วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังทำงานอยู่ลูกสาวนำภาพที่ถ่ายจากกล้องดิจิตอล(ถ่ายโหมดวีดีโอ)มาให้ดู เป็นภาพที่เขาถ่ายน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน บอกว่าถ่ายมิวสิควีดีโอ ผมเปิดดูแล้วรู้สึกอึ้งกับสิ่งที่เขาทำ ทั้งการผูกเรื่องราว ทั้งการกำกับการแสดง ทั้งจินตนาการ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นยังเรียนอยู่แค่ชั้นป.6 (ตอนนี้เรียนอยู่ ม.1)ผมจึงนำมาตัดต่อโดยใช้เวลาสั้นๆ เป็นการสอนลูกไปด้วย...นำมาฝากให้ดูด้วยครับ
ผมมักจะสังเกตลูกสาวผมคนนี้หลังจากที่เสร็จสิ้นการถ่ายละครเพื่อผลิตสื่อ เขามักจะชวนน้องๆ มาเล่นละครโดยตัวเขาเองเป็นผู้กำกับ บอกบท บอกอารมณ์ บอกคิว สั่งเดินกล้อง(ทั้งที่ไม่มีกล้อง) มันเป็นการซึมซับโดยไม่รู้ตัว ผมเคยแต่งเพลงให้ร้องตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เขาจะชินกับการอ่าน การฟัง การพูด เขาบรรยายบทละคร อ่านสปอตโฆษณาตั้งแต่ประถม 4 เวลาอ่านผมบอกให้ใส่อารมณ์ตรงนั้น เน้นเสียงตรงนี้ บอกเพียงครั้งเดียวเขาก็สามารถทำได้อย่างที่เราต้องการ
โลกยุคไอทีมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของผู้คนทุกระดับ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กและเยาวชน ถูกมอมเมาด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร โทรศัพท์มือถือกลายเป็นเครื่องประดับคู่กายใครที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ใหม่ คือผู้นำแฟชั่นที่คนมีรสนิยมอิจฉา ลูกสาวผมถูกกระแสค่านิยมพัดโถมเข้าใส่จนเขาเกือบจะยอมพ่ายแพ้ต่อมันหลายต่อหลายครั้ง ด้วยเพราะกำลังเข้าสู่วัยรุ่น อยากสวยอยากงาม อยากทำ อยากมีให้ทัดเทียมเพื่อน ใจหนึ่งผมเข้าใจลูก รู้สึกสงสาร และเกือบจะยอมแพ้เช่นกัน
เราต้องเป็นผู้ต่อต้านกระแสค่านิยมที่ผิดๆ นะลูก ลูกลองคิดดู หากวันนี้เราพ่ายแพ้แก่มัน แล้วเราในฐานะผู้สร้างสื่อดี สื่อเพื่อการพัฒนาจะตอบคำถามสังคมเขาได้อย่างไร ...และอนาคตลูกจะต้องเป็นผู้นำเยาวชน ที่จะต้องมีส่วนในศูนย์แห่งนี้ ลูกต้องมีความดีและเป็นแบบอย่างที่ดีได้ในทุกเรื่อง ลูกก็จะสามารถไปพูดที่ไหนก็ได้อย่างภาคภูมิใจ....นี่คือสิ่งที่ผมพูดและให้เหตุผลทุกครั้งที่เขาอ้อนวอนให้ซื้อโทรศัพท์มือถือ..ผมดีใจที่ผมและลูกยื้อมันไว้ได้ทุกครั้ง และจะต้องยืนยันในความคิดนี้จนกว่าจะถึงเวลาอันจำเป็นและสมควร
ชอบน่ะนี่ ที่ตามมาอ่านทุกตอน
ท่านวอญ่าครับ ขอบคุณครับที่ชอบเรื่องสนุกๆ เบาๆ ...ตอนเนี่ยอากาศเย็นๆ ท่านรักษาสุขภาพนะครับ
สวัสดีค่ะ
น่าภูมิใจทั้งคุณพ่อและคุณลูกค่ะ