ตนเองสนใจพืชโดยเฉพาะพืชสมุนไพร..เปิดชุมนุมเป็นชุมนุมเล็กๆ "อนุรักษ์พืชสมุนไพรในท้องถิ่นภาคใต้"ค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องPoo

การตอบแทนสังคมของเขาชัดเจนเป็นระบบ...และมีคุณค่ามากๆ...มีคำคมอันหนึ่งที่ได้ฟังจากคนสิงค์โปร์..เขาบอกว่า ประเทศของเขาไม่มีต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติเลย ดังนั้นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด คือ คน เขาก็เลยมุ่งพัฒนากันเต็มที่....ขอบคุณค่ะที่แวะมาอ่านค่ะ

ทริปนี้น่าสนใจมากค่ะ

ช่วยแนะนำการเดินทางและบริษัททัวร์ ค่าใช้จ่ายต่อหัวให้ด้วยนะคะ

ขอบคุณมากค่ะที่แบ่งปันประสบการณ์

สวัสดีอีกครั้งค่ะครู noktalay

อิจฉาเด็กสมัยนี้นะคะเรียนรู้โลกกว้างได้จริงจริง

และมีครูที่พร้อมจะจัดการเรียนการสอนให้เขาได้เรียนรู้ได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณที่เขียนบันทึกดีดีในอีกแง่มุมให้เรียนรู้ค่ะ

"สายสัมพันธ์ครูและศิษย์"

  • ตามอ่านทั้งสองตอนแล้ว ดีจังครับ ได้ไปถึงมาเลย์ สิงคโปร์..
  • ขอบคุณประสบการณ์ดีๆครับ

สวัสดีค่ะ...คุณครูอรวรรณ

เรื่องของค่าใช้จ่ายของนร.ต่อหัวตกประมาณ 8,000 -10,000 บาท...คุณครูคงต้องกำหนดจุดจะท่องเที่ยวจึงละล็อกราคาได้ค่ะ และก็ต้องหาข้อมูลจากหลายๆบริษัท ที่โรงเรียนของเรา...เราเปลี่ยนบริษัททุกปีเพื่อศึกษาจุดอ่อนและจุดแข็งของการทำงานร่วมกันนะค่ะ

สวัสดีค่ะ ครูอี๊ด

ขอบคุณที่มาแวะชมค่ะ...หวังว่าอาจารย์จะมีความสุขกับช่วงเวลาในมะละกา

ขอบคุณค่ะ...คุณครูธนิตย์...โปรแกรมเหล่านี้ยังต้องปรับ...ตามประสบการณ์ของครูและการทำงานร่วมกับบริษัททัวร์นะค่ะ

สวัสดีค่ะครูนกมาเยี่ยมค่ะ

 

สวัสดีค่ะ คุณแดง

           มาพร้อมกับดอกไม้สวยๆเสมอ...ขอบคุณมากๆค่ะ

สวัสดียามเช้าค่ะ

 ที่ขอนแก่น หมอกลงจัดเลยค่ะ ต้นไม้ใบหญ้า คงชื่นใจ นึกว่าฝนตกค่ะ

กล้วยไม้แด่คุณครู....

ขอบคุณคุณแดง....ดอกไม้เหมาะกับเช้าที่สดใส...มีความสุขในการทำงานนะค่ะ

สวัสดีค่ะคุณครูนก

ได้ตามไปเที่ยวกับเด็ก ๆ ด้วย....

สิงคโปร์ให้ความสำคัญ กับทรัพทยากรมนุษย์ มากค่ะ

เคยทำงานกับเพื่อนชาวสิงคโปร์ .... ทำงานไม่ทันเธอเลยค่ะ

สิงคโปร์สร้างและลงทุนกับ "คน" มากจริง ๆ

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

  • คุณครูนกทำให้รู้สึกว่า
  • สิ่งที่เคยคิดอาจจะเป็นจริง
  • ขอบคุณนะคะ

ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท