ไป ๆ มา ๆ ก็มาลงเอยที่ข้างทาง


มรณานุสติ การพิจารณาความตายทุกลมหายใจ ทำให้ไม่ตั้งในความประมาท

ข่าวร้ายที่ได้รับตอนเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2552 คือ คุณยายเสียแล้ว ท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ท่านสุดท้าย คุณย่าของผมสิ้นลมก่อนผมเกิด คุณปู่และคุณตา ก็จากไปตอนที่ผมยังเด็ก ผมจึงผูกพันกับคุณยายมาก คุณยายดูเป็นคนที่ไม่ค่อยจะอารมณ์ดีนัก แต่ท่านก็ชอบเข้าวัดวา แถมวัดก็อยู่หน้าบ้านท่านนั่นเอง ช่วงปีสองปีหลังมานี่ ท่านก็สังขารโรยรา แต่ท่านไม่ได้มีโรคร้ายใดๆ เรียกได้ว่าชราภาพเท่านั้นเอง จวบจนวันที่ท่านสิ้นลม ท่านก็ไปอย่างสงบ แต่ใบหน้าของท่านก็ผ่องใสมาก ทำให้ผมอดนึกถึงตอนที่ท่านยิ้มแย้มไม่ได้ ก็ทำให้ต้องเสียใจคร่ำครวญ ให้นึกได้ว่า เมื่อเราผูกพันกับสิ่งใด ก็ย่อมมีเสียใจเป็นธรรมดา ก็เลยพยายามไม่ปรุงแต่งอารมณ์ให้เกินเหตุ เจ้าลูกชาย ก็ดูจะเหมือนเข้าใจเรื่องการตายแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีคุณทวด (ญาติฝ่ายคุณแม่ของเค้า) เสียไปด้วยโรคมะเร็ง ก็ทำให้เค้าตัดสินใจบวชหน้าไฟได้ไม่ยาก แหม...วัยรุ่นสมัยนี้ บางคนไม่ยอมบวชหน้าไฟ อ้างว่า ผมจะขึ้นช้า อายเพื่อน....

นำร่างของคุณยายบรรจุในบ้านหลังสุดท้ายของท่าน แล้วก็ตั้งบำเพ็ญกุศลกันที่บ้านนั่น คุณป้าก็สั่งให้กลับมาทำงาน แล้วค่อยมาตอนวันเผา ... เราก็เลยพากันกลับ ในเย็นวันจันทร์นั้น

เช้าวันอังคาร ก็ไม่เป็นอันทำงาน คิดถึงยาย คิดถึงแม่ แม่ดูเหงามาก ท่าทางร่างเริงของแม่ หดหายไปหมด แอบมานั่งร้องไห้หน้าโลงคุณยายเรื่อยๆ ก็เลยตัดสินใจกลับไปที่ชัยภูมิ แต่ เพื่อให้การดำเนินงานสะดวก เลยเอารถไปเปลี่ยนเป็นรถกระบะที่มหาสารคามเสียก่อน เพื่อจะได้ขนข้าวของอะไร เอาไว้วันศุกร์ค่อยกลับมารับลูกและภรรยามาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพที่จะมีในวันเสาร์

ญาติร่วมงานเยอะมากในทุกวัน ทำให้เห็นว่า การตั้งตนปฏิบัติงานอย่างตั้งใจนั้น เมื่อมีเกิดเหตุอะไรก็จะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเพื่อร่วมงานมาก หรือ มีบุญมาก ลุกหลานของคุณยายเกือบทั้งหมดเป็นครู รวมทั้งครอบครัวของผมด้วย ก็เลยรู้สึกว่า เป็นบุญ เหลือเกิน ที่ได้ดำรงชีวิตอย่างเป็นประโยชน์ต่อชีวิตอื่น ๆ

ก็นอนดึกทุกวัน จนเช้าวันศุกร์ ก็รีบโทรไปหาเจ้าลูกชาย บอกว่าจะรีบไปรับ พร้อมทั้งแจ้งภรรยาให้เตรียมชุดปกติขาว ฯลฯ เมื่อจะออกเดินทาง ครั้งจะเอารถกระบะไป ก็ ติดว่าจะยังใช้่งานขนเก้าอี้และเครื่องใช้ต่าง ๆ ครั้นจะเอารถของน้องสาวไป หล่อนก็ยังไม่ตื่นเอารถมาให้เสียที สุดท้ายคุณป้าและคุณอาก็เลยให้ยืมรถสุดหวง CR-V คันงาม ซึ่งนับเป็นพระคุณมาก

เดินทางคนเดียวออกจากชัยภูมิถึงแยกช่องสามหมอ ก็เลี้ยวขวาเพื่อแยกไปทาง อ.มัญจาคีรี ถนนก็เหลือสองเลน เมื่อขับถึงบ้านโคกโพธิ์ชัย ก็เลยตัดสินใจว่า แหม เมื่อคืนนอนดึก รู้สึกเพลียๆ คงต้องแวะที่ ปั๊มน้ำมันที่ อ.มัญจาฯ เพื่อพักเปลี่ยนอิริยาบทเสียหน่อย จากนั้นไม่นานก็รู้สึกรถเอียงวูบ อ้าว รถออกข้างทาง ไหล่ทางชันมาก พยายามดึงรถกลับ แต่ไม่ทันแล้ว เลยจับพวงมาลัยเอาไว้แน่นมาก ...เหมือนเป็นภาพสโลว์ รถชนต้นไม้ แล้วก็พลิกเอาท้ายรถฟาดกลับไำปอีกทางหนึ่ง ระหว่างรถชนเสาเล็กข้างทางและลอยในอากาศนั้น นึกได้อย่างเดียวในหัว...ลาก่อนนะทุกคน..อโหสิให้ด้วย...ขอล่วงหน้าไปก่อนแล้ว.... แต่พอรถสงบนิ่ง ด้านคนขับเอียงลงพื้น ก็สำรวจร่างกายโดยที่ยังจับพวงมาลัยอยู่ อืม แลดูปกติดี ไม่มีแขนขากระจายอยู่ในรถ ก็ให้นึกว่า....ไปเอารถเค้ามาคว่ำทำไมว่ะเนี่ย...จากนั้นก็ดับเครื่อง แล้วก็จะออกจากรถ พลางก็นึกถึงลูกที่รออยู่ที่โรงเรียน นี่ถ้าเราไม่รอดจะไปบอกลูกยังไงเนี่ย การออกจากรถก็ทุลักทุเลพอสมควรสำหรับคนน้ำหนักเกินร้อย พอยืนในรถได้ ก็ได้ยินเสียงเรียก ..."เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?" ไอ้เราก็นึกในใจ "รถคว่ำหน่ะสิ ถามได้" ก็ต้องปีนออกด้านประตูผู้โดยสาร ตรวจดูสังขารอีกครั้ง ก็มีเลือดที่ฝ่ามือ เกิดจากกระจกหน้ารถแตกมาบาดมือเป็นแผลเล็กน้อย

พี่ที่เข้ามาถึงจุดเกิดเหตุเป็นพี่นายดาบตำรวจสุริยา ท่านเพิ่งออกเวร และผมก็เพิ่งแซงมอเตอร์ไซค์ของพี่ท่านก่อนจะลงข้างทาง พี่สุริยา ก็วิทยุประสานงาน รวมทั้งติดต่อขอรถกู้ ดึง ลาก จนสามารถเอาซากรถออกจากจุดได้ภายใน 30 นาที

สภาพรถ ก็เป็นอย่างที่เห็นล่ะครับ ทุกคนที่ผ่านจุดเกิดเหตุก็ถามหาว่า เอาคนเจ็บไปส่ง รพ.หรือยัง ผมก็บอกว่า ผมอยู่ที่นี่ครับ...พูดไปก็ถ่ายรูปรถไปเรื่อย ๆ เมื่อนำรถขึ้นมาได้ ก็ เฮ้อ...ไม่ตาย ขอบคุณรถ...คันนี้ ปัญหาก็คือ ไม่ใช่รถเรา และรถคันนี้ไม่มีประกัน...ฮ่า ก็ไม่เป็นไร เงินทองของนอกกาย....ซ่อมเข้าไป

ตัดสินใจเอาซากรถไปซ่อมที่ จ.มหาสารคาม เข้า รพ. เพื่อตรวจร่างกาย และให้ภรรยาพาลูกมาที่สารคาม เพื่อเดินทางกลับไปชัยภูมิ พอกลับไปถึงชัยภูมิตอนค่ำ ๆ ....กราบศพคุณยายเสร็จ ก็กอดกันกับแม่...สองคนร้องห่มร้องไห้ ให้นึกเสียใจว่า แม่เราเพิ่งเสียแม่ไป นี่เรายังมาทำให้แม่ไม่สบายใจอีก แม่ก็สั่งนักหนาว่าห้ามแซงคิวตาย ให้ตายตามลำดับ...เกือบไปแล้วเรา

งานศพของคุณยายเป็นไปอย่างราบรื่น คนมาร่วมงานเยอะมาก แม้จะเป็นวัดเล็กๆใน ต.บ้านเล่า แต่ แขกผู้ใหญ่ก็มากหน้าไปหมด คุณยายเลี้ยงลูกเป็นครูสองคน เป็นนักพัฒนาชุมชนหนึ่งคน มีหลานสามคน เป็นครูทุกคน... วันสุดท้ายของท่าน ก็ยังได้สอนเราด้วยสังขารของท่านให้นึกถึงหลักธรรมต่าง ๆ .... สู่สุคตินะครับคุณยาย

คำสำคัญ (Tags): #มรณานุสติ
หมายเลขบันทึก: 305722เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2009 07:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อาจารย์ครับ

ตกใจมากครับ ที่อ่านถึงตอนกลาง

แต่ก็โล่งใจที่อาจารย์ไม่เป็นไรครับ

เสียใจด้วยนะครับเรื่องยายอาจารย์

เป็นกำลังใจให้นะครับ

เพราะอาจารย์ก็เป็นแบบอย่างให้ผมเสมอครับ

จะตั้งใจทำงาน ให้สมกับที่อาจารย์สอนมาครับ

ขอบคุณครับอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท