ในระยะนี้ เพื่อที่ว่าบทความลงบล๊อคจะไม่ได้ขาดหายเหมือนช่วงที่ผ่านมา อันด้วยข้อจำกัดที่ว่า ที่ผ่านมา มีแค่เพียงฉันที่ทำหน้าที่ละเลง อารมณ์ และความรู้สึกแบบเหมารวม พูดง่ายๆ ว่าจองพื้นที่นี้แบบเสร็จสรรพโดยตรง ก็เป้นภาระหน้าที่ที่ต้องเข้าใจตรงกันว่า ในแต่ละวัน ฉันต้องหาเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งกระบวนการจัดการบทความลงบล๊อคของข้าวขวัญในขณะนี้ มีการมอบหมายงานกันเป็นกิจจะลักษณะเลยเชียว ว่า คุณอำนวยในพื้นที่ ต้องอย่าลืมแวะเวียนมาถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบล๊อค งานนี้ก็ถือว่า เป็นอารมณ์ ความรู้สึกของคนทำงาน หรือ คุณอำนวย คนหนึ่ง ของข้าวขวัญ ที่ฉันได้ ชะแว๊บ แอบอ่าน บทความของเค้าแล้วเห็นว่า มันไม่น่าที่จะสิงสถิตย์อยู่ที่ document เฉยๆ ก็เห็นว่าเป็นสาระที่น่าขบคิดว่า ท่ามกลางการเรียนรู้ของนักเรียนชาวนานั้น ไมได้มีใครปูทางเดินที่ปราศจากอุปสรรคไว้ให้เลย ถึงแม้ว่า ทิศทางหรือแสงสว่างข้างหน้าเราพอจะมองเห็นกันอยู่ แต่ฟ้าก็ท้าทายชาวนาด้วยวิธีการต่างๆอย่างไม่ปราณี
ตลอดระยะเวลาสามสี่เดือนที่ผ่านมาไม่ว่าใครผ่านมาในเขตตำบลบ้านดอน
อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
แห่งนี้ก็จะพบเห็นพี่น้องคนไทยเหมือนกันกับเราๆท่านๆกลุ่มนี้ที่เขาขะมักเขม้นกับการทำนา
ตั้งแต่การไถ การหว่าน
แล้วเฝ้าฟูมฟักประคบประหงมอย่างทะนุถนอมประดุจดั่งดูแลชีวิตและครอบครัวของเขาเอง
เพราะสิ่งที่อยู่ในนานั้นเป็นชีวิตทั้งชีวิตของใครต่อใครอีกหลายคนที่ฝากไว้
ทั้งเป็นอาหารที่จะต้องกิน ค่าเทอมลูกอีกละ
สหกรณ์และธกส.ก็ยังรอให้ใช้หนี้
แล้วยังมีอื่นๆอีกมากมายเพราะชาวนาก็คือคนที่ยังอยู่ในสังคมของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า
“คน”
ยังคงย่อมมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอีกมากมาย
บรรยายซะยืดยาวกลับมาสู่นาข้าวกันดีกว่า ทุกเช้า-สาย-บ่าย-เย็น
เราก็จะเห็นวิถีชีวิตชาวนาที่แสนสุขกับการแวะเวียนไปชื่นชมผลงานของตัวเองที่เจริญเติบโตและงอกงามขึ้นทุกวันๆ
ถึงแปลงนาทีไรก็ยิ้มไป พูดไป ว่า "ปีนี้ละข้าจะบ๊ายบาย ธกส.
เพราะผลงานอันแสนสุขที่อุตส่าห์เสียเวล่ำเวลาไปฝึกฝนกระบวนยุทธกับเพื่อนร่วมสำนัก
“โรงเรียนชาวนา”
มาก็กว่าสองปีแล้ว นำมาใช้จริง
แหม...มันช่างเหลือเชื่อว่าไอ้ขี้วัว ขี้แกลบนี่ อีกทั้งไอ้ปลาแดก
กากน้ำตาลมันจะทำให้ข้าวในนามันชูช่อสะพรั่งไปทั่วนาอย่างท้าทายต่อสายตาบรรดาเซียนสารเคมีซะจริงๆ
บ่ะ ใครจะว่าตูบ้าก็บ้าละว่ะ"
เสียงบ่นพึมพำในลำคอของนร.ชาวนาผู้หนึ่ง
และแล้ว...โลกมันช่างไม่เที่ยงจริงๆ
ความสุขของชาวนาที่มีมาสามสี่เดือนพอมาถึงวันนี้(30 มีนาคม 49)
ชักไม่สุขซะแล้วซิ
ความหวังเริ่มหดหายไปเพราะน้ำตาจากฟ้าได้โหมกระหน่ำเทลงมา
ลมพายุฝนที่แสนจะใจดีที่หวังว่าจะให้บรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายได้คลายร้อน
แต่ในความหวังดีนั้นได้นำพาความทุกข์มาสู่ชาวนาผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติเหล่านี้
เพราะลมฝนที่มาได้พัดพาต้นข้าวที่กำลังออกรวงให้ล้มฟุบจมไปกับน้ำทำให้ต้องเร่งรีบวิดน้ำออกจากนากันทั่วทั้งบาง
โชคร้ายจากฝนลมยังไม่พอยังมีของแถมที่ไม่อยากได้ตามมาให้อีก คือ
เพลี้ย หนอน
ที่มารุมกินข้าวที่กำลังงามสะพรั่งทั้งท้องทุ่งทำให้ข้าวเหลืองตายไป
ต้องเข้าป่าหาสะเดา
บอระเพ็ดที่เข็ดขมระดมฉีดเข้าใส่
บางรายต้องวิ่งแจ้นแล่นหาร้านค้า
ร้านขายยาจนพ่อค้าหมอยาทั้งหลายต้องปวดหัวเพราะขายไม่ทัน
เขาว่าสูตรไหนดี ยี่ห้อไหนเยี่ยมก็เตรียมมา หนักเข้า
“บางราย ไบกอน, กย.15
ก็ไม่เว้น ( ชาวนาทั่วๆไป )
แล้วแต่จะนึกได้เพียงหวังแค่ว่า
เจ้าเพลี้ยร้ายจะหนีไปจากนา”
ถ้าไม่ไหวจริงๆบางคนก็จำใจเกี่ยวข้าวทั้งที่ข้าวยังไม่ทันแก่ดีนักแต่ต้องยอม
ดีกว่าจะไม่ได้อะไรเลย เพลี้ยที่ระบาดคราวนี้มันหนักหนาเอาการทีเดียว
ทำเอาบรรดา นร.ชาวนา(บางคน) ถึงกับออกปากบ่น
ไม่เว้นแม้แต่เซียนสารเคมีก็ต้องบอกว่ายอมแล้วผมยอมแล้ว
"เฮ้อ...ตั้งแต่ทำนามาก็ปีนี้แหละมันไม่เคยรุนแรงขนาดนี้เลย
แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้เขาหนอ"
ในสองสามวันนี้ไม่ว่าจะแวะบ้านไหนก็แทบจะไม่ต่างกันเลยกับเสียงบ่นของชาวนา
ความสุขสามสี่เดือนก่อนมันได้มลายหายไปมีแต่ความทุกข์เข้ามาแทนเพราะหวังจะขายข้าวปลดเปลื้องหนี้สินที่มีอยู่บัดนี้ความหวังได้หมดสิ้นไปแล้ว
วันนี้กลับต้องมาคิดว่าข้าวจะได้เกี่ยวไหมหนอ
คิดแล้วท้อจัง...
นกน้อยผู้ไกลรัง( พรชัย ชูเลิศ )
ขอขอบคุณ มูลนิธิข้าวขวัญ ที่ให้ความกรุณาเข้าร่วมกับ ชุมชน: ศูนย์รวมความรู้องค์กรพัฒนาเอกชน
ฝากไว้ให้ช่วยกันกระตุ้นสื่อเพื่อสังคมหน่อยนะครับ โปรดอ่านที่
ขอความเห็นจากทุกๆท่าน
เรื่องการตีแผ่วงจรธุรกิจน้ำเมา
แล้วไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อที่บอร์ดของทีวีบูรพา
ตามหัวข้อที่แนะนำนะครับ ขอขอบคุณ..
ผมอ่านจากหัวข้อ หงส์...ในฝูง...กา แสดงว่าปัญหาของคุณ
พรชัย ชูเลิศ แก้ได้เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ เพราะไปอ่าน
หัวข้อนั้นมาก่อน แล้วถึงมาอ่านหัวข้อนี้ เลยสับสนเล็กน้อย
อยากเห็นผลงานของคุณพรชัย ชูเลิศมากเลยครับ หรือ
นักเรียนชาวนาท่านอื่นๆ ก็มีผลงานเช่นเดียวกันครับ
เรื่องนี้อยาบอกว่าถ้าหากเราทำนาแบบเดิมที่ใช้สารเคมีอยู่เมื่อเกิดวิกฤตแล้วเราไม่มีทางรอดหรอก ถ้าเราไม่เปลี่ยนวิถีการผลิต เปลี่ยนวิธิคิดใหม่ก็จะเป็นตามเนื้อเรื่องที่มรีคน 2 พวก ที่รอดและไม่รอด เป็นไปตามกรรมแต่ละคน